โจทก์ฟ้องว่าที่พิพาทหมาย ก.ข. เป็นของบิดาโจทก์ บิดาโจทก์กู้เงินจำเลย ๓๐ บาท มอบที่หมาย ก. ให้จำเลยทำกินต่างดอกเบี้ย บิดาโจทก์ตาย จำเลยได้เข้าปกครองที่หมาย ข. ไว้แทนโจทก์และพี่น้องโจทก์ บัดนี้โจทก์ขอไถ่และคืนที่ จำเลยไม่ยอม จึงต้องฟ้องขอให้ศาลบังคับ
จำเลยต่อสู้ว่า ที่หมาย ก.ข. เป็นที่แปลงเดียวกัน บิดาโจทก์เอาเงินจำเลยไป ๖๐ บาท มอบที่ดินรายนี้ให้จำเลย ๆ ปกครองมาหลายปีได้สิทธิแล้ว เพราะที่ดินมีมะพร้าว ๔-๕ ต้น นอกนั้นเป็นป่า ยังไม่มีสภาพเป็นที่สวน
ศาลชั้นต้นฟังว่า บิดาโจทก์สละการครอบครองให้จำเลยแล้ว พิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้จำเลยคืนที่แกโจทก์
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกา ฟังข้อเท็จจริงว่า ที่พิพาทมีมะพร้าว ๔-๕ ต้น นอกนั้นเป็นป่า จึงยังไม่มีสภาพเป็นสวน บิดาโจทก์คงมีสิทธิครอบครอง ไม่ใช่มีกรรมสิทธิ เมื่อสละการครอบครองให้จำเลยแล้ว การครอบครองของบิดาโจทก์ก็ย่อมสิ้นสุดลง แม้หนังสือมอบกรรมสิทธิ์ (ความจริงเป็นแต่สิทธิครอบครอง) จะมิ-ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อหน้าพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งตกเป็นโมฆะก็ดี จำเลยก็ได้เข้าครอบครองที่พิพาทเด็ดขาดมาหลายปีแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิขอไถ่ จึงพิพากษากลับศาลอุทธรณ์ยืนตามศาลชั้นต้น