โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2543 เวลากลางคืนหลังเที่ยงจำเลยเสพเมทแอมเฟตามีน อันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 เข้าสู่ร่างกายด้วยวิธีสูดดมควันอันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย และจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนติดอยู่ที่กระดาษตะกั่วมีรอยเผาไหม้จำนวน 1 ชิ้น หลอดไม้จำนวน 1 อัน ซึ่งไม่สามารถแยกคำนวณจำนวนปริมาณและน้ำหนักได้อันเป็นอุปกรณ์ในการเสพไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อนคดีนี้จำเลยเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุกมีกำหนด 6 เดือน ปรับ 10,000 บาท ฐานมียาเสพติดให้โทษ (เมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต โทษจำคุกรอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ตามคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 232/2543 ของศาลชั้นต้นเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2543 และเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุก 1 เดือนปรับ 1,200 บาท ฐานเสพยาเสพติดให้โทษ (กัญชา) โทษจำคุกรอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี ตามคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1330/2543 ของศาลแขวงราชบุรี เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2543 และจำเลยกลับมากระทำผิดในคดีนี้อีกในระหว่างรอการลงโทษในคดีก่อน ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 57, 67, 91, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 58, 91 ริบไฟแช็กแก๊สของกลาง และบวกโทษจำคุกที่รอการลงโทษไว้ในคดีก่อนเข้ากับโทษในคดีนี้
จำเลยให้การรับสารภาพ และรับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้บวกโทษ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 57, 67, 91 เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 1 ปี ฐานเสพเมทแอมเฟตามีน จำคุก 1 ปี รวมจำคุก 2 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 ปี และให้นำโทษจำคุก 6 เดือน ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 232/2543ของศาลชั้นต้น กับโทษจำคุก 1 เดือน ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1330/2543 ของศาลแขวงราชบุรี บวกเข้ากับโทษจำคุกในคดีนี้รวมเป็นจำคุก 1 ปี 7 เดือน ริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษายืน
จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงและปัญหาข้อกฎหมาย แต่ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลยเฉพาะปัญหาข้อกฎหมายตามข้อ 2.1
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจำคุก 1 ปี ฐานเสพเมทแอมเฟตามีนจำคุก 1 ปี รวมจำคุก 2 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 ปี และให้นับโทษจำคุก 6 เดือน ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 232/2543ของศาลชั้นต้น กับโทษจำคุก 1 เดือน ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1330/2543ของศาลแขวงราชบุรีที่รอการลงโทษไว้ทั้งสองคดี บวกเข้ากับโทษในคดีนี้รวมเป็นจำคุก 1 ปี 7 เดือน ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษายืน ที่จำเลยฎีกาปัญหาข้อกฎหมายว่า ตามเจตนารมณ์ของประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 58 ต้องการให้นำโทษในคดีก่อนเพียงคดีเดียวมาบวกกับโทษในคดีหลัง การที่ศาลล่างทั้งสองนำโทษจำคุกในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 232/2543 ของศาลชั้นต้น และคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1330/2543 ของศาลแขวงราชบุรี ที่รอการลงโทษไว้ทั้งสองคดีมาบวกกับโทษจำคุกในคดีนี้ เป็นการไม่ถูกต้องนั้น ปัญหาข้อนี้ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 58 วรรคแรก บัญญัติให้ศาลที่พิพากษาคดีหลังบวกโทษที่รอการลงโทษไว้ในคดีก่อนเข้ากับโทษในคดีหลังได้โดยมิได้มีข้อจำกัดว่าจะต้องเป็นโทษที่รอการลงโทษไว้ในคดีก่อนเพียงคดีเดียวดังนั้น ในกรณีที่มีการรอการลงโทษในคดีก่อนหลายคดี ศาลที่พิพากษาคดีหลังก็ย่อมมีอำนาจที่จะบวกโทษที่รอการลงโทษไว้ในคดีก่อนทุกคดีเข้ากับโทษในคดีหลังได้ การที่ศาลล่างทั้งสองบวกโทษที่รอการลงโทษไว้ในคดีทั้งสองดังกล่าวเข้ากับโทษในคดีนี้จึงถูกต้องตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 58 วรรคแรก แล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น"
พิพากษายืน