โจทก์ ฟ้อง ขอให้ ลงโทษ จำเลย ตาม พระราชบัญญัติ ยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 102 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 และ ริบของกลาง ทั้งหมด
จำเลย ที่ 1 ให้การ ปฏิเสธ ส่วน จำเลย ที่ 2 ให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้น พิพากษา ว่า จำเลย ทั้ง สอง มี ความผิด ตาม พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 ประกอบ มาตรา 66 วรรคสองลงโทษ จำเลย ที่ 1 ฐาน จำหน่าย เฮโรอีน ซึ่ง เป็น บทหนัก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ให้ ประหารชีวิต ลงโทษ จำเลย ที่ 2ฐาน มี เฮโรอีน ไว้ ใน ครอบครอง เพื่อ จำหน่าย รวม 2 กระทง ให้ เรียง กระทงลงโทษ ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ให้ ประหารชีวิต จำเลย ที่ 2ทั้ง สอง กระทง จำเลย ที่ 1 ให้การรับสารภาพ ใน ชั้น จับกุม ส่วนจำเลย ที่ 2 ให้การรับสารภาพ ใน ชั้นพิจารณา เป็น ประโยชน์ แก่การ พิจารณา มีเหตุ บรรเทา โทษ ลดโทษ ให้ จำเลย ที่ 1 หนึ่ง ใน สาม และ ลดโทษให้ จำเลย ที่ 2 กึ่งหนึ่ง ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 52 คง จำคุก จำเลย ที่ 1 ตลอด ชีวิต จำคุก จำเลย ที่ 2 กระทง ละ25 ปี รวม จำคุก 50 ปี และ ริบของกลาง
จำเลย ทั้ง สอง อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
จำเลย ทั้ง สอง ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า จำเลย ที่ 2 มี เฮโรอีน ไว้ ใน ครอบครองเพื่อ จำหน่าย อยู่ ใน ที่พัก ของ จำเลย ที่ 2 แล้ว จำนวน 4 ถุง ต่อมาจำเลย ที่ 2 เดิน ออกจาก ที่พัก ไป รับ เอา เฮโรอีน จาก จำเลย ที่ 1ใน ที่เกิดเหตุ อีก จำนวน 4 ถุง เพื่อ เอาไว้ จำหน่าย เฮโรอีน ที่ รับ จากจำเลย ที่ 1 เป็น คน ละ จำนวน กับ เฮโรอีน ที่ จำเลย ที่ 2 มี อยู่ เดิมถือว่า เป็น การ มี เฮโรอีน ไว้ ใน ครอบครอง เพื่อ จำหน่าย กรรม ใหม่ ขึ้น อีกกระทง หนึ่ง ที่ ศาลล่าง ทั้ง สอง พิพากษา ลงโทษ จำเลย ที่ 2 ฐาน มีเฮโรอีน ไว้ ใน ครอบครอง เพื่อ จำหน่าย รวม 2 กระทง ถูกต้อง แล้วฎีกา ของ จำเลย ที่ 2 ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน