พบผลลัพธ์ทั้งหมด 38 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1479/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกกล่าวเลิกสัญญาเช่าที่ชอบด้วยกฎหมาย แม้จำเลยมีภูมิลำเนาหลายแห่ง
ขณะที่โจทก์ส่งบอกกล่าวเลิกสัญญาเช่าไปยังจำเลยที่บ้านเลขที่ 140/2 นั้น จำเลยย้ายไปอยู่ที่บ้านเลขที่ 42 แล้ว แต่ปรากฏในสัญญาเช่า ซึ่งจำเลยทำไว้กับเจ้าของเดิมระบุว่าอยู่บ้านเลขที่ 140/2 และจำเลยยังมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเลยที่ดังกล่าว ทั้งในชั้นพิจารณาจำเลยเบิกความรับว่าจำเลยยังคงมีภูมิลำเนาอยู่ที่บ้านเลขที่ 140/2 แต่หลังจากให้ผู้อื่นเช่าไปแล้วไม่เคยกลับไปอยู่อีก ดังนี้ แสดงว่าจำเลยมีถิ่นที่อยู่หลายแห่งสับเปลี่ยนกันไป ถือได้ว่าทั้งบ้านเลขที่ 42 และ 140/2 เป็นภูมิลำเนาของจำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 45 การที่โจทก์บอกกล่าวเลิกสัญญาเช่าไปที่บ้านเลขที่ 140/2 จึงชอบด้วยกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2024-2025/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภูมิลำเนาจำเลยหลายแห่ง การส่งคำบังคับชอบด้วยกฎหมาย แม้มีการย้ายที่อยู่
จำเลยมีถิ่นที่อยู่หลายแห่งสับเปลี่ยนกันไปประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 45 ให้ถือเอาแห่งใดแห่งหนึ่งเป็นภูมิลำเนา บ้านแห่งหนึ่งจึงเป็นภูมิลำเนาของจำเลย การที่พนักงานเดินหมายนำคำบังคับไปส่งแล้วปิดคำบังคับไว้ที่บ้านแห่งนั้น จึงเป็นการส่งคำบังคับที่ชอบด้วยกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2024-2025/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภูมิลำเนาจำเลยหลายแห่ง การส่งคำบังคับชอบด้วยกฎหมาย แม้มีการย้ายที่อยู่
จำเลยมีถิ่นที่อยู่หลายแห่งสับเปลี่ยนกันไป ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 45 ให้ถือเอาแห่งใดแห่งหนึ่งเป็นภูมิลำเนา บ้านแห่งหนึ่งจึงเป็นภูมิลำเนาของจำเลย การที่พนักงานเดินหมายนำคำบังคับไปส่งแล้วปิดคำบังคับไว้ที่บ้านแห่งนั้น จึงเป็นการส่งคำบังคับที่ชอบด้วยกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1681/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลทหาร-ศาลพลเรือน: กรณีทหารเรือกระทำผิดต่อพลเรือนและประเด็นภูมิลำเนาในการฟ้องคดีแพ่ง
ขณะเกิดเหตุจำเลยเป็นทหารเรือประจำการจึงเป็นบุคคลที่อยู่ในอำนาจศาลทหาร แม้จำเลยจะได้กระทำความผิดอาญาต่อพลเรือนก็ต้องฟ้องจำเลยที่ศาลทหารตามที่บังคับไว้ในพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ. 2498
คดีแพ่งที่ต้องเสนอคำฟ้องต่อศาลที่จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาลนั้น เมื่อปรากฏว่าจำเลยมีถิ่นที่อยู่ 2 แห่ง คือ ที่จังหวัดราชบุรีซึ่งเป็นภูมิลำเนาเดิมแห่งหนึ่งกับที่นครหลวงกรุงเทพธนบุรีอันเป็นถิ่นที่ทำการงานเป็นปกติอีกแห่งหนึ่ง โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยที่ศาลจังหวัดราชบุรี จึงเป็นการชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4(2) แล้ว
คดีแพ่งที่ต้องเสนอคำฟ้องต่อศาลที่จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาลนั้น เมื่อปรากฏว่าจำเลยมีถิ่นที่อยู่ 2 แห่ง คือ ที่จังหวัดราชบุรีซึ่งเป็นภูมิลำเนาเดิมแห่งหนึ่งกับที่นครหลวงกรุงเทพธนบุรีอันเป็นถิ่นที่ทำการงานเป็นปกติอีกแห่งหนึ่ง โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยที่ศาลจังหวัดราชบุรี จึงเป็นการชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4(2) แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 881/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ถิ่นที่อยู่จำเลยหลายแห่ง ศาลมีอำนาจพิจารณาคดีได้หากจำเลยทราบฟ้องและต่อสู้คดี
จำเลยมีถิ่นที่อยู่ 2 แห่ง โจทก์จะถือเอาแห่งหนึ่งแห่งใดเป็นภูมิลำเนาของจำเลยเพื่อยื่นคำฟ้องก็ได้
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4(2) ที่บัญญัติให้เสนอคำฟ้องต่อศาลที่จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาลก็เพื่อให้จำเลยได้ฟังคดีของตนและต่อสู้คดีได้เต็มที่เมื่อจำเลยได้ทราบคำฟ้องและต่อสู้คดีเต็มที่แล้ว จึงหาขัดกฎหมายไม่ (อ้างฎีกาที่ 1233/2506)
โจทก์ฟ้องเรียกหนี้ 2 รายรวม 2,387 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยนับแต่วันผิดนัด รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 2,729.93บาท ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้ 1 รายจำนวน 774 บาทพร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้องศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำเลยชำระเงินเต็มตามฟ้อง ถือว่าแก้ไขเพียงเล็กน้อยต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4(2) ที่บัญญัติให้เสนอคำฟ้องต่อศาลที่จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาลก็เพื่อให้จำเลยได้ฟังคดีของตนและต่อสู้คดีได้เต็มที่เมื่อจำเลยได้ทราบคำฟ้องและต่อสู้คดีเต็มที่แล้ว จึงหาขัดกฎหมายไม่ (อ้างฎีกาที่ 1233/2506)
โจทก์ฟ้องเรียกหนี้ 2 รายรวม 2,387 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยนับแต่วันผิดนัด รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 2,729.93บาท ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้ 1 รายจำนวน 774 บาทพร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้องศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำเลยชำระเงินเต็มตามฟ้อง ถือว่าแก้ไขเพียงเล็กน้อยต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 881/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภูมิลำเนาจำเลยหลายแห่ง การฟ้องคดีต่อศาลที่มีอำนาจพิจารณา และการต่อสู้คดีอย่างเต็มที่
จำเลยมีถิ่นที่อยู่ 2 แห่ง โจทก์จะถือเอาแห่งหนึ่งแห่งใดเป็นภูมิลำเนาของจำเลยเพื่อยื่นคำฟ้องก็ได้.
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4(2) ที่บัญญัติให้เสนอคำฟ้องต่อศาลที่จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาล ก็เพื่อให้จำเลยได้ฟังคดีของตนและต่อสู้คดีได้เต็มที่เมื่อจำเลยได้ทราบคำฟ้องและต่อสู้คดีเต็มที่แล้ว จึงหาขัดกฎหมายไม่ (อ้างฎีกาที่ 1233/2506)
โจทก์ฟ้องเรียกหนี้ 2 รายรวม 2,387 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยนับแต่วันผิดนัด รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 2,729.93 บาท ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้ 1 รายจำนวน 774 บาทพร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำเลยชำระเงินเต็มตามฟ้อง ถือว่าแก้ไขเพียงเล็กน้อยต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4(2) ที่บัญญัติให้เสนอคำฟ้องต่อศาลที่จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาล ก็เพื่อให้จำเลยได้ฟังคดีของตนและต่อสู้คดีได้เต็มที่เมื่อจำเลยได้ทราบคำฟ้องและต่อสู้คดีเต็มที่แล้ว จึงหาขัดกฎหมายไม่ (อ้างฎีกาที่ 1233/2506)
โจทก์ฟ้องเรียกหนี้ 2 รายรวม 2,387 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยนับแต่วันผิดนัด รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 2,729.93 บาท ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้ 1 รายจำนวน 774 บาทพร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำเลยชำระเงินเต็มตามฟ้อง ถือว่าแก้ไขเพียงเล็กน้อยต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 881/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภูมิลำเนาจำเลยหลายแห่ง: ศาลมีอำนาจฟ้องได้หากจำเลยทราบและต่อสู้คดี
จำเลยมีถิ่นที่อยู่ 2 แห่ง โจทก์จะถือเอาแห่งหนึ่งแห่งใดเป็นภูมิลำเนาของจำเลยเพื่อยื่นคำฟ้องก็ได้.
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4(2) ที่บัญญัติให้เสนอคำฟ้องต่อศาลที่จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาล. ก็เพื่อให้จำเลยได้ฟังคดีของตนและต่อสู้คดีได้เต็มที่.เมื่อจำเลยได้ทราบคำฟ้องและต่อสู้คดีเต็มที่แล้ว จึงหาขัดกฎหมายไม่ (อ้างฎีกาที่ 1233/2506).
โจทก์ฟ้องเรียกหนี้ 2 รายรวม 2,387 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยนับแต่วันผิดนัด รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 2,729.93บาท. ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้ 1 รายจำนวน774 บาทพร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้อง. ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำเลยชำระเงินเต็มตามฟ้อง ถือว่าแก้ไขเพียงเล็กน้อยต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง.
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4(2) ที่บัญญัติให้เสนอคำฟ้องต่อศาลที่จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาล. ก็เพื่อให้จำเลยได้ฟังคดีของตนและต่อสู้คดีได้เต็มที่.เมื่อจำเลยได้ทราบคำฟ้องและต่อสู้คดีเต็มที่แล้ว จึงหาขัดกฎหมายไม่ (อ้างฎีกาที่ 1233/2506).
โจทก์ฟ้องเรียกหนี้ 2 รายรวม 2,387 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยนับแต่วันผิดนัด รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 2,729.93บาท. ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้ 1 รายจำนวน774 บาทพร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้อง. ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำเลยชำระเงินเต็มตามฟ้อง ถือว่าแก้ไขเพียงเล็กน้อยต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1233/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภูมิลำเนาจำเลย - การฟ้องคดีเมื่อจำเลยมีถิ่นที่อยู่สองแห่ง ศาลมีอำนาจพิจารณาได้
แม้จำเลยจะอ้างว่าได้ย้ายภูมิลำเนาไปอยู่จังหวัดพระนครแล้วก่อนโจทก์ฟ้อง 8 วันก็ดี หากมีหลักฐานแสดงอยู่ว่าจำเลยยังคงมีบ้านและถิ่นที่อยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ดังเดิมด้วย ย่อมถือได้ว่าจำเลยมีถิ่นที่อยู่สองแห่งคือ ทั้งที่เชียงใหม่และจังหวัดพระนครซึ่งโจทก์ย่อมถือเอาแห่งใดแห่งหนึ่งว่าเป็นภูมิลำเนาของจำเลยและยื่นฟ้องจำเลยต่อศาลแขวงเชียงใหม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1233/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เขตอำนาจศาล: การฟ้องคดีที่มีจำเลยมีถิ่นที่อยู่สองแห่ง ศาลมีอำนาจพิจารณาได้
แม้จำเลยจะอ้างว่าได้ย้ายภูมิลำเนาไปอยู่จังหวัดพระนครแล้วก่อนโจทก์ฟ้อง 8 วันก็ดี หากมีหลักฐานแสดงอยู่ว่าจำเลยยังคงมีบ้านและถิ่นที่อยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ดังเดิม ด้วย ย่อมถือได้ว่าจำเลยมีถิ่นที่อยู่สองแห่ง คือ ทั้งที่เชียงใหม่ และจังหวัดพระนคร ซึ่งโจทก์ย่อมถือเอาแห่งใดแห่งหนึ่งว่าเป็นภูมิลำเนาของจำเลยและยื่นฟ้องจำเลยต่อศาลแขวงเชียงใหม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 93/2480
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตีความสัญญา: ค่าเสียหายจากการทำเหมืองแร่ ไม่ใช่การซื้อขายที่ดิน
การแปลความในสัญญา สัญญามีข้อความว่าผู้ให้สัญญามีความพอใจยกกรรมสิทธิที่ดิน ฯลฯ ให้และผู้ถือสัญญามีอำนาจจัดการตรวจแร่และขอประทานบัตร์ทำเหมืองแร่ได้เท่ากับตัวผู้ให้สัญญาเอง โดยผู้ให้สัญญายอมคิดค่าเสียหายจากผู้ถือสัญญาตามเนื่อที่ไร่ละ 150 บาทดังนี้ สัญญานี้เป็นสัญญาให้ค่าเสียหายในการเข้าตรวจและเหมืองแร่ไม่ใช่สัญญา จะซื้อขายที่ดิน