โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จำเลยเป็นบุตรหมื่นมุ่งราชกิจและนางนางผู้ตายทรัพย์มรดกมีที่นา 2 แปลง ตกได้แก่โจทก์จำเลยและทายาททุกคนทายาทปรึกษาจะแบ่งมรดกกัน แต่จำเลยทั้งสองขัดขวางไม่ยอมแบ่งและอ้างว่ามีพินัยกรรมที่ผู้ตายยกทรัพย์มรดกให้จำเลย ขอให้ศาลพิพากษาว่าพินัยกรรมเป็นโมฆะ หากใช้ได้ก็ใช้ได้เฉพาะส่วนที่เป็นมรดกของนางนาง และสั่งกำจัดไม่ให้จำเลยทั้งสองได้รับมรดกในทรัพย์ตามฟ้อง แล้วแบ่งทรัพย์มรดกให้โจทก์
จำเลยสู้ว่า ผู้ตายทั้งสองได้แบ่งที่นาพิพาททั้งสองแปลงให้บุตรเป็นส่วนสัดก่อนตาย คงกันที่ไว้ 2 แห่งเพื่อทำกิน และก่อนตายได้ทำพินัยกรรมยกที่ทั้ง 2 แห่งที่กันไว้นั้นให้จำเลยที่ 1 คดีโจทก์ขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า ที่นาพิพาททั้งสองแปลงเป็นสินสมรสระหว่างหมื่นมุ่งราชกิจและนางนาง ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ทั้งสองคนนี้ได้แบ่งนาพิพาททั้งสองแปลงให้บุตรทั้ง 6 คนเป็นส่วนสัดไปแล้ว คงกันที่บางส่วนไว้ทำกินโดยไม่ได้แบ่งให้ทายาทคนใด พินัยกรรมที่จำเลยอ้างนั้นเป็นพินัยกรรมปลอมไม่สมบูรณ์ แต่ไม่พอฟังว่าจำเลยทำปลอมขึ้น จึงให้แบ่งที่ที่กันไว้ทำกินทั้ง 2 แห่งนั้นเป็น6 ส่วน ให้โจทก์จำเลยได้คนละส่วน
โจทก์จำเลยต่างอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าพินัยกรรมที่หมื่นมุ่งราชกิจและนางนางทำไว้ใช้ได้โดยชอบจึงพิพากษาแก้ให้ที่ทั้ง 2 แปลงที่ผู้ตายกันไว้ทำกินตกเป็นของจำเลยที่ 1 ตามพินัยกรรม
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งรับเป็นฎีกาเพราะเหตุที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นมาก
ศาลฎีกาเห็นว่า ที่นาพิพาท 2 แปลงนั้น หมื่นมุ่งราชกิจได้แบ่งให้บุตรทั้ง 6 คนทำกินเป็นส่วนสัดไปแล้ว คงกันที่ไว้ทำกิน 2 แห่งหมื่นมุ่งราชกิจ และนางนางได้ทำพินัยกรรมที่ที่กันไว้ทำกินทั้ง 2 แห่งนี้ให้แก่จำเลยที่ 1 พินัยกรรมดังกล่าวนี้สมบูรณ์มีผลตามกฎหมาย
พิพากษายืน ยกฎีกาโจทก์