โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีอาวุธปืนและกระสุนปืนไม่มีทะเบียนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และใช้ปืนยิงนายวิรัชโดยเจตนาฆ่าแต่กระสุนปืนไม่ถูกอวัยวะสำคัญ นายวิรัชจึงไม่ตายสมเจตนาของจำเลยขอให้ลงโทษและขอให้นับโทษจากคดีแดงที่ 2144/2501 ของศาลอาญา
จำเลยรับในข้อหาฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน และเป็นคน ๆ เดียวกับจำเลยคดีแดงที่ 2144/2501 ส่วนข้อหาฐานยิงนายวิรัชจำเลยว่ายิงโดยไม่มีเจตนาฆ่า เหตุที่ยิงเพราะนายวิรัชใช้มีดจะแทงเป็นการยิงเพื่อป้องกันตัว
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยยืนห่างผู้เสียหายไม่เกิน 1 ก้าวขณะเกิดเหตุนายวิรัชเอามือซ้ายท้าวประตูรถ ข้อศอกซ้ายอาจห่างจากทรวงอก ถ้าจำเลยเจตนาฆ่า ย่อมสามารถเลือกยิงที่สำคัญกว่านี้ได้ไม่ผิดพลาด จำเลยยิงนัดเดียวไม่ยิงซ้ำ ทั้งที่กระสุนปืนยังเหลืออยู่อีก 2 นัด เชื่อว่าจำเลยเพียงแต่เจตนาทำร้าย ไม่ใช่เจตนาฆ่าส่วนข้อต่อสู้ว่า ป้องกันตัว ไม่น่าเชื่อ พิพากษาว่า จำเลยกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295, 371 พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490มาตรา 7, 8, 72 ให้ลงโทษตามกระทงหนักตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295 ให้จำคุกจำเลย 8 เดือน นับโทษต่อจากโทษในคดีอาญาแดงที่ 2144/2501
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยฐานพยายามฆ่าคน
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า การใช้อาวุธปืนยิงในระยะใกล้ในระดับเดียวกับแถวหน้าอก ต้องฟังว่ามีเจตนาฆ่า เพราะปืนเป็นอาวุธร้ายแรงการที่ไม่ยิงซ้ำเติมเป็นเรื่องยับยั้งในตอนหลัง หาใช่แสดงว่าไม่มีเจตนาฆ่าในการยิงครั้งแรกไม่ เรื่องนี้นายวิรัชเป็นผู้ก่อเรื่องและโกรธจำเลยถึงกับหยุดรถตัดหน้าไปท้าให้ลงจากรถนายวิรัชได้ชกต่อยและตามไปจะชกต่อจำเลยอีก การที่จำเลยยิงนายวิรัชในขณะนั้น ถือว่ากระทำไปโดยบันดาลโทสะ ศาลลงโทษให้น้อยลงได้ส่วนความผิดฐานมีอาวุธปืนไม่ได้รับอนุญาต จำเลยได้รับยกเว้นโทษตาม พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2501 (ฉบับที่ 3) จึงพิพากษาแก้ให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80, 72 ให้จำคุก 3 ปี คำรับของจำเลยมีประโยชน์ต่อการพิจารณา ลดโทษให้ 1 ใน 3 ตามมาตรา 78 เหลือโทษจำคุก 2 ปี และให้นับโทษต่อจากคดีแดงที่ 2144/2501
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังว่า ที่แรกนายวิรัชเอาแขนท้าวประตูรถ เห็นจำเลยเอื้อมมือหยิบวัตถุสีดำเข้าใจว่าปืน จึงเอี้ยวตัวหลบ พอดีจำเลยยิงถูกใต้ศอกซ้ายทะลุ การที่จำเลยยิงนายวิรัชขณะเอี้ยวตัวหลบเห็นได้ว่าหมายยิงลำตัว ซึ่งอยู่ในอาการเคลื่อนไหว ไม่ใช่หมายยิงแขนโดยเฉพาะ ปืนเป็นอาวุธร้ายแรง การยิงสาดตรงไปที่ตัวย่อมเล็งเห็นผลได้ว่าอาจถึงตาย เป็นกรณีเจตนาฆ่า เมื่อกระสุนปืนพลาดที่หมายไปถูกศอก จำเลยมีความผิดฐานพยายามฆ่าคน ดังคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์
พิพากษายืน