กรณีนี้  เดิมโจทก์ฟ้องเรียกเงินจากจำเลย  แล้วจำเลยทำยอมต่อศาล  ชำระเงินแก่โจทก์  แต่จำเลยผิดนัดชำระหนี้  โจทก์จึงดำเนินการบังคับคดียึดที่ดิน ๑ แปลงของนายแจง  ศรีธาราม  บิดาจำเลยเพื่อขายทอดตลาด  อ้างว่านายแจงเป็นผู้ค้ำประกันที่ยอมรับผิดใช้หนี้แทนจำเลยในเมื่อจำเลยไม่ชำระ
นายแจงผู้ร้องคัดค้านว่ามิได้เป็นผู้ค้ำประกันจำเลย  โจทก์ไม่มีอำนาจยึดทรัพย์ของผู้ร้อง  ขอให้ถอนการยึด
โจทก์ยืนยันว่าผู้ร้องเป็นผู้ค้ำประกันจำเลยต่อศาล
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วฟังว่า  ผู้ร้องเป็นผู้ค้ำประกันจำเลยต่อศาล  เมื่อจำเลยผิดนัดไม่ชำระหนี้แก่โจทก์  โจทก์ย่อมขอยึดทรัพย์ผู้ร้องในการบังคับคดีได้  พิพากษายกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์  ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า  ตามพฤติการณ์แห่งรูปคดี  ฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่าผู้ร้องได้ตกลงค้ำประกันจำเลยไว้จริง  ผู้ร้องจึงต้องรับผิดในฐานะผู้ค้ำประกันในศาล  ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๗๔
พิพากษายืน