โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้จดทะเบียนยกที่พิพาทให้จำเลยที่ ๑ แต่จำเลยที่ ๑ เอาไปประกันเงินกู้ผู้อื่น โจทก์ได้ไปไก่คืน และครอบครองเป็นเจ้าของมา ๙-๑๐ ปีแล้ว โจทก์ให้จำเลยที่ ๒, ๓ เป็นผู้แจ้งการครอบครอง บัดนี้จำเลยคบคิดกันแสดงตนเป็นปรปักษ์ต่อการครอบครองของโจทก์ โดยจำเลยที่ ๒, ๓ จะถอนชื่อออกจากส.ค.๑ ใส่ชื่อจำเลยที่ ๑ แทน ขอให้พิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยและบริวารเกี่ยวข้อง และทำลายนิติกรรมยกให้ กับเพิกถอนชื่อจำเลยที่ ๒, ๓ออกจาก ส.ค.๑ ของที่พิพาท
จำเลยที่ ๑ ต่อสู้ว่า จำเลยที่ ๑ มอบที่พิพาทให้น้อง ๆ ทำกินเลี้ยงโจทก์ มิได้สละสิทธิครอบครอง
จำเลยที่ ๒, ๓ ต่อสู้ว่า การที่จำเลยนำที่ดินไปแจ้ง ส.ค.๑ ก็โดยจำเลยที่ ๑ ขอร้องให้ทำแทน
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์ยกที่พิพาทให้จำเลยที่ ๑ โดยจดทะเบียน ย่อมมีผลสมบูรณ์ ที่นายวงน้องโจทก์เข้าทำเลี้ยงโจทก์ซึ่งเป็นมารดา โจทก์ให้ทำกินฉันญาติมากกว่าจะแย่งการครอบครอง ที่พิพาทยังเป็นของจำเลยที่ ๑ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังว่า โจทก์เป็นผู้ครอบครองที่พิพาทอย่างเป็นเจ้าของมาเป็นเวลา ๑๐ ปีเศษแล้ว จำเลยไม่มีสิทธิเรียกร้องเอาคืนซึ่งการครอบครอง พิพากษากลับว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้อง ให้ทำลายนิติกรรมยกให้ที่พิพาทและเพิกถอนชื่อจำเลยที่ ๒, ๓ ออกจาก ส.ค.๑
จำเลยที่ ๑ ผู้เดียวฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงตามศาลอุทธรณ์ว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์แต่ที่ศาลอุทธรณ์ให้ทำลายนิติกรรมการยกให้ และเพิกถอนชื่อจำเลยที่ ๒, ๓ ออกจาก ส.ค.๑ นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์สมัครใจยกที่พิพาทให้จำเลยที่ ๑ โดยไม่มีเงื่อนไข และนิติกรรมการยกให้ได้ทำโดยถูกต้องสมบูรณ์ตามกฎหมายแล้ว ไม่มีเหตุที่จะทำลาย และการแจ้งการครอบครองตามแบบ ส.ค.๑ ก็ไม่ก่อให้เกิดสิทธิแก่ผู้แจ้งแต่อย่างใด จึงหาจำเป็นต้องเพิกถอนชื่อจำเลยที่ ๒, ๓ ออกจากแบบแจ้งการครอบครอง จึงส.ค.๑ นั้นไม่
พิพากษาแก้ว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้อง คำขอของโจทก์นอกจากนี้ให้ยก