โจทก์ยื่นคำร้องว่า นายเชยพ่อตาโจทก์ได้ซื้อที่นาจากนางขลิบแต่ไม่ได้ทำสัญญาซื้อขาย นางขลิบได้มอบโฉนดและที่ดินให้นายเชยครอบครองมา 10 ปีเศษ นายเชยได้ยกให้โจทก์โดยเสน่หา โจทก์และภรรยาได้ครอบครองมา 15 ปีแล้ว ขอให้ศาลแสดงว่า โจทก์เป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ นายยิ่งจำเลยยื่นคำร้องคัดค้านว่า ที่ดินที่เป็นของบิดามารดาจำเลย ๆ ได้จำนองนางขลิบไว้ ต่อมาได้ชำระหนี้ไถ่ถอนจำนองแล้ว ต่อมาจำเลยกับมารดาได้ยืมเงินนายเชย ได้มอบที่นาและโฉนดให้นายเชยทำต่างดอกเบี้ย ครั้น 6-7 ปีมานี้นายเชยตายศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาอย่างคดีมีข้อพิพาท ศาลชั้นต้นฟังว่านางขลิบเอาที่ดินรับจำนองมาซื้อขาย ไม่ทำให้โจทก์มีสิทธิดีขึ้นโจทก์จะมัดภารจำนองรายนี้ไม่ได้ พิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์ฟังว่า จำเลยกู้เงินนายเชยแล้วมอบที่พิพาทให้นายเชยทำต่างดอกเบี้ย โจทก์เข้าครอบครองจากนายเชย จึงไม่ได้กรรมสิทธิ์ พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า บิดามารดาจำเลยซึ่งมีชื่อเป็นเจ้าของที่รายนี้ในหน้าโฉนดทำสัญญาจำนองไว้แก่นางขลิบโดยไม่ปรากฏว่า ได้มีการไถ่ถอนจำนอง นางขลิบจะเข้าครอบครองที่รายนี้โดยเหตุใด ไม่ชัดต่อมานางขลิบได้โอนให้แก่พ่อตาโจทก์ แล้วพ่อตาโจทก์มายกให้โจทก์โดยยึดโฉนดซึ่งติดการจำนองนั้นเรื่อยมา รูปเรื่องจึงแสดงอยู่ในตัวว่า นายเชยพ่อตาโจทก์ รับโอนเพียงสิทธิจำนองมาจากนางขลิบและการเข้าครอบครองที่รายนี้ ก็อยู่ในฐานะผู้รับจำนองเท่านั้นโจทก์จะอ้างการครอบครองปรปักษ์ได้ ก็ต่อเมื่อได้แจ้งแสดงเจตนาเปลี่ยนฐานะการครอบครอง ให้จำเลยทราบถึงการเปลี่ยนจำนองเช่นนั้นหรือฝ่ายจำเลยเป็นผู้แสดงเจตนาสละกรรมสิทธิ์ให้แก่ฝ่ายโจทก์แต่ในคดีไม่ปรากฏเช่นนั้น
พิพากษายืน