คดี นี้ สืบเนื่อง จาก โจทก์ ฟ้อง หา ว่า จำเลย ได้ ใช้ รถยนต์ บรรทุกของกลาง บรรทุก แร่ เกินกว่า อัตรา ที่ กฎหมาย กำหนด จำเลย ให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้น พิพากษา ลงโทษ จำเลย และ ริบ ของกลาง ผู้ร้องยื่น คำร้อง ว่า เป็น เจ้าของ รถยนต์ ของกลาง ที่ ถูก ศาล ริบ และ ไม่รู้ เห็น เป็นใจ ใน การ กระทำ ผิด ของ จำเลย ขอ ให้ ศาล สั่ง ค้น รถยนต์ของกลาง ที่ ถูก ริบ ศาลชั้นต้น มี คำสั่ง ให้ ยก คำร้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษา กลับ ให้ คืน รถยนต์ ของกลาง แก่ ผู้ร้อง โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า ตาม สัญญา เช่าซื้อฯ ผู้เช่าซื้อ จะ ต้อง ชำระค่า เช่าซื้อ ให้ ผู้ร้อง เป็น งวด งวด ละ เดือน เป็น เวลา 30 งวดฯชำระ งวดแรก วันที่ 10 มีนาคม 2527 งวด สุดท้าย จึง เป็น ภายใน วันที่10 มีนาคม 2529 จำเลย นำ รถยนต์ ของกลาง ไป กระทำ ความผิด เมื่อ วันที่ 9 และ 10 พฤศจิกายน 2527 จึง เป็น ระยะเวลา อยู่ ระหว่าง สัญญาเช่าซื้อ ดังกล่าว ผู้ร้อง ยัง เป็น เจ้าของ รถยนต์ ของกลาง ที่ โจทก์ฎีกา ว่า สัญญา เช่าซื้อ เอกสาร หมาย จ.4 ข้อ 7 ระบุ ว่า ถ้า รถ ถูกยึด หรือ ตก เป็น ของ รัฐ ผู้เช่า ยินยอม ชดใช้ ราคา ค่า เช่าซื้อ ที่เหลือ ทั้งหมด ให้ เจ้าของ ทันที มี ผล เท่ากับ ผู้ร้อง มิใช่ เจ้าของรถยนต์ ของกลาง นั้น เห็นว่า ข้อ สัญญา ดังกล่าว เป็น เพียง ข้อ ตกลงเพื่อ ให้ ผู้ร้อง ได้ ค่า เช่าซื้อ โดย ครบถ้วน เท่านั้น หา มี ผลเกี่ยวกับ กรรมสิทธิ์ ใน รถยนต์ ของกลาง แต่ อย่างใด ไม่ การ ที่ จำเลยนำ รถยนต์ ของกลาง ไป บรรทุก แร่ จน มี น้ำหนัก เกินกว่า ที่ กฎหมายกำหนด ก็ ไม่ ปรากฏ ว่า ผู้ร้อง ได้ กระทำ การ ใด เพื่อ ประโยชน์ แก่จำเลย เชื่อ ได้ ว่า ผู้ร้อง มิได้ รู้เห็น เป็นใจ ใน การ กระทำ ความผิด ผู้ร้อง จึง มี สิทธิ ขอ คืน รถยนต์ ของกลาง ได้ ที่ ศาลอุทธรณ์พิพากษา มา นั้น ศาลฎีกา เห็นพ้อง ด้วย ฎีกา โจทก์ ฟัง ไม่ ขึ้น
พิพากษา ยืน'