ความว่า ที่สวนยางรายพิพาท นางแย่นจำเลยกับนายเซียวถ้ำสามีได้ช่วยกันโก่นสร้างทำเป็นสวนยางขึ้น ต่อมานายเซียวถ้ำตาย นางแย่นจำเลยได้รับมฤดกครอบครองต่อเรื่อยมา นายแส้นจำเลยเป็นเพียงบุตรบุญธรรมของนางแย่น นายแส้นได้ไปทำสัญญาขายฝากไว้กับนางเกี้ยว ๆ มาโอนขายให้แก่โจทก์เดือนเศษ โจทก์จึงได้มาฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ขึ้นว่า จำเลยเป็นผู้เช่าสวนยางรายนี้จากนางเกี้ยว โจทก์ไม่มีความประสงค์ให้จำเลยอยู่ต่อไป จึงขอให้ขับไล่ นางแย่นจำเลยให้การว่าสวนยางเป็นของจำเลยครอบครองมาแต่ผู้เดียว ไม่เคยเช่าจากนางเกี้ยว นายแส้นจำเลยขาดนัด ทั้งยื่นคำให้การ และชั้นพิจารณา ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงตามที่จำเลยนำสืบ นางเกี้ยวไม่มีสิทธิในที่ดินรายนี้ โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับโอนไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอน พิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์ฟังว่า โจทก์ได้รับซื้อไว้โดยสุจริต และมีค่าตอบแทน โจทก์จึงได้กรรมสิทธิตาม ป.ม.แพ่งฯ มาตรา ๑๒๙๙,๑๓๐๐ พิพากษากลับ ให้ขับไล่
นายแย่นจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า นายแย่นจำเลยผู้เป็นเจ้าของมีสิทธิครอบครอง มิได้รู้เห็นยินยอมในการที่นายแส้นไปทำสัญญาขายฝากแก่นางเกี้ยว แล้วนางเกี้ยวก็ไม่ได้สิทธิในที่รายนี้ โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับโอนจึงไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอน ทั้งการโอนเป็นไปโดยไม่สุจริต คดีไม่เข้าลักษณะตามมาตรา ๑๒๙๙,๑๓๐๐
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีไปตามศาลชั้นต้น.