โจทก์ทั้งสองฟ้องว่าจำเลยสั่งซื้อสินค้าเครื่องจักร เครื่องกำเนิดไฟฟ้า และอุปกรณ์ที่ใช้กับรถไฟจากประเทศญี่ปุ่นนำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยทางเรือรวม ๖ เที่ยว จำเลยที่ ๑ ยื่นใบขนสินค้าและแบบแสดงรายการภาษีสรรพสามิตและภาษีมูลค่าเพิ่ม ต่อพนักงานขาเข้าและแบบแสดงรายการภาษีสรรพสามิตและภาษีมูลค่าเพิ่ม ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ของโจทก์ที่ ๑ โดยสำแดงรายละเอียดของสินค้า พิกัดอัตราศุลกากรร้อยละ ๕ ราคาสินค้าและภาษีอากร พนักงาน เจ้าหน้าที่ของโจทก์ที่ ๑ เชื่อว่าสินค้าที่จำเลยนำเข้าตรงตามสำแดงและเป็นสินค้าที่จัดอยู่ในประเภทพิกัดและอัตราอากรตามที่จำเลยสำแดง จึงให้จำเลยชำระค่าภาษีอากรและตรวจปล่อยสินค้าให้จำเลยรับไปจากอารักขาของโจทก์ที่ ๑ ต่อมาพนักงานเจ้าหน้าที่กองศุลกากรของโจทก์ที่ ๑ พบว่า จำเลยสำแดงสินค้าประเภทพิกัดและอัตราศุลกากรไม่ถูกต้อง เป็นผลทำให้สำแดงชำระอากรขาเข้าและภาษีมูลค่าเพิ่มของจำเลยที่ ๑ ขาดไปจำนวน ๔,๐๐๖,๘๒๖ บาท พนักงานเจ้าหน้าที่ของโจทก์ที่ ๑ แจ้งการประเมินให้จำเลยชำระภาษีอากรพร้อมด้วยเงินเพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่ม จำเลยที่ ๑ และคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ของโจทก์ที่ ๒ ทั้งมิได้นำเงินภาษีอากรไปชำระให้โจทก์ทั้งสอง จึงต้องรับผิดชำระเงินเพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามนัยมาตรา ๘๙/๑ รวมเป็นเงินภาษีอากร และเงินเพิ่มจำนวนทั้งสิ้น ๔,๒๖๘,๙๕๔ บาท จำเลยที่ ๒ เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ ๑ จึงต้องร่วมรับผิดในหนี้ภาษีอากรค้างชำระของจำเลยที่ ๑ โจทก์ทั้งสองทวงถามให้จำเลยทั้งสองชำระเงินภาษีอากรแล้ว แต่จำเลยทั้งสองเพิกเฉย ขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน ๔,๒๖๘,๙๕๔ บาท แก่โจทก์ทั้งสอง
จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยที่ ๑ ไม่เคยเป็นหนี้ค่าภาษีอากรและภาษีมูลค่าเพิ่มตามที่โจทก์ฟ้อง จำเลยที่ ๑ นำส่วนประกอบของเครื่องจ่ายกำลังไฟฟ้าใช้กับรถไฟ ส่วนประกอบของเบรกใช้กับรถไฟ และส่วนประกอบของเครื่องจ่ายกำลังเข้ามาในราชอาณาจักร มิใช่เครื่องกำเนิดไฟฟ้ากระแสสลับ หรือเครื่องกลับกระแสไฟฟ้าบังคับควบคุมทางไฟฟ้า หรือเครื่องอุปกรณ์สำหรับควบคุมทางไฟฟ้าตามที่โจทก์กล่าวอ้าง พนักงานเจ้าหน้าที่ของโจทก์ที่ ๑ ได้ตรวจปล่อยสินค้าที่จำเลยที่ ๑ นำเข้ามาทั้ง ๖ เที่ยว มิเคยโต้แย้งหรือสงวนสิทธิที่จะเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมเพราะเหตุสำแดง รายการสินค้าผิดประเภท จำเลยที่ ๑ ได้ชำระภาษีศุลกากร และภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่โจทก์ถูกต้องครบถ้วนแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลภาษีอากรกลางพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระค่าภาษีอากรจำนวน ๔,๒๖๘,๙๕๔ บาท แก่โจทก์ทั้งสอง
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า เมื่อระหว่างวันที่ ๑๙ เมษายน ถึงวันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๓๕ จำเลยยื่นใบขนสินค้าขาเข้าพร้อมแบบแสดงรายการภาษีสรรพสามิตและภาษีมูลค่าเพิ่มจำนวน ๖ ฉบับ ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ของโจทก์ที่ ๑ สำแดงชนิดของอุปกรณ์ส่วนหนึ่งของเครื่องกำเนิดไฟฟ้ากระแสสลับ (AC GENERATOR ) ตัวเครื่องกลับกระแสไฟฟ้าหรือเครื่องแปลงกระแสไฟ (RECTIFIER) ตัวบังคับและควบคุมทางไฟฟ้า (REGULTOR, VOLTAGE REGULATOR ) เครื่องอุปกรณ์สำหรับควบคุมทางไฟฟ้า (MASTER CONTROLLER X ASS' Y ) ที่ใช้แรงดันของน้ำมันไฮดรอลิก ( OIL MOTOR ) และส่วนประกอบของเบรก (OIL PUMP ) โดยจำเลยที่ ๑ ชำระอากรขาเข้ารวมทั้งสิ้น ๖๔๔,๗๐๕ บาท ภาษีมูลค่าเพิ่มรวมทั้งสิ้น ๙๔๗,๗๒๐ บาท ต่อมาพนักงานของกองศุลกาธิการของโจทก์ที่ ๑ เห็นว่าจำเลยที่ ๑ สำแดงประเภทพิกัดและอัตราศุลกากรรวมทั้งจำนวนภาษีอากรไม่ถูกต้องเป็นผลให้จำเลยต้องชำระอากรขาเข้าและภาษีมูลค่าเพิ่ม จำนวน ๔,๐๐๖,๘๒๖ บาท จำเลยมิได้อุทธรณ์การประเมินของ เจ้าพนักงานการประเมินต่อโจทก์ที่ ๑ และคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์รวมทั้งยังมิได้ชำระค่าภาษีอากรจำนวน ดังกล่าวแก่โจทก์ทั้งสอง
คดีมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองว่า จำเลยที่ ๑ สำแดงรายการสินค้าประเภทพิกัดและอัตราศุลกากรถูกต้องหรือไม่ และจำเลยทั้งสองต้องรับผิดเสียเงินเพิ่มหรือไม่ เห็นว่า ตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. ๒๔๙๖ มาตรา ๑๐ วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า "บรรดาค่าภาษีนั้นให้เก็บตามบทบัญญัตินี้และตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. ๒๕๓๐ มาตรา ๔ วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า "ของที่นำเข้าหรือพาเข้ามาในหรือส่งหรือพาออกไปนอก ราชอาณาจักรนั้น ให้เรียกและเสียอากรตามที่กำหนดไว้ในพิกัดอัตราอากรท้ายพระราชกำหนดนี้" ดังนั้น เมื่อสินค้าพิพาทถูกระบุว่าจะต้องเสียภาษีตามพิกัดอัตราภาษีศุลกากรหมวดใดก็จะต้องเสียภาษีไปตามที่ถูกระบุไว้ในอัตรานั้น มิใช่พิจารณาจากวัตถุประสงค์ของผู้นำสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักรแล้วนำสินค้าที่นำเข้าไปไว้กับกิจการใดเป็นหลักสำคัญในการสำแดงรายการสินค้าประเภทพิกัดและอัตราศุลกากร สำหรับอุปกรณ์ส่วนหนึ่งของเครื่องกำเนิดไฟฟ้ากระแสสลับ (AC GENERATOR) นั้น นอกจากจำเลยทั้งสองจะไม่มีพยานหลักฐานมานำสืบให้ปรากฏว่าสิ่งของ ดังกล่าวเป็นส่วนประกอบของรถไฟหรือใช้เกี่ยวกับกิจการรถไฟและพิกัดอัตราขาเข้าหมวด ๑๗ ได้ระบุถึงยานบก อากาศยาน ยานน้ำ และเครื่องอุปกรณ์ขนส่งที่เกี่ยวข้องโดยหมายเหตุของหมวด ๑๗ ข้อ ๒ คำว่า "ส่วนประกอบ" และ "ส่วนประกอบและอุปกรณ์ประกอบ" ไม่ให้ใช้กับของดังต่อไปนี้ ไม่ว่าจะเป็นของที่บ่งชี้ได้ว่าใช้กับของในหมวดนี้หรือไม่ก็ตาม ซึ่งในข้อ ฉ. กล่าวถึงเครื่องจักรไฟฟ้าหรือเครื่องอุปกรณ์ไฟฟ้า (ตอนที่ ๘๕) เมื่อสินค้าพิพาทเป็นอุปกรณ์ส่วนหนึ่งของเครื่องกำเนิดไฟฟ้ากระแสสลับซึ่งมีชื่อสินค้าตรงกับรายการสินค้าตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภท ๘๕.๐๑ ประเภทย่อย ๘๕๐๑.๖๒๐ เครื่องกำเนิดไฟฟ้ากระแสสลับ (อัลเทอร์เนเตอร์) (AC GENERATOR) ตอนที่ ๘๕ เครื่องจักรไฟฟ้า เครื่องกำเนิดไฟฟ้า และส่วนประกอบของเครื่องดังกล่าวตามเอกสารหมาย จ.๑ แผ่นที่ ๑๕ สินค้าพิพาทจึงจัดอยู่ในประเภทพิกัดย่อย ๘๕๐๑.๖๒๐ และเมื่อสินค้าพิพาทจัดอยู่ในตอนที่ ๘๕ จึงเป็นส่วนประกอบและอุปกรณ์ประกอบตามหมายเหตุข้อ ๒ ของหมวด ๑๗ ที่ระบุไว้ไม่ให้ใช้กับเครื่องจักรไฟฟ้าหรือเครื่องอุปกรณ์ไฟฟ้า (ตอนที่ ๘๕) สินค้าพิพาทจึงไม่อยู่ในหมวด ๑๗ ประเภทพิกัดย่อย ๘๖๐๗.๙๙๐ ซึ่งเป็นรายการส่วนประกอบของรถหัวจักรของรถไฟฟ้าหรือรถรางหรือรถที่เดินบนราง ส่วนเครื่องกลับกระแสไฟฟ้าหรือเครื่องแปลงกระแสไฟฟ้า (RECTIFIER) เห็นว่า รายการสินค้าตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทพิกัด ๘๕.๐๔ มีหม้อแปลงไฟฟ้า เครื่องเปลี่ยนไฟฟ้าชนิดอยู่คงที่ เช่น เครื่องกลับกระแสไฟฟ้า เมื่อสินค้าพิพาทถูกระบุไว้ชัดเจนเช่นนี้ สินค้าพิพาทจึงต้องอยู่ในประเภทพิกัด ๘๕.๐๔ ประเภทพิกัดย่อย ๘๕๐๔.๔๐๐ นอกจากนี้รายการสินค้าตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทย่อย ๘๖.๐๗ เป็นสินค้าเกี่ยวกับส่วนประกอบของรถหัวจักรของรถไฟหรือรถรางหรือรถที่เดินบนราง ซึ่งหมายเหตุข้อ ๒ (ฉ) ของหมวด ๑๗ คำว่า "ส่วนประกอบ" และ "ส่วนประกอบและอุปกรณ์ประกอบ" มิให้ใช้กับเครื่องจักรไฟฟ้าหรืออุปกรณ์ไฟฟ้า (ตอนที่ ๘๕) ดังนั้น สินค้าจึงไม่อาจอยู่ในหมวดที่ ๑๗ ประเภทพิกัดย่อย ๘๖๐๗.๑๙๐ ตามที่จำเลยยกขึ้นต่อสู้ได้ สำหรับตัวบังคับและควบคุมทางไฟฟ้า (REGULATOR AND VOLTAGE REGULTOR) และอุปกรณ์สำหรับควบคุมทางไฟฟ้า (MASTER CONTROLLER X ASS'Y) นั้น เห็นว่า ประเภทพิกัด ๙๐.๓๒ ระบุรายการสินค้าตามพิกัดอัตราศุลกากรที่ได้แก่ อุปกรณ์และ เครื่องอุปกรณ์สำหรับบังคับควบคุมโดยอัตโนมัติ (AUTOMATIC REGULATING OR CONTROLLING INSTRUMENT AND APPARATUS ) อันได้แก่ เครื่องปรับแรงเคลื่อนไฟฟ้าโดยอัตโนมัติสำหรับใช้กับความดันไฟฟ้า ตั้งแต่ ๑๑,๐๐๐ บาท โวลต์ขึ้นไป และส่วนประกอบของเครื่องดังกล่าว ดังนั้น เมื่อสินค้าพิพาทเป็นตัวบังคับและตัวควบคุมทางไฟฟ้ารวมทั้งอุปกรณ์สำหรับควบคุมทางไฟฟ้า สินค้าพิพาทจึงจัดอยู่ในประเภทพิกัด ๙๐.๓๒ ประเภทย่อย ๙๐๓๒.๘๙๐ และสำหรับมอเตอร์ที่ใช้แรงดันของน้ำมันไฮดรอลิก ( OIL MOTOR) นั้น เห็นว่า สินค้าดังกล่าวนอกจากจะมีชื่อระบุไว้ชัดเจนในประเภทพิกัดย่อย ๘๔๑๒.๒๙๐ แล้วประเภทพิกัดย่อย ๘๖๐๗.๑๙๐ ซึ่งอยู่ในหมวด ๑๗ ตอนที่ ๘๖ ระบุรายการ สินค้าคือส่วนประกอบของหัวรถจักรของรถไฟฟ้าหรือรถรางหรือรถที่เดินบนรางซึ่งเป็นคนละประเภทกับสินค้าพิพาทที่เป็นมอเตอร์ทื่ใช้แรงดันน้ำมันไฮดรอลิกประกอบกับหมายเหตุ ข้อ ๒ (จ) ของหมวด ๑๗ ระบุคำว่า "ส่วนประกอบ" และส่วนประกอบและอุปกรณ์ประกอบ" ไม่ให้ใช้กับเครื่องจักรและอุปกรณ์ตามประเภทที่ ๘๔.๐๑ ถึง ๘๔.๗๙ และส่วนประกอบของเครื่องดังกล่าวของตามประเภทที่ ๘๔.๘๑ หรือ ๘๔.๘๒ หรือ ๘๔.๘๓ เฉพาะที่เป็น ส่วนประกอบของเครื่องยนต์หรือมอเตอร์ สินค้าพิพาทจึงจัดอยู่ในประเภทพิกัดย่อย ๘๖๐๗.๑๙๐ ตามที่จำเลยอ้างมิได้ ซึ่งสอดคล้องกับหมายเหตุข้อ ๑ (ต) ในหมวดที่ ๑๖ ที่ระบุว่า หมวด ๑๖ ไม่คลุมถึงของในหมวด ๑๗ สินค้าพิพาทจึงต้องอยู่ในประเภทพิกัดย่อย ๘๘๑๒.๒๙๐ ที่ศาลภาษีอากรกลางพิพากษามานั้นชอบแล้ว
พิพากษายืน .