คดีนี้สืบเนื่องมาจาก จำเลยที่ 2 ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์ โดยจำเลยที่ 2 ยอมชำระหนี้แก่โจทก์ ศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอมคดีถึงที่สุดแล้ว จำเลยที่ 2 ผิดนัดไม่ชำระหนี้ โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดสิทธิการเช่าที่ดินของวัดดอนแก้ว เนื้อที่140 ตารางวา และสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินซึ่งจำเลยที่ 2 เป็นผู้เช่าเพื่อขายทอดตลาดชำระหนี้ให้โจทก์
จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องว่า ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเป็นของวัดดอนแก้ว ซึ่งจำเลยที่ 2 เป็นผู้เช่า สิทธิการเช่าเป็นบุคคลสิทธิผูกพันระหว่างวัดดอนแก้วผู้ให้เช่ากับจำเลยที่ 2ผู้เช่า ถ้าขายทอดตลาดแล้ววัดดอนแก้วไม่ให้ผู้ซื้อเช่าการขายทอดตลาดจะเป็นโมฆะ สิทธิการเช่ารายนี้จึงไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี ขอให้ถอนการยึด
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "พิเคราะห์แล้วเห็นว่า สิทธิการเช่าดังกล่าวเป็นทรัพย์สินแม้ตามสัญญาเช่าระหว่างจำเลยที่ 2 ผู้เช่ากับวัดดอนแก้วผู้ให้เช่า จะห้ามจำเลยที่ 2 มิให้โอนสิทธิการเช่าดังกล่าวไปยังบุคคลภายนอกโดยไม่ได้รับความยินยอมจากวัดดอนแก้วก็ไม่ใช่ทรัพย์สินที่โอนกันไม่ได้ตามกฎหมาย หากผู้ให้เช่ายินยอมก็สามารถโอนกันได้ ทั้งไม่มีบทบัญญัติแห่งกฎหมายใดบัญญัติว่าเป็นทรัพย์สินที่ไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี สิทธิการเช่าของจำเลยที่ 2 จึงไม่ใช่ทรัพย์สินที่ไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดีดังฎีกาของจำเลยที่ 2 ที่ศาลล่างทั้งสองให้ยกคำร้องของจำเลยที่ 2 ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยที่ 2ฟังไม่ขึ้น"
พิพากษายืน