โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองสมคบกันและทำผิด ก.ม.คือจำเลยที่ ๒ ใช้กระสุนยิงด้วยลูกดิน จำเลยที่ ๑ ใช้ปืนลูกซองยิงนายทัดบาดเจ็บโดยจำลยทั้งสองเจตนาจะฆ่าให้ตายหากกระสุนปืนไม่ถูกที่สำคัญจึงไม่ตายเจตนาจะฆ่าให้ตายหากกระสุนปืนไม่ถูกที่สำคัญจึงไม่ตาย ขอให้ลงโทษตาม ม.๒๔๙,๖๐,๖๓,๗๑,๒๘,๒๙ และ พ.ร.บ.อาวุธปืน ฯ พ.ศ.๒๔๙๐ ม.๗,๗๒ ฯลฯ
จำเลยที่ ๑ ให้การว่านายทัดไล่ขับจะฟันมารดาจำเลย จำเลยที่ ๑ จึงยิงป้องกันมารดา ส่วนปืนและกระสุนรับว่ามิได้รับอนุญาตจริง
จำเลยที่ ๒ ปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ ๑ ทำการป้องกันมารดาไม่ควรรับโทษ แต่ลงโทษฐานมีอาวุธปืน ให้จำคุก ๖ เดือน ปรับ ๕๐๐ บาท ลดตาม ม.๕๙ คงจำคุก ๓ เดือน ปรับ ๒๕๐ บาท โทษจำรอไว้ ๓ ปี ให้ยกฟ้องเฉพาะข้อหาที่ว่าจำเลยที่ ๑,๒ สมคบกันพยายามฆ่านายทัดนั้นเสีย.
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าจำเลยทั้ง ๒ มีความผิดฐานพยายามฆ่าคนตาม ม.๒๔๙ ประกอบด้วย ม.๖๐ ให้จำคุกคนละ ๑๐ ปี จำเลยที่ ๒ อายุเพียง ๑๘ ปี ลดกึ่งตาม พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติม ก.ม.อาญา (ฉบับที่๑๔) พ.ศ.๒๔๙๔ ม.๗ คงจำคุกจำเลยที่ ๒ มีกำหนด ๕ ปี ปรับจำเลยที่ ๑ ๕๐๐ บาท ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ ๒๔๙๐ ม.๗,๗๒ ลดกึ่งตาม ม. ๕๙ คงปรับ ๒๕๐ บาท ของกลางริบ
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยทั้ง ๒ มีสาเหตุกับนายทัดในวันเกิดเหตุจำเลยซึ่งเป็นพี่น้องได้อยู่ที่เกิดเหตุด้วยกันก่อนตั้งแต่นายทัดมา เมื่จำเลยที่ ๒ ใช้กระสุนยิงนายทัด จำเลยที่ ๑ ก็ไม่ห้าม ครั้นเมื่อนายทัดเข้าไปถ้าว่า ยิงเรื่องอะไร จำเลยทั้งสองกลับพูดว่า วันนี้กูเอามึงแน่อ้ายทัด จำเลยที่ ๒ รู้และเห็นจำเลยที่ ๑ มีปืนมาในขณะนั้น จำเลยทั้งสองมีเจตนาร่วมกันในอันที่จะกระทำแก่นายทัด จำเลยที่ ๑ ยิงด้วยลูกกระสุนก่อนซึ่งเป็นอาวุธที่ตนมีอยู่ในเวลานั้น แล้วจำเลยที่ ๑ ก็ยิงด้วยปืนภายในระยะเวลากระชั้นชิดติดต่อกัน แสดงให้เห็นว่าเป็นการกระทำร่วมมือกัน ฟังได้ว่าจำเลยทั้ง ๒ สมคบกันทำผิดฐานพยายามฆ่าคนโดยเจตนา. พิพากษายืน.