โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้รับมอบเงินจำนวน 500,000 บาทจากนางดวงพร ผู้เสียหาย ฝากให้นำเงินไปมอบแก่นายปรีชา แต่จำเลยกลับเบียดบังเอาเงินจำนวนดังกล่าวเสียโดยทุจริต ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 และให้จำเลยใช้เงินจำนวน500,000 บาท แก่ผู้เสียหายด้วย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา นางดวงพร อุณหศิริพร ผู้เสียหาย ยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 352 จำคุก 6 เดือน ให้จำเลยใช้เงินจำนวน 500,000 บาทแก่ผู้เสียหาย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงที่ฝ่ายโจทก์และจำเลยไม่โต้เถียงกันรับฟังได้ในเบื้องต้นว่า เมื่อประมาณต้นปี2533 นายบุญชัยได้ทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินเนื้อที่ประมาณ 1,000 ไร่ราคาไร่ละ 15,000 บาทเศษ จากนายปรีชา ต่อมาเมื่อวันที่ 10กรกฎาคม 2533 นายบุญชัยได้ชำระราคาที่ดินดังกล่าวโดยโอนเงินมาให้โจทก์ร่วม จำนวน 500,000 บาท ผ่านทางธนาคารทหารไทย จำกัดสาขาครบุรี โจทก์ร่วมได้เบิกเงินจำนวน 500,000 บาทมา และนายบุญชัยได้บอกโจทก์ร่วมว่าให้มอบเงินจำนวนดังกล่าวแก่จำเลยเพื่อให้จำเลยนำไปมอบให้แก่นายปรีชา โจทก์ร่วมจึงมอบเงินจำนวน500,000 บาท ดังกล่าวให้แก่จำเลยไป
ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยในชั้นนี้มีว่า โจทก์ร่วมเป็นผู้เสียหายหรือไม่ เห็นว่าเงินจำนวน 500,000 บาท ที่นายบุญชัยโอนมาให้โจทก์ร่วมโดยผ่านทางธนาคารทหารไทย จำกัด สาขาครบุรี นั้นโจทก์ร่วมมีหน้าที่เพียงเบิกเงินจากธนาคารทหารไทย จำกัด สาขาครบุรี มามอบให้แก่จำเลยตามคำสั่งของนายบุญชัยเท่านั้น โจทก์ร่วมจึงเป็นเพียงตัวแทนของนายบุญชัย หาได้เป็นผู้รับฝากเงินจำนวนดังกล่าวจากนายบุญชัยไม่ เมื่อโจทก์ร่วมได้มอบเงินจำนวน 500,000 บาทให้แก่จำเลยรับไปตามคำสั่งของนายบุญชัยแล้ว ความรับผิดชอบในเงินจำนวนดังกล่าวของโจทก์ร่วมในฐานะตัวแทนก็หมดหน้าที่และหมดความรับผิดต่อนายบุญชัยตัวการ แม้จำเลยไม่ได้นำเงินไปมอบให้แก่นายปรีชา โจทก์ร่วมก็ไม่ต้องรับผิดชอบต่อนายบุญชัยเกี่ยวกับเงินจำนวนดังกล่าว เช่นนี้ โจทก์ร่วมจึงไม่ใช่ผู้เสียหายจากการกระทำผิดของจำเลย โจทก์ร่วมจึงไม่มีอำนาจร้องทุกข์กรณีนี้ผู้ได้รับความเสียหายคือนายบุญชัย นายบุญชัยจึงเป็นผู้เสียหาย คดีนี้เป็นคดีอันยอมความกันได้ และไม่ปรากฏว่านายบุญชัยผู้เสียหายได้ร้องทุกข์ขอให้เจ้าพนักงานตำรวจดำเนินคดีแก่จำเลยฉะนั้นโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาให้ยกฟ้องชอบด้วยรูปคดีแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น"
พิพากษายืน.