คดีนี้สืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นออกคำบังคับและออกหมายบังคับคดี ให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยตามคำพิพากษาจำเลยไม่ชำระ โจทก์จึงนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินของจำเลยจำนวน 5 แปลง ประกาศขายทอดตลาดหลายครั้งจนกระทั่งครั้งที่ 14 เป็นครั้งสุดท้ายมีผู้เสนอสู้ราคา 3 ราย โจทก์เสนอราคาสูงสุดศาลชั้นต้นอนุญาตให้ขายตามราคาที่เสนอ จำเลยยื่นคำร้องคัดค้านอ้างว่าราคาที่โจทก์เสนอต่ำไปขอให้เลื่อนการขายทอดตลาดไปก่อน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าคำคัดค้านของจำเลยยื่นมาหลังจากศาลอนุญาตให้ขายได้แล้ว การขายจึงเสร็จสิ้นลง คำคัดค้านให้รวมสำนวนไว้
จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า 'เห็นว่าที่จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นเลื่อนการขายทอดตลาดไปก่อน อ้างเพียงว่าโจทก์เสนอราคาต่ำไป เมื่อศาลชั้นต้นสั่งคำร้องดังกล่าวว่า จำเลยยื่นคำร้องมาหลังการขายทอดตลาดเสร็จสิ้นลงแล้ว ให้รวมสำนวนไว้จำเลยอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นดังกล่าว โดยอ้างเพียงว่าโจทก์เสนอราคาต่ำไปและร่วมกับพนักงานของโจทก์เข้าประมูลสู้ราคาโดยไม่มีบุคคลภายนอกเข้าสู้ราคา ไม่เป็นธรรมแก่จำเลยขอให้ประกาศขายทอดตลาดใหม่ เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำสั่งศาลชั้นต้น โดยวินิจฉัยว่าจำเลยไม่มีสิทธิขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาด จำเลยกลับฎีกาอ้างว่าเมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ขายได้ จำเลยจึงยื่นคำร้องคัดค้านว่าโจทก์เสนอราคาต่ำไป ขอให้เลื่อนการขายทอดตลาดไปก่อน ศาลชั้นต้นกลับสั่งยกคำร้องโดยไม่ไต่สวนคำร้องของจำเลยก่อนเป็นการไม่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 วรรคสอง ขอให้ศาลฎีกาพิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องและเพิกถอนการขายทอดตลาด ดังนี้ เห็นว่า ปัญหาที่จำเลยฎีกามาดังกล่าวเป็นปัญหาที่จำเลยมิได้ยกขึ้นว่ากล่าวมาทั้งในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์และปัญหาดังกล่าวนี้ไม่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย'
พิพากษายกฎีกาจำเลย.