ผู้ร้องขอให้ศาลมีคำสั่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของผู้วายชนม์ ศาลชั้นต้นรับคำร้องและประกาศนัดไต่สวนตามระเบียบแล้ว ต่อมาทราบว่าศาลได้มีคำสั่งตั้งผู้จัดการมรดกรายนี้ไว้แล้วคดีอื่น ศาลชั้นต้นจึงสั่งให้เพิกถอนคำสั่งเดิมเป็นไม่รับคำร้องของผู้ร้อง ให้จำหน่ายคดี ผู้ร้องอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "ที่ผู้ร้องฎีกาว่า การร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกคดีนี้ไม่ซ้ำกับการจัดการมรดกในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 18529/2530 ของศาลชั้นต้น เพราะคดีนี้เป็นการร้องขอจัดการมรดกตามพินัยกรรมฉบับลงวันที่ 27 กันยายน 2515 ซึ่งผู้รับมรดกเป็นผู้รับพินัยกรรม ลักษณะทั่วไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1651(1) ส่วนในคดีดังกล่าวเป็นการร้องขอจัดการมรดกตามพินัยกรรม ฉบับลงวันที่ 3 กันยายน 2520 ซึ่งผู้รับมรดกเป็นผู้รับพินัยกรรมลักษณะเฉพาะตามบทมาตราดังกล่าว (2) พิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีนี้กับคดีดังกล่าวเป็นการร้องขอจัดการมรดกของพลตรีสงวน โรจนวงศ์ ผู้วายชนม์ด้วยกัน เมื่อศาลได้มีคำสั่งตั้งผู้จัดการมรดกของผู้วายชนม์ไว้แล้วโดยมิได้จำกัดอำนาจของผู้จัดการมรดกไว้เฉพาะแต่ทรัพย์สินบางอย่าง ดังนั้นทรัพย์มรดกที่ผู้ร้องขอจัดการนั้นก็เป็นทรัพย์สินที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของผู้จัดการมรดกในคดีเดิมที่จะต้องดำเนินการอยู่แล้ว ผู้ร้องอาจจะขอให้ผู้จัดการมรดกในคดีเดิมดำเนินการให้ได้ การที่ผู้ร้องมาร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของผู้วายชนม์อีก ดังนี้ จึงเป็นการร้องขอให้ศาลตั้งผู้จัดการมรดกซ้อนกัน แม้คดีแรกกับคดีนี้จะเป็นการร้องขอจัดการมรดกตามพินัยกรรมต่างฉบับกันดังที่ผู้ร้องกล่าวอ้างมาตามฎีกา ก็เป็นการขอจัดการมรดกรายเดียวกัน ศาลล่างทั้งสองไม่รับคำร้องของผู้ร้องชอบแล้ว ฎีกาผู้ร้องฟังไม่ขึ้น"
พิพากษายืน