โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 2238จำเลยได้ขออาศัยที่ดินโจทก์ด้านทิศเหนือ เพื่อปลูกบ้านอยู่อาศัยคือบ้านเลขที่ 567 โจทก์ไม่ประสงค์จะให้จำเลยอยู่อาศัยในที่ดินโจทก์อีกต่อไป ขอให้ขับไล่จำเลยและบริวาร ให้รื้อถอนบ้านเลขที่ 567 และขนย้ายทรัพย์สินออกจากที่ดินโจทก์ส่งมอบที่ดินคืนโจทก์ในสภาพที่เรียบร้อย
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า เมื่อต้นปี 2513 โจทก์ขอให้จำเลยยกห้องแถวเลขที่ 479 ให้โจทก์ โดยโจทก์ยกที่ดินพิพาทซึ่งอยู่ด้านทิศเหนือเนื้อที่ 16 ตารางวา ให้จำเลยแทนโดยมิได้จดทะเบียนจำเลยได้สร้างบ้านบนที่ดินพิพาท คือบ้านเลขที่ 567 และได้เข้าครอบครองที่ดินพิพาทโดยสงบและเปิดเผย ด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันเป็นเวลากว่า 10 ปี จนได้สิทธิ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 การที่นายอ้วน เจติยานนท์พี่ชายโจทก์ร้องขอแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดินต่อศาลชั้นต้น และไปขอออกโฉนดที่ดินใหม่นำที่ดินที่ได้มาทำสัญญายกให้โจทก์โดยเสน่หาเป็นการไม่ชอบ เพราะโจทก์และนายอ้วนต่างทราบดีว่าจำเลยได้ครอบครองอยู่ขอให้ยกฟ้องโจทก์ และพิพากษาว่าที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 ห้ามโจทก์เข้าเกี่ยวข้องและเพิกถอนนิติกรรมการให้ระหว่างนายอ้วนกับโจทก์ เฉพาะส่วนที่เกี่ยวกับที่ดินพิพาท ให้โจทก์แบ่งแยกโฉนดที่ดิน เลขที่ 2238แยกที่ดินพิพาท 16 ตารางวา ให้จำเลย หากโจทก์ไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของโจทก์
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับเป็นคำให้การ ส่วนฟ้องแย้งนั้นให้รับไว้เว้นแต่ฟ้องแย้งตามข้อ 4 ไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิมจึงไม่รับ
จำเลยอุทธรณ์คำสั่งขอให้รับฟ้องแย้งทั้งหมด
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า สภาพแห่งข้อหาของโจทก์เป็นเรื่องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินพิพาท หากจำเลยนำสืบได้ตามเหตุแห่งการปฏิเสธข้อแรก โจทก์ก็ไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินพิพาท แต่การที่จำเลยฟ้องแย้งให้โจทก์ไปจดทะเบียนเพิกถอนการจดทะเบียนการให้ที่ดินเฉพาะส่วนของจำเลยระหว่างนายอ้วนกับโจทก์ตามเหตุแห่งการปฏิเสธในประการที่ 2 นั้นเป็นคำฟ้องแย้งที่มีคำขอให้บังคับบุคคลภายนอกจึงเป็นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสามศาลอุทธรณ์ภาค 2 วินิจฉัยชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน