โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบังอาจขนสุรา ๑๗๙.๙๙ ลิตร จากตำบลคลองตัน อำเภอพระโขนง ไปยังตำบลคลองจั่น อำเภอบางกะปิ โดยไม่ได้รับอนุญาตขนสุราจากเจ้าพนักงานสรรพสามิตร เจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมด้วยสุราของกลางขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติสุรา พ.ศ. ๒๔๙๓ มาตรา ๑๔, ๓๘ ฉบับที่ ๒ พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๘ และขอให้ริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยขนสุราโดยมีใบอนุญาตแต่ไม่ได้แสดงใบอนุญาตขนแก่ตำรวจผู้จับขณะขนสุรา จึงได้ชื่อว่าจำเลยขนสุราโดยไม่นำใบอนุญาตขนสุรากำกับไปกับสุรา พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติสุรา มาตรา ๑๔ วรรคท้าย มาตรา ๓๘ และ ฉบับที่ ๒ พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๘ ให้ปรับลิตรละ ๑๐ บาทเป็นเงิน ๑,๘๐๐ บาท คำขอให้ริบให้ผลเสีย
จำเลยฝ่ายเดียวอุทธรณ์ว่าจำเลยนำใบอนุญาตติดตัวไปในขณะขนแล้ว
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยมีใบอนุญาตขนสุราโดยถูกต้องแล้ว จะลงโทษจำเลยในฐานไม่มีใบกำกับการขนสุราของกลางอันเป็นความผิดอีกอย่างหนึ่งซึ่งโจทก์มิได้กล่าวบรรยายมาในคำฟ้องนั้นไม่ได้ พิพากษากลับ ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกาว่า โจทก์ได้บรรยายข้อเท็จจริงและรายละเอียดเกี่ยวกับการกระทำผิดของจำเลยถูกต้องตรงกับที่ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว โดยฟังว่า ขณะเกิดเหตุ จำเลยไม่มีใบอนุญาตขนสุราของกลาง และใบอนุญาตขนสุราที่จำเลยนำมาอ้างในภายหลังนั้นก็เป็นใบอนุญาตขนสุราไปยังตำบลบางกะปิ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ได้พิจารณาคำฟ้องของโจทก์แล้ว โจทก์บรรยายฟ้องกล่าวหาจำเลยเพียงว่า จำเลยบังอาจขนสุราเกินกว่าสิบลิตรโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน โจทก์มิได้บรรยายฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยไม่นำใบอนุญาตขนสุรากำกับไปกับสุราที่ขนตามที่ได้ความตามทางพิจารณาด้วยไม่ ศาลฎีกาเห็นว่าความผิดฐานขนสุราโดยไม่ได้รับอนุญาตกับความผิดฐานไม่นำใบอนุญาตกำกับไปกับสุราที่ขน องค์ประกอบความผิดต่างกัน จึงเป็นความผิดคนละฐานกัน ฉะนั้น เมื่อฟ้องของโจทก์กล่าวหาว่า จำเลยขนสุราของกลางโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ข้อเท็จจริงกลับได้ความว่าจำเลยมีใบอนุญาตขนสุราถูกต้องแล้ว ดังนี้ ก็ชอบที่จะพิพากษายกฟ้อง จะลงโทษจำเลยฐานไม่นำใบอนุญาตกำกับการขนสุราของกลางอันเป็นความผิดอีกฐานหนึ่งซึ่งโจทก์มิได้กล่าวบรรยายมาในคำฟ้องขอให้ลงโทษด้วยไม่ได้
ใบอนุญาตขนสุราที่จำเลยนำมาอ้างภายหลังซึ่งโจทก์ฎีกาว่าเป็นใบอนุญาตขนสุราไปยังตำบลบางกะปิ อำเภอบางกะปิ แต่จำเลยขนสุราของกลางไปที่ตำบลคลองจั่น อำเภอบางกะปิใบอนุญาตที่จำเลยนำมาแสดงจึงไม่ใช่ใบอนุญาตขนสุราของกลาง ศาลฎีกาได้พิจารณาปัญหานี้โดยที่ประชุมใหญ่แล้วมีมติว่า ศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยชี้ขาดในปัญหาข้อนี้แล้วว่า จำเลยมีใบอนุญาตขนสุราของกลางชอบด้วยกฎหมาย โจทก์มิได้อุทธรณ์โต้เถียงว่าจำเลยไม่มีใบอนุญาตขนสุรา หรือว่าใบอนุญาตขนสุราที่จำเลยอ้างนั้น ไม่ใช่ใบอนุญาตขนสุราของกลาง ความผิดฐานขนสุราของกลางโดยไม่มีใบอนุญาตขนจึงยุติแล้ว โดยต้องฟังข้อเท็จจริงตามคำวินิจฉัยศาลชั้นต้นว่าจำเลยมีใบขนสุราของกลางโดยมีใบอนุญาตให้ขนโดยชอบ โจทก์จะมาฎีกาโต้เถียงในชั้นนี้ว่าใบอนุญาตขนสุราที่จำเลยอ้างไม่ใช่ใบอนุญาตขนสุราของกลางหาได้ไม่ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๑๕ ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๔๙ พิพากษายืน