โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้ให้บริษัทโอกูระ จำกัด สัญชาติญี่ปุ่นเช่าบ้านของโจทก์อยู่ ต่อมามีพระราชบัญญัติว่าด้วยการกักคุมและควบคุมจัดกิจการหรือทรัพย์สินของบุคคลที่เป็นศัตรูต่อสหประชาชาติ 2488 ออกใช้กิจการและทรัพย์สินของบริษัทโอกูระจำกัด ได้ตกอยู่ในความครอบครองและควบคุมของจำเลย ๆ ได้เข้าควบคุมบ้านเช่าของโจทก์แล้วได้ปล่อยหรือยินยอมให้สหประชาชาติเข้าครอบครองสืบต่อมาจนวันฟ้องค้างค่าเช่าโจทก์ 9 เดือน จึงฟ้องขอให้จำเลยชำระค่าเช่าที่ค้างและเดือนต่อ ๆ ไป จนกว่าสัญญาเช่าจะสิ้นสุดลงตามกฎหมาย
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระค่าเช่าค้าง 9 เดือน พร้อมทั้งดอกเบี้ย
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา ขอให้จำเลยชำระค่าเช่าสำหรับเดือนต่อไปอีกเดือนละ 600 บาท
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(4) นั้น ศาลจะพิพากษาให้ชำระค่าเช่าและค่าเสียหาย จนถึงวันที่ได้ชำระเสร็จตามคำพิพากษาก็ได้ แต่บทบัญญัติที่ว่านี้ก็ให้อำนาจศาลไว้สำหรับจะบังคับให้เมื่อ ศาลเห็นสมควรเท่านั้น แต่คดีนี้จำเลยก็ได้ให้การและนำสืบว่า จำเลยมิได้ครอบครองทรัพย์สินที่เช่าแต่อย่างใดเลย ที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์เนื่องจากบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการกักคุมตัวและควบคุมจัดกิจการหรือทรัพย์สินของบุคคลที่เป็นศัตรูต่อสหประชาชาติ 2488 และให้จำเลยรับผิด ถึง 9 เดือนตามฟ้อง ก็เพราะจำเลยมิได้ให้การต่อสู้คัดค้านคำฟ้องเป็นประเด็นอย่างใดต่างหากอีกเท่านั้นจึงเห็นว่าที่ศาลล่างมิได้พิพากษาให้จำเลยต้องรับผิดชำระค่าเช่าต่อจากวันฟ้องมานั้น เป็นการสมควรแล้ว ให้ยกฎีกาโจทก์โดยพิพากษายืน