โจทก์ฟ้องว่าจำเลยนำหรือพาธนบัตรรัฐบาลไทยจำนวน 1,000 บาทซึ่งเป็นเงินตราใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมายอันเป็นของที่ยังมิได้ผ่านศุลกากรโดยถูกต้อง ออกไปนอกราชอาณาจักรทางชายแดนบริเวณปากแม่น้ำโขงตำบลท่าบ่อ อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย โดยหลีกเลี่ยงไม่ผ่านศุลกากรและนำเข้าธนบัตรจำนวนดังกล่าวอันเป็นของที่ยังมิได้ผ่านศุลกากรเข้ามาในราชอาณาจักรทางชายแดนดังกล่าวโดยหลีกเลี่ยงไม่ผ่านศุลกากร ขอให้ลงโทษและริบธนบัตรและเรือเพลายาวของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากรพ.ศ. 2469 มาตรา 27 ปรับ 4,000 บาท รับสารภาพลดกึ่งคงปรับ2,000 บาท ส่วนฐานนำเงินตราเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงไม่ผ่านศุลกากรนั้น พระราชบัญญัติควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินให้อำนาจบุคคลนำเงินตราเข้าราชอาณาจักรได้ไม่เกิน 2,000 บาท โดยไม่ต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน จำเลยจึงไม่มีความผิด ให้ยกฟ้องความผิดฐานนี้และให้ริบของกลางจ่ายรางวัลแก่เจ้าพนักงานผู้จับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าธนบัตรรัฐบาลไทยเป็นเงินตรา ไม่ใช่ของตามพระราชบัญญัติศุลกากร จำเลยนำธนบัตรไทยจำนวน 1,000 บาทออกไปและเข้ามาในราชอาณาจักรไม่เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 27 ริบธนบัตรของกลางและจ่ายเงินรางวัลไม่ได้ พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน พ.ศ. 2485 มาตรา 4, 8 ปรับ 4,000 บาท รับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงปรับ 2,000 บาท
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ธนบัตรของกลางเป็นธนบัตรรัฐบาลไทยและเป็นเงินที่ชำระหนี้ได้ตามกฎหมายในประเทศไทย มิใช่สิ่งของอันอาจนำไปจำหน่ายเป็นสินค้าอย่างธรรมดาทั่วไปได้ ธนบัตรของกลางจึงมิใช่"ของ" ตามความในมาตรา 27 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469ฉะนั้น การกระทำของจำเลยที่นำธนบัตรของกลางออกไปและเข้ามาในราชอาณาจักร จึงไม่เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากรพ.ศ. 2469 มาตรา 27
ธนบัตรและเรือเพลายาวของกลางมิใช่ทรัพย์สินที่จำเลยมีไว้เป็นความผิด ได้ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดหรือได้มาโดยการกระทำความผิด และการกระทำของจำเลยก็มิได้เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 จึงริบธนบัตรและเรือเพลายาวของกลางไม่ได้ ทั้งจ่ายเงินรางวัลให้เจ้าพนักงานผู้จับไม่ได้ด้วย
พิพากษายืน