โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. ๒๕๓๔ มาตรา ๔ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓, ๙๑
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษากลับว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. ๒๕๓๔ มาตรา ๔ ประกอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓ การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันเรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑ ลงโทษปรับจำเลยที่ ๑ กระทงละ ๖๐,๐๐๐ บาท รวม ๓ กระทง เป็นเงิน ๑๘๐,๐๐๐ บาท จำคุกจำเลยที่ ๒ กระทงละ ๑ ปี รวม ๓ กระทง เป็นจำคุก ๓ ปี จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงปรับจำเลยที่ ๑ เป็นเงิน ๙๐,๐๐๐ บาท จำคุกจำเลยที่ ๒ มีกำหนด ๑ ปี ๖ เดือน หากจำเลยที่ ๑ ไม่ชำระค่าปรับให้บังคับตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙
จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๒ ฎีกาโดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษา ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่ศาลล่างทั้งสองลงโทษจำคุกจำเลยที่ ๒ กระทงละ ๑ ปี รวม ๓ กระทง เป็นจำคุก ๓ ปี และลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ กึ่งหนึ่ง เป็นจำคุก ๑ ปี ๖ เดือน แทนที่จะลดโทษแต่ละกระทงก่อนแล้วจึงรวมโทษจำคุกที่ลดแล้วแต่ละกระทงเข้าด้วยกัน ไม่ถูกต้อง ปัญหาข้อนี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จำเลยที่ ๒ มิได้ยกขึ้นฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เอง ตามประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๙๕ วรรคสอง ประกอบมาตรา ๒๒๕
พิพากษาแก้เป็นว่า จำคุกจำเลยที่ ๒ กระทงละ ๑ ปี จำเลยที่ ๒ ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดี มีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่ง คงจำคุกกระทงละ ๖ เดือน รวม ๓ กระทง จำคุก ๑๘ เดือน นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์