โจทก์ฟ้องและแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้รับมรดกและเป็นผู้จัดการมรดกของนายสรวง จันทวสุ เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2502นายสรวง จันทวสุ ได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ที่จำเลยเป็นลูกหนี้ธนาคารเกษตร จำกัดเป็นเงิน 354,074.78 บาทโดยชำระหนี้แทน และได้ชำระหนี้ดังกล่าวแล้ว ต่อมาวันที่ 16 ตุลาคม 2506 จำเลยได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ให้ไว้กับนายสรวง จันทวสุ โดยวิธีผ่อนชำระเป็นงวดงวดแรกชำระ 54,074.78 บาท และงวดต่อไปเดือนละ 30,000 บาทจำเลยชำระเงินตามหนังสือรับสภาพหนี้ดังกล่าวแล้ว ยังค้างชำระ180,000 บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินที่ค้างชำระรวมทั้งดอกเบี้ย5 ปี เป็นเงิน 237,500 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงิน 180,000 บาท นับจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยเป็นหนี้ธนาคารเกษตร จำกัด ไม่เคยเป็นหนี้นายสรวง จันทวสุ และไม่เคยทำหนังสือรับสภาพหนี้ตามสำเนาท้ายฟ้อง หนังสือดังกล่าวไม่เป็นหนังสือรับสภาพหนี้ หากจำเลยลงชื่อในหนังสือจริง จำเลยก็ทำตามคำร้องขอของนายสรวง จันทวสุ เพื่อนายสรวงจะเอาไปเป็นหลักฐานประกอบการกู้ยืมเงินจากนายทองดีสกุลไทย หนี้ตามฟ้องมีกำหนดจ่ายเป็นระยะเวลา โจทก์ฟ้องภายหลังจากผิดนัดเกิน 5 ปีขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินให้โจทก์ 180,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันที่ 13 พฤษภาคม 2512ซึ่งเป็นวันผิดนัดไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยอ้างเป็นทำนองว่าไม่มีกฎหมายบัญญัติให้หนังสือรับสภาพหนี้ก่อให้เกิดหนี้ หนี้ต้องมีมูลมาจากเหตุอื่น จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดในหนี้ตามหนังสือรับสภาพหนี้นั้นเห็นว่า จริงอยู่ที่การรับสภาพหนี้นั้นมิใช่เป็นการก่อให้เกิดหนี้ขึ้นใหม่ในตัวเอง แม้กระนั้นก็ดี การรับสภาพหนี้ก็เป็นนิติกรรมประเภทสงวนสิทธิเรียกร้องอันมีอยู่ในมูลหนี้เดิมให้คงมีอยู่ต่อไปและไม่ขาดอายุความ หนังสือรับสภาพหนี้จึงเป็นหลักฐานแห่งการสงวนสิทธิเรียกร้องอันมีอยู่ในมูลหนี้เดิมนั้นเอง เพราะฉะนั้นโจทก์ย่อมจะบังคับตามสิทธิเรียกร้องของตน ดังที่ปรากฏในหนังสือรับสภาพหนี้นั้นได้ ถ้าหากจำเลยได้รับสภาพหนี้โดยชอบและหนังสือรับสภาพหนี้ถูกต้อง
ที่จำเลยอ้างว่าคดีโจทก์ขาดอายุความ เพราะหนี้ตามเอกสาร จ.12 มีกำหนดจ่ายเป็นระยะเวลานับแต่ผิดนัดเป็นเวลาเกิน 5 ปีแล้วเรื่องนี้ตามหนังสือรับสภาพหนี้และขอผ่อนชำระหนี้เป็นงวด ๆ ของจำเลยนั้น โจทก์เบิกความรับอยู่ว่านายสรวง จันทวสุ ตกลงตามข้อเสนอขอผ่อนชำระหนี้ของจำเลยเป็นงวด ๆ นั้น งวดแรกคือวันที่ 31 ตุลาคม 2506 โจทก์จึงอาจบังคับสิทธิเรียกร้องสำหรับหนี้รายนี้สำหรับงวดแรกตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา และจำเลยได้ผ่อนชำระมาเป็นคราว ๆ แต่ไม่ตรงตามงวด ทั้งจำเลยก็ได้เคยชำระหนี้รายพิพาทครั้งหนึ่งด้วยเช็คเงินสด จำนวนเงิน 500 บาท ฉบับลงวันที่ 22 พฤษภาคม 2511 จึงถือได้ว่าจำเลยได้รับสภาพหนี้ด้วยการใช้เงินบางส่วนแก่โจทก์แล้วตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172 อันเป็นผลทำให้อายุความ 5 ปีสำหรับการชำระเงินงวดแรกซึ่งยังไม่ครบกำหนดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 166 สะดุดหยุดลง อย่างไรก็ตามจำเลยมิได้ชำระเงินครบถ้วนตามงวดที่ได้ตกลงไว้ จึงต้องถือว่าการชำระหนี้บางส่วนดังกล่าวเป็นการรับสภาพหนี้รายพิพาททั้งหมดในวันที่ 22 พฤษภาคม 2511 ด้วย เมื่อเริ่มนับอายุความใหม่จากวันที่ 22 พฤษภาคม 2511 จนถึงวันฟ้องคือวันที่ 30 เมษายน 2513 เป็นเวลาเพียงหนึ่งปีเศษเท่านั้น คดีโจทก์หาขาดอายุความไม่
พิพากษายืน