โจทก์ฟ้องว่า นายคงบิดาโจทก์เป็นบุตรนางคล้อย เกิดจากนายแพ ๆ ตาย นางคล้อยได้กับนายมาบิดานายมีสามีจำเลย เมื่อ ๑๖ ปีมานี้ นางคล้อยแบ่งที่สวนทิศเหนือให้นางคง ทางทิศใต้ให้แก่นายมี ประมาณ ๑๔ ปีมานี้ นายคงยกที่สวนส่วนของนายคงให้แก่โจทก์ ในปีนั้นโจทก์ได้ย้ายไปอยู่ที่อื่น และฝากที่รายนี้ให้แก่นายมีครอบครองดูแลแทน โจทก์ได้มาถากถางหญ้าและเก็บผลไม้กินตลอดมา ปีที่แล้วนายมีตาย จำเลยไปขอตราจองที่รายนี้ทั้งหมด โจทก์ไปคัดค้านที่เจ้าพนักงาน เจ้าพนักงานสั่งให้โจทก์มาฟ้อง จึงขอให้ขับไล่จำเลยและขอห้ามมิให้จำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้องต่อไป
จำเลยให้การว่า เมื่อ ๑๔ - ๑๕ ปีมานี้ นายคงได้ขายที่ของนายคงด้วยวาจาให้แก่จำเลยกับสามี ๆ จำเลยกับจำเลยได้ปกครองถือเป็นเจ้าของตลอดมากว่า ๑๐ ปีแล้ว โจทก์ไม่เคยมาฝากและเกี่ยวข้องกับที่ดินรายนี้
ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า ที่พิพาทรายนี้ นายมีและจำเลยถือสิทธิครอบครองเป็นเจ้าของมากว่า ๑๐ ปีแล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยนำสืบผิดประเด็นว่า ที่ทั้งหมดเป็นมรดกได้แก่จำเลยและสามี จะว่าจำเลยนำสืบเรื่องครอบครองมาฝ่ายเดียวเกินกว่า ๑๐ ปี ที่วิวาทควรเป็นของจำเลยก็ไม่สู้ถนัดนัก เพราะจำเลยต่อสู้ว่า เข้าครอบครองโดยซื้อขาย ศาลอุทธรณ์เชื่อตามคำพยานโจทก์ว่า นายคงยกที่วิวาทให้แก่โจทก์ และโจทก์ฝากไว้กับนายมี แม้จำเลยจะครอบครองนานสักเท่าใด ก็ไม่เป็นปฏิปักษ์ พิพากษากลับ ให้ขับไล่จำเลยและบริวาร
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามคำให้การจำเลย ๆ ถือเอาการได้มาซึ่งที่รายวิวาทผิดประเด็นก็ดี หาเป็นการตัดไม่ให้รับวินิจฉัยข้อครอบครองเกิน ๑๐ ปี ของจำเลยเสียได้ไม่
ศาลฎีกาไม่เชื่อว่า นายคงยกที่วิวาทให้แก่โจทก์+ จำเลยเข้าครอบครองที่วิวาทมาเกิน ๑๐ ปีแล้ว
พิพากษากลับให้บังคับคดีไปตามศาลชั้นต้น