พบผลลัพธ์ทั้งหมด 14 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4166/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทางจำเป็น: พิจารณาความเสียหายฝ่ายจำเลย, สิทธิใช้ทางเดิม, และการรื้อถอนสิ่งกีดขวางเพื่อเปิดทาง
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยเปิดทางจำเป็น ซึ่งไม่ใช่กรณีที่มีกฎหมายบังคับว่าต้องมีเอกสารมาแสดง โจทก์จึงนำพยานบุคคลเข้าสืบได้ว่า โจทก์ใช้ที่ดินที่เคยเช่าจากจำเลยเพื่อทำสวนเป็นทางเข้าออกสู่ถนนสาธารณะ
ที่ดินของโจทก์ตกอยู่ในที่ล้อม และโจทก์เคยใช้ที่ดินของจำเลยเป็นทางเข้าออกสู่ถนนสาธารณะ เพราะเป็นเส้นทางที่สั้นที่สุดและสะดวกที่สุด ดังนี้ จำเลยจะเกี่ยงให้โจทก์ไปใช้เส้นทางอื่นในที่ดินอื่นที่โจทก์ไม่ได้ใช้เป็นปกติมาก่อนเป็นทางเข้าออกไม่ได้
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1349 การกำหนดทางจำเป็นจะพิจารณาแต่ทางที่โจทก์มีความประสงค์จะใช้แล้วพิพากษาให้ตามที่ขอหาได้ไม่ แต่ต้องคำนึงถึงฝ่ายจำเลยด้วยว่าการเปิดทางนี้ทำให้จำเลยเสียหายน้อยที่สุดหรือไม่
ที่ดินของโจทก์ตกอยู่ในที่ล้อม และโจทก์เคยใช้ที่ดินของจำเลยเป็นทางเข้าออกสู่ถนนสาธารณะ เพราะเป็นเส้นทางที่สั้นที่สุดและสะดวกที่สุด ดังนี้ จำเลยจะเกี่ยงให้โจทก์ไปใช้เส้นทางอื่นในที่ดินอื่นที่โจทก์ไม่ได้ใช้เป็นปกติมาก่อนเป็นทางเข้าออกไม่ได้
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1349 การกำหนดทางจำเป็นจะพิจารณาแต่ทางที่โจทก์มีความประสงค์จะใช้แล้วพิพากษาให้ตามที่ขอหาได้ไม่ แต่ต้องคำนึงถึงฝ่ายจำเลยด้วยว่าการเปิดทางนี้ทำให้จำเลยเสียหายน้อยที่สุดหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4166/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิใช้ทางจำเป็นในที่ดินของผู้อื่น แม้มีทางออกอื่น แต่หากเป็นทางที่เคยใช้และสะดวกกว่า ย่อมมีสิทธิขอใช้ทางเดิมได้
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยเปิดทางจำเป็น ซึ่งไม่ใช่กรณีที่มีกฎหมายบังคับว่าต้องมีเอกสารมาแสดง โจทก์จึงนำพยานบุคคลเข้าสืบได้ว่าโจทก์ใช้ที่ดินที่เคยเช่าจากจำเลยเพื่อทำสวนเป็นทางเข้าออกสู่ถนนสาธารณะ ที่ดินของโจทก์ตกอยู่ในที่ล้อม และโจทก์เคยใช้ที่ดินของจำเลยเป็นทางเข้าออกสู่ถนนสาธารณะ เพราะเป็นเส้นทางที่สั้นที่สุดและสะดวกที่สุด ดังนี้ จำเลยจะเกี่ยง ให้โจทก์ไปใช้เส้นทางอื่นในที่ดินอื่นที่โจทก์ไม่ได้ใช้เป็นปกติมาก่อนเป็นทางเข้าออกไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1349 การกำหนดทางจำเป็นจะพิจารณาแต่ทางที่โจทก์มีความประสงค์จะใช้แล้วพิพากษาให้ตามที่ขอหาได้ไม่ แต่ต้องคำนึงถึงฝ่ายจำเลยด้วยว่าการเปิดทางนี้ทำให้จำเลยเสียหายน้อยที่สุดหรือไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 362/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรุกล้ำที่ดินและสิทธิของเจ้าของที่ดินติดกัน แม้ไม่มีทางสาธารณะ ก็มีหน้าที่จัดการบำบัด
ทางเดินในที่ดินของเอกชนซึ่งมีผู้ถือวิสาสะให้เป็นทางเดินเพื่อความสะดวกบางประการนั้นเมื่อเจ้าของมิได้อุทิศโดยตรงหรือโดยปริยายอย่างใดแล้ว ก็หาทำให้ทางเดินนั้นกลายสภาพเป็นทางสาธารณะไม่
การที่ที่ดินของโจทก์จำเลยอยู่ติดกันโดยไม่มีทางสาธารณะคั่นกลางนั้น เมื่อกิ่งก้านต้นไม้ในที่ดินของจำเลยรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์จำเลยก็ย่อมมีหน้าที่ต้องจัดการบำบัดอย่าให้มีสภาพเช่นนั้นต่อไป
การที่ที่ดินของโจทก์จำเลยอยู่ติดกันโดยไม่มีทางสาธารณะคั่นกลางนั้น เมื่อกิ่งก้านต้นไม้ในที่ดินของจำเลยรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์จำเลยก็ย่อมมีหน้าที่ต้องจัดการบำบัดอย่าให้มีสภาพเช่นนั้นต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 362/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรุกล้ำที่ดินโดยต้นไม้: จำเลยมีหน้าที่จัดการบำบัดหากไม่มีทางสาธารณะคั่น
ทางเดินในที่ดินของเอกชนซึ่งมีผู้ถือวิสาสะใช้เป็นทางเดินเพื่อความสะดวกบางประการนั้นเมื่อเจ้าของมิได้อุทิศโดยตรงหรือโดยปริยายอย่างใดแล้ว ก็หาทำให้ทางเดินนั้นกลายสภาพเป็นทางสาธารณะไม่
การที่ที่ดินของโจทก์จำเลยอยู่ติดกันโดยไม่มีทางสาธารณะคั่นกลางนั้นเมื่อกิ่งก้านต้นไม้ในที่ดินของจำเลยรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์จำเลยก็ย่อมมีหน้าที่ต้องจัดการบำบัดอย่าให้มีสภาพเช่นนั้นต่อไป
การที่ที่ดินของโจทก์จำเลยอยู่ติดกันโดยไม่มีทางสาธารณะคั่นกลางนั้นเมื่อกิ่งก้านต้นไม้ในที่ดินของจำเลยรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์จำเลยก็ย่อมมีหน้าที่ต้องจัดการบำบัดอย่าให้มีสภาพเช่นนั้นต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1165/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิตัดกิ่งไม้รุกล้ำที่ดินติดต่อ และการใช้สิทธิทางศาลเมื่อข้อเท็จจริงไม่ชัดเจน
โจทก์จำเลยมีที่ดินเขตติดต่อกันกิ่งยางพาราในที่ดินของจำเลยได้ยื่นล้ำและปกคลุมที่ดินของโจทก์ โจทก์จึงฟ้องขอให้จำเลยตัดกิ่งไม้ที่ปกคลุมที่ดินของโจทก์ออกไปให้พ้น โดยกล่าวในฟ้องว่า โจทก์เตือนจำเลยให้ตัดกิ่งยาง จำเลยรับจะตัดแล้วไม่ยอมตัด แต่จำเลยให้การไม่รับรองข้อเท็จจริงข้อนี้ กลับต่อสู้ว่า โจทก์เคยจัดการตัดเอาเอง จำเลยก็ไม่ว่ากล่าวอย่างไรโจทก์ไม่เคยเกี่ยวข้องห้ามปรามจำเลย จำเลยไม่เคยสัญญาจะตัดกิ่งยางให้ ดังนี้ ข้อเท็จจริงเรื่องการบอกกล่าวยังไม่แจ้งชัด ฉะนั้นศาลจะชี้ขาดว่า โจทก์อาจตัดกิ่งยางเอาเองนั้นได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1347 หาได้ไม่
ตาม มาตรา 1347 มิได้ห้ามเจ้าของที่ดินติดต่อใช้สิทธิทางศาล(หากเป็นเพียงอนุญาตไว้เพราะในบางกรณีอาจฉุกเฉินรีบด่วน และเจ้าของที่ดินติดต่ออีกฝ่ายหนึ่งได้ละเลยเพิกเฉยต่อคำบอกกล่าว และถ้าจะไปใช้สิทธิทางศาลอาจไม่รวดเร็วทันกับความจำเป็น ก็ให้เจ้าของที่ดินที่ได้รับความเดือดร้อนนั้น จัดการเอาเองได้โดยกฎหมายไม่ถือเป็นละเมิด
ตาม มาตรา 1347 มิได้ห้ามเจ้าของที่ดินติดต่อใช้สิทธิทางศาล(หากเป็นเพียงอนุญาตไว้เพราะในบางกรณีอาจฉุกเฉินรีบด่วน และเจ้าของที่ดินติดต่ออีกฝ่ายหนึ่งได้ละเลยเพิกเฉยต่อคำบอกกล่าว และถ้าจะไปใช้สิทธิทางศาลอาจไม่รวดเร็วทันกับความจำเป็น ก็ให้เจ้าของที่ดินที่ได้รับความเดือดร้อนนั้น จัดการเอาเองได้โดยกฎหมายไม่ถือเป็นละเมิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1165/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิตัดกิ่งไม้รุกล้ำที่ดิน: การแจ้งให้ตัด vs. การจัดการเองตาม ป.พ.พ. มาตรา 1347
โจทก์จำเลยมีที่ดินเขตติดต่อกันกิ่งยางพาราในที่ดินของจำเลยได้ยื่นล้ำและปกคลุมที่ดินของโจทก์ โจทก์จึงฟ้องขอให้จำเลยตัดกิ่งไม้ที่ปกคลุมที่ดินของโจทก์ออกไปให้พ้นโดยกล่าวในฟ้องว่า โจทก์เตือนจำเลยให้ตัดกิ่งยาง จำเลยรับจะตัดแล้วไม่ยอมตัด แต่จำเลยให้การไม่รับรองข้อเท็จจริงข้อนี้ กลับต่อสู้ว่า โจทก์เคยจัดการตัดเอาเอง จำเลยก็ไม่ว่ากล่าวอย่างไร โจทก์ไม่เคยเกี่ยวข้องห้ามปรามจำเลยจำเลยไม่เคยสัญญาจะตัดกิ่งยางให้ ดังนี้ ข้อเท็จจริงเรื่องการบอกกล่าวยังไม่แจ้งชัด ฉะนั้น ศาลจะชี้ขาดว่า โจทก์อาจตัดกิ่งยางเอาเองนั้นได้ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1347 หาได้ไม่
ตาม มาตรา 1347 มิได้ห้าม เจ้าของที่ดินติดต่อใช้สิทธิทางศาลหากเป็นเพียงอนุญาตไว้เพราะในบางกรณีอาจฉุกเฉินรีบด่วน และเจ้าของที่ดินติดต่ออีกฝ่ายหนึ่งได้ละเลยเพิกเฉยต่อคำบอกกล่าวและถ้าจะไปใช้สิทธิทางศาลอาจไม่รวดเร็วทันกับความจำเป็น ก็ให้เจ้าของที่ดินที่ได้รับความเดือดร้อนนั้น จัดการเอาเองได้โดยกฎหมาย ไม่ถือเป็นละเมิด
ตาม มาตรา 1347 มิได้ห้าม เจ้าของที่ดินติดต่อใช้สิทธิทางศาลหากเป็นเพียงอนุญาตไว้เพราะในบางกรณีอาจฉุกเฉินรีบด่วน และเจ้าของที่ดินติดต่ออีกฝ่ายหนึ่งได้ละเลยเพิกเฉยต่อคำบอกกล่าวและถ้าจะไปใช้สิทธิทางศาลอาจไม่รวดเร็วทันกับความจำเป็น ก็ให้เจ้าของที่ดินที่ได้รับความเดือดร้อนนั้น จัดการเอาเองได้โดยกฎหมาย ไม่ถือเป็นละเมิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1846/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเจ้าของที่ดินตัดกิ่งไม้ล้ำแนวเขตและการพิจารณาเจตนาในความผิดอาญา
ในทางแพ่ง ถ้าจำเลยได้บอกกล่าวโจทก์เสียก่อนและให้เวลาพอสมควรแล้ว จำเลยก็อาจตัดกิ่งไม้ของโจทก์ที่ยื่นล้ำที่ของจำเลยเข้าไปนั้นได้
ส่วนในทางอาญา ต้องพิจารณาเจตนาของจำเลยเป็นเรื่อง ๆ ไป ถ้าตามพฤติการณ์ที่ปรากฎเป็นที่เห็นได้ว่าจำเลยไม่มีเจตนาทำผิดทางอาญา แม้จำเลยไม่ได้บอกกล่าวโจทก์เสียก่อน จำเลยก็ตัดกิ่งไม้ที่ยื่นรุกล้ำเข้ามาในที่ของตนได้เพราะเป็นเรื่องที่จำเลยเพียงแต่กระทำการป้องกันกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินของตนตามที่กฎหมายอนุญาตให้ทำได้โดยทั่ว ๆ ไป หากแต่จำเลยมิได้ปฏิบัติการให้ครบถ้วน ตามวิธีการที่บัญญัติไว้ใน ป.พ.พ. มาตรา 1347 เท่านั้น.
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 5/2501)
ส่วนในทางอาญา ต้องพิจารณาเจตนาของจำเลยเป็นเรื่อง ๆ ไป ถ้าตามพฤติการณ์ที่ปรากฎเป็นที่เห็นได้ว่าจำเลยไม่มีเจตนาทำผิดทางอาญา แม้จำเลยไม่ได้บอกกล่าวโจทก์เสียก่อน จำเลยก็ตัดกิ่งไม้ที่ยื่นรุกล้ำเข้ามาในที่ของตนได้เพราะเป็นเรื่องที่จำเลยเพียงแต่กระทำการป้องกันกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินของตนตามที่กฎหมายอนุญาตให้ทำได้โดยทั่ว ๆ ไป หากแต่จำเลยมิได้ปฏิบัติการให้ครบถ้วน ตามวิธีการที่บัญญัติไว้ใน ป.พ.พ. มาตรา 1347 เท่านั้น.
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 5/2501)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1846/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเจ้าของที่ดินตัดกิ่งไม้รุกล้ำ และเจตนาทางอาญาของผู้กระทำ
ในทางแพ่ง ถ้าจำเลยได้บอกกล่าวโจทก์เสียก่อนและให้เวลาพอสมควรแล้ว จำเลยก็อาจตัดกิ่งไม้ของโจทก์ที่ยื่นล้ำที่ของจำเลยเข้าไปนั้นได้
ส่วนในทางอาญา ต้องพิจารณาเจตนาของจำเลยเป็นเรื่องๆไป ถ้าตามพฤติการณ์ที่ปรากฏเป็นที่เห็นได้ว่าจำเลยไม่มีเจตนาทำผิดทางอาญา แม้จำเลยไม่ได้บอกกล่าวโจทก์เสียก่อน จำเลยก็ตัดกิ่งไม้ที่ยื่นรุกล้ำเข้ามาในที่ของตนได้ เพราะเป็นเรื่องที่จำเลยเพียงแต่กระทำการป้องกันกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินของตนตามที่กฎหมายอนุญาตให้ทำได้โดยทั่วๆ ไป หากแต่จำเลยมิได้ปฏิบัติการให้ครบถ้วนตามวิธีการที่บัญญัติไว้ใน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1347 เท่านั้น(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 5/2501)
ส่วนในทางอาญา ต้องพิจารณาเจตนาของจำเลยเป็นเรื่องๆไป ถ้าตามพฤติการณ์ที่ปรากฏเป็นที่เห็นได้ว่าจำเลยไม่มีเจตนาทำผิดทางอาญา แม้จำเลยไม่ได้บอกกล่าวโจทก์เสียก่อน จำเลยก็ตัดกิ่งไม้ที่ยื่นรุกล้ำเข้ามาในที่ของตนได้ เพราะเป็นเรื่องที่จำเลยเพียงแต่กระทำการป้องกันกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินของตนตามที่กฎหมายอนุญาตให้ทำได้โดยทั่วๆ ไป หากแต่จำเลยมิได้ปฏิบัติการให้ครบถ้วนตามวิธีการที่บัญญัติไว้ใน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1347 เท่านั้น(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 5/2501)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1241/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทางจำเป็น vs. ภาระจำยอม: ศาลพิจารณาจากข้อเท็จจริงและหนังสืออนุญาตของสามี แม้มีคำขอภาระจำยอมแต่ไม่ได้บรรยายเหตุ
จำเลยให้การว่า โจทก์เป็นหญิงมีสามี ไม่อาจดำเนินคดีฟ้องร้องโดยลำพังตนเองได้เท่านั้น จำเลยไม่ได้คัดค้านว่า ไม่ได้รับอนุญาตจากสามี หรือหนังสืออนุญาตใช้ไม่ได้ เพราะเหตุใด เมื่อศาลพอใจในความสามารถของโจทก์ตามหนังสืออนุญาตของสามีโจทก์ที่ติดมาท้ายฟ้องแล้วเป็นอันฟังได้ว่า โจทก์มีสิทธิฟ้องคดี ไม่จำต้องนำสืบอีก
โจทก์บรรยายฟ้องเรื่องทางจำเป็นและมีคำขอเรื่องภารจำยอมอยู่ท้ายฟ้อง แต่โจทก์มิได้บรรยายในฟ้องว่าเป็นทางภารจำยอมเพราะเหตุใด ย่อมต้องถือว่าโจทก์ฟ้องคดีในเรื่องทางจำเป็นอย่างเดียว
แม้เจ้าของที่ดิน ซึ่งตกอยู่ในที่ล้อมจะมีทั้งสิทธิที่จะผ่านที่ดินของผู้อื่นและหน้าที่ชดใช้ค่าทดแทนให้แก่เขาก็ดี มาตรา 1349 ไม่ได้บังคับให้ปฏิบัติหน้าที่เสียก่อนแล้วจึงใช้สิทธิได้ ฉะนั้นเมื่อจำเลย ซึ่งเป็นเจ้าของสิทธิเรียกค่าทดแทนยังไม่เรียกร้องเอาค่าทดแทนขึ้นมาในคดีนี้ คดีก็ไม่มีประเด็นจะให้ศาลวินิจฉัยถึง (อ้างฎีกา 311/2489)
พิพาทกันเรื่องทางเดินวิวาทซึ่งรับกันว่าที่ดินของโจทก์ตกอยู่ในที่ล้อม ที่ดินของจำเลยได้ล้อมอยู่ แม้โจทก์จะระบุเลขโฉนดผิด ก็ไม่เป็นการเสียหายแก่รูปคดีอย่างไร
โจทก์ฟ้องขอให้เปิดทางจำเป็น ศาลชั้นต้นฟังว่าเป็นทางภารจำยอมศาลอุทธรณ์ฟังว่าเป็นทางภารจำยอมและทางจำเป็นพิพากษาให้เปิดทางจำเป็นคู่ความฎีกาในข้อเท็จจริงได้
โจทก์บรรยายฟ้องเรื่องทางจำเป็นและมีคำขอเรื่องภารจำยอมอยู่ท้ายฟ้อง แต่โจทก์มิได้บรรยายในฟ้องว่าเป็นทางภารจำยอมเพราะเหตุใด ย่อมต้องถือว่าโจทก์ฟ้องคดีในเรื่องทางจำเป็นอย่างเดียว
แม้เจ้าของที่ดิน ซึ่งตกอยู่ในที่ล้อมจะมีทั้งสิทธิที่จะผ่านที่ดินของผู้อื่นและหน้าที่ชดใช้ค่าทดแทนให้แก่เขาก็ดี มาตรา 1349 ไม่ได้บังคับให้ปฏิบัติหน้าที่เสียก่อนแล้วจึงใช้สิทธิได้ ฉะนั้นเมื่อจำเลย ซึ่งเป็นเจ้าของสิทธิเรียกค่าทดแทนยังไม่เรียกร้องเอาค่าทดแทนขึ้นมาในคดีนี้ คดีก็ไม่มีประเด็นจะให้ศาลวินิจฉัยถึง (อ้างฎีกา 311/2489)
พิพาทกันเรื่องทางเดินวิวาทซึ่งรับกันว่าที่ดินของโจทก์ตกอยู่ในที่ล้อม ที่ดินของจำเลยได้ล้อมอยู่ แม้โจทก์จะระบุเลขโฉนดผิด ก็ไม่เป็นการเสียหายแก่รูปคดีอย่างไร
โจทก์ฟ้องขอให้เปิดทางจำเป็น ศาลชั้นต้นฟังว่าเป็นทางภารจำยอมศาลอุทธรณ์ฟังว่าเป็นทางภารจำยอมและทางจำเป็นพิพากษาให้เปิดทางจำเป็นคู่ความฎีกาในข้อเท็จจริงได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1162/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตัดกิ่งไม้ล้ำแนวเขต: ไม่ถึงขั้นทำให้เสียทรัพย์ในทางอาญา
จำเลยตัดกิ่งไม้ที่ล้ำเข้ามาในนาของจำเลย โดยไม่บอกผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินติดต่อให้ตัดเสียก่อนนั้น เป็นการทำผิดหน้าที่ซึ่งกฎหมายบังคับไว้ในทางแพ่ง แต่ยังไม่เพียงพอที่จะถือว่า เป็นการบังอาจทำให้ทรัพย์ของเขาอันตรายชำรุดเสียหาย อันเป็นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ในทางอาญาเสมอไป