ความว่า จำเลยต้องหาในเรื่องปล้นฆ่าเจ้าทรัพย์ ถูกคุมขังในเรือนจำจังหวัดสุโขทัย จำเลยได้นำเงิน ๑๑๘ บาท ๕๐ สตางค์ ติดตัวเข้าไปในเรือนจำ โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.ราชทัฑณ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ มาตรา ๔๕ กฎกระทรวงมหาดไทยออกตามความในมาตรา ๕๘ แห่ง พ.ร.บ.ราชทัฑณ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ ข้อ ๑๒๙ ขอให้ริบของกลาง จำเลยต่อสู้ว่าไม่ควรมีผิด เพราะกฎหมายประสงค์จะลงโทษคนภายนอกที่ไม่ใช่ผู้ต้องขัง ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยตามฟ้อง ให้ปรับจำเลย ๑๐ บาท ริบเงินของกลาง ศาลอุทธรณ์เห็นว่า กฎหมายไม่ประสงค์ให้ลงโทษผู้ต้องขังที่มีเงินติดตัวมาด้วย พิพากษากลับยกฟ้องโจทก์ คืนเงินของกลางแก่จำเลย
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า พ.ร.บ.ราชทัฑณ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ มาตรา ๓๗ บัญญัติว่า "ในกรณีที่ผู้ต้องขังได้กระทำความผิดอาญาขึ้นภายในเรือนจำ และความผิดนั้นเป็นเพียงลหุโทษ หรือความผิดตามมาตรา ๔๕ แห่ง พ.ร.บ.นี้ก็ดี ฯลฯ แทนที่จะนำเรื่องขึ้นเสนอต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อดำเนินการสอบสวนหรือฟ้องร้องตาม ก.ม. ให้ผู้บัญชาการเรือนจำมีอำนาจวินิจฉัยฐานผิดวินัยตามมาตรา ๓๕ แห่ง พ.ร.บ.นี้ได้ ซึ่งแสดงให้เห็นความมุ่งหมายของ พ.ร.บ.ฉะบับนี้โดยชัดแจ้งว่า ความผิดตามมาตรา ๔๕ รวมถึงผู้ต้องขังด้วย
พิพากษากลับให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น