โจทก์ฟ้องว่าระหว่างวันที่ ๒๓,๒๔ พ.ค.๙๗ เวลากลางคืนมีคนร้ายลักจักรยานสามล้อของนายปานซึ่งอยู่ในความดูแลของนายฟุ้งไป ต่อมาจำเลยได้นำรถคันนี้ไปขอรับใบอนุญาตต่อนายทะเบียนยานพาหนะ ทั้งนี้โดยจำเลยรับหรือรับรถคันนี้ไว้จากโจร โดยรู้ว่าเป็นรถที่ได้มาจากการกระทำผิดและจำเลยบังอาจนำความเท็จไปแจ้งให้เจ้าพนักงานยานพาหนะว่าจำเลยได้ซื้อรถคันนี้จากนายชวลิตเจ้าของร้านชนนิยมตามใบรับซึ่งนางชวลิตออกให้ซึ่งความจริงจำเลยหาได้ซื้อรถมาจากนายชวลิตไม่ การกระทำของจำเลยอาจเกิดความเสียหายแก่เจ้าทรัพย์หรือนายทะเบียนยานพาหนะได้ ขอให้ลงโทษจำเลยตาม ม.๒๙๓,๓๒๑,๒๒๖,๔๑,๔๒,๗๑ และลงโทษที่รอด้วย
จำเลยปฏิเสธว่ามิได้กระทำผิดและแถลงว่าจำเลยได้ซื้อรถจักรยานคันนี้มาจากผู้อื่นโดยสุจริตไม่ทราบว่า เป็นของที่ได้มาโดยมิชอบและได้นำรถไปขอจดทะเบียนต่อเจ้าพนักงานโดยสุจริต ส่วนข้อเคยต้องโทษจำเลยรับว่าเป็นจริงตามฟ้อง
ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยได้ซื้อรถคันนี้มาโดยสุจริต ไม่รู้ว่าเป็นของร้านที่ได้มาจากการกระทำผิด ก.ม.จึงไม่จำเป็นที่จะต้องวินิจฉัยในข้อหาฐานบอกให้เจ้าพนักงานจดข้อความเท็จต่อไป พิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่าจำเลยมีความผิดตาม ม.๓๒๑,๒๒๖ ให้รวมกะทงลงโทษจำคุกจำเลย ๑ ปี ฯ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยได้ซื้อรถคันนี้มาโดยไม่รู้ว่าเป็นของร้ายที่ได้มาโดยการกระทำผิดดังความเห็นศาลชั้นต้น แต่เมื่อจำเลยนำรถไปจดทะเบียนต่อเจ้าพนักงานจำเลยได้ให้เจ้าพนักงานจดข้อความซึ่งจำเลยรู้อยู่แล้วว่าเป็นเท็จลงในทะเบียนยานพาหนะซึ่งเป็นหนังสือราชการว่าเป็นรถที่จำเลยซื้อมาจากนายชวลิตเจ้าของร้านค้า "ชนนิยม" ซึ่งความจริงจำเลยหาได้ซื้อรถมาจากนายชวลิตไม่ การกระทำของจำเลยอาจเกิดความเสียหายแก่เจ้าทรัพย์และเจ้าพนักงานได้ จำเลยจึงมีผิดฐานบอกให้เจ้าพนักงานจดข้อความเท็จตาม ก.ม.อาญา ม.๒๒๖
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่า จำเลยมีความผิดตาม ก.ม.อาญา ม.๒๒๖ ให้จำคุกจำเลย ๓ เดือน ฯลฯ