โจทก์ฟ้องว่า นายเฮง บิดาโจทก์มีที่ดิน ๑ แปลง เป็นที่มาไม่มีโฉนด เมื่อนายเฮงตายโจทกืเป็นผู้รับมรดก จำเลยเข้าไถและหว่านข้าวทั้งแปลง ขอให้ห้ามจำเลยเกี่ยวข้องกับที่นาและให้ใช้ค่าเสียหาย
จำเลยให้การว่า ที่พิพาทเป็นของนายเคลือบ, นางมา นางมาเป็นผู้ไถ หว่าน จำเลยเป็นแต่ช่วยเหลือ
นางมาร้องสอบเข้าเป็นจำเลยร่วม อ้างว่าที่พิพาทเป็นของตนกับนายเคลือบ นายเฮงเป็นหลานของตน เดิมตนทำพินัยกรรมยกที่พิพาทให้นายเฮงเมื่อนายเฮงตายไปแล้ว และตนยังมีชีวิตอยู่ พินัยกรรมจึงไม่บังเกิดผล ขอให้ยกฟ้องโจทก์
ศาลชั้นต้นฟังว่า ที่พิพาทเดิมเป็นของนายเคลือบ, นางมา, นายเคลือบ,นางมาทำพินัยกรรมยกให้นายเฮง นายเคลือบตายไปแล้ว แต่นางมายังอยู่ พินัยกรรมจึงยังไม่เกิดผล พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ก็ฟังว่า นายเคลือบ, นางมาทำพินัยกรรมยกทรัพย์มรดกให้นายเฮง แต่เห็นว่าต้องตีความในพินัยกรรมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๒,๑๖๘๔ นายเฮงย่อมได้มรดกในส่วนที่เป็นของนายเคลือบ และเมื่อนายเฮงตายจึงตกเป็นของโจทก์ ๆ กับนางมาจึงเป็นเจ้าของที่พิพาทรวมกันกรณีเป็นเรื่องเจ้าของร่วมแย่งกันทำที่พิพาท โจทก์จะฟ้องเรียกค่าเสียหายและข้อห้ามไม่ได้ พิพากษายืนค่าฤชาธรรมเนียมทั้ง ๒ ศาลให้รวมกันแล้วช่วยกันเสียฝ่ายละครึ่ง
จำเลยฎีกาคัดค้านว่า พินัยกรรมยังไม่บังเกิดผล โจทก์มิได้ยกประเด็นเรื่องพินัยกรรมขึ้นเป็นข้อพิพาทในคำฟ้อง ศาลไม่ควรวินิจฉัยข้อนี้ ศาลอุทธรณืพิพากษาเรื่องค่าธรรมเนียมไม่ชอบด้วยรูปคดีเพราะโจทก์แพ้คดีจำเลยเต็บประเด็นที่โจทก์กล่าวอ้าง
โจทก์ฎีกาว่าเมื่อโจทก์มีส่วนถือกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทและจำเลยเข้าไปทำนาเสียทั้งแปลงเกินส่วนของจำเลย จึงตกเป็นผู้ละเมิด ต้องใช้ค่าเสียหายและโจทก์ขอให้ห้ามจำเลยได้
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงตามศาลล่าง และเห็นว่า การที่เจ้าของร่วมได้ทำพินัยกรรมฉบับเดียวกันยกทรัพย์ให้แก่ใคร แม้จะระบุว่า ถ้าข้าพเจ้าทั้งสอบได้ถึงแก่ความตายไปแล้ว ให้ทรัพย์ตกได้แก่ผู้นั้นก็ดี แต่ก็เห็นได้ว่าเป็นความประสงค์ของผู้ทำพินัยกรรมแต่ละคนที่จะยกทรัพย์ของตนให้แก่ผู้ร้อง ฉะนั้น เมื่อคนหนึ่งตายไป แม้อีกคนหนึ่งจะยังอยู่ ก็ย่อมเกิดผลตามพินัยกรรมเฉพาะทรัพย์ส่วนของผู้ตายไปนั้น ตรงตามความประสงค์ของเขาแล้ว
โจทก์ฟ้องว่า ที่ดินเป็นของนายเฮง แต่จำเลยร่วมต่อสู้ว่าเป็นของนายเคลือบกับจำเลยร่วม และบุคคลทั้งสองได้ทำพินัยกรรมยกให้นายเฮงบัดนี้ จำเลยร่วมไม่ประสงค์จะให้ต่อไป เรื่องพินัยกรรมตามที่จำเลยต่อสู้จึงเป็นประเด็นที่ศาลยกขึ้นวินิจฉัยได้
ค่าธรรมเนียมที่ศาลอุทธรณืให้รวมแล้วเสียฝ่ายละครึ่งนั้น เป็นดุลพินิจของศาล
การที่เจ้าของร่วมเข้าทำในที่ที่ตนเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยนั้น หาเห็นการละเมิดไม่โจทก์จะขอให้ห้ามและเรียกค่าเสียหายฐานละเมิดไม่ได้ส่วนที่โจทก์ว่า ที่พิพาทควรเป็นของนายเคลือบ ๒ ส่วนนั้น ยังไม่ปรากฎข้อเท็จจริงว่าใครมีส่วนเท่าใดแน่
พิพากษายืน.