คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 1357

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 218 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1027/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยกที่ดินให้โดยไม่ระบุส่วนได้ส่วนเสีย สันนิษฐานเป็นเจ้าของร่วมกัน ส่วนเจตนาเป็นเจ้าของต้องพิสูจน์
บิดายกที่ดินรายพิพาทให้แก่นางนิตย์โจทก์และจำเลย ต่อมามีการรังวัดขอรับโฉนด การที่นางนิตย์โจทก์ใส่ชื่อจำเลยเป็นเจ้าของร่วมเฉยๆ โดยไม่แบ่งส่วนไว้ ต้องสันนิษฐานว่ามีส่วนเท่ากัน (ม.1357)
โจทก์อ้างว่านาเป็นของโจทก์มากกว่าครึ่ง คือเท่าที่โจทก์ครอบครองอยู่เวลานี้ จำเลยต่อสู้ว่าได้มอบนาให้โจทก์ไว้ทำต่างดอกเบี้ยเงินกู้ ดังนี้การที่โจทก์ทำนารายพิพาทไม่เป็นเหตุให้โจทก์ได้กรรมสิทธิ์ โจทก์จำเป็นต้องมีเจตนาเป็นเจ้าของตาม ม.1382ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ข้อเจตนาเป็นเจ้าของนี้โจทก์นำสืบไม่ได้ก็ไม่มีสิทธิที่จะเอาที่นาทั้งหมดตามที่ครอบครองอยู่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 669/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องแบ่งค่าอ้อย: การฟ้องขอแบ่งทรัพย์สินร่วมกันโดยระบุเพียงกรรมสิทธิ์ร่วม ย่อมเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตามกฎหมาย
โจทก์ฟ้องว่ามีกรรมสิทธิ์เป็นเจ้าของอ้อยร่วมกับจำเลยขอแบ่งค่าอ้อยซึ่งจำเลยขายได้ อันเป็นส่วนของโจทก์ครึ่งหนึ่ง ดังนี้ย่อมเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 แล้วไม่จำต้องกล่าวว่าเป็นเจ้าของร่วมกันโดยทางใด ซึ่งเป็นรายละเอียดที่โจทก์จะต้องนำสืบในชั้นพิจารณาต่อไป ถ้าจำเลยต้องการทราบรายละเอียดในข้อนี้ในวันชี้สองสถานหรือก่อนวันนั้น จำเลยมีสิทธิขอให้ศาลสอบถามโจทก์ให้แถลงในข้อนี้ได้ จำเลยเพิ่งจะมาคัดค้านในตอนสืบพยานโจทก์ไปแล้วย่อมทำไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 475/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแบ่งแยกที่ดินร่วม: ศาลฎีกาชี้ว่าต้องพิจารณาตามหลักเจ้าของรวมหรือกรรมสิทธิ์รวม ไม่ใช่มาตรา 1300
โจทก์ที่ 2 รับโอนที่นาส่วนของโจทก์ที่ 1 มา จึงมามีชื่อในโฉนดที่นาพิพาทร่วมกับจำเลย โจทก์จึงฟ้องขอให้จำเลยแบ่งแยกที่นาพิพาทให้โจทก์ครึ่งหนึ่ง จำเลยต่อสู้ว่าที่ส่วนของจำเลยซึ่งรับโอนมาจากเจ้าของเดิมนั้นมีมากกว่าส่วนของโจทก์ และได้ครอบครองเป็นส่วนสัดกันมาส่วนของโจทก์ไม่ใช่ครึ่งหนึ่งดังฟ้อง ดังนี้ ไม่ใช่กรณีที่จะวินิจฉัยตามมาตรา 1300 หากต้องวินิจฉัยโดยบทบัญญัติอันว่าด้วยเจ้าของรวมหรือกรรมสิทธิ์รวม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 475/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแบ่งแยกที่ดินพิพาทระหว่างเจ้าของรวม ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยผิดดุลพินิจ โดยนำมาตรา 1300 มาใช้โดยไม่ถูกต้อง
โจทก์ที่ 2 รับโอนที่นาส่วนของโจทก์ที่ 1 มา จึงมามีชื่อในโฉนดที่นาพิพาทร่วมกับจำเลย โจทก์จึงฟ้องขอให้จำเลยแบ่งแยกที่นาพิพาทให้โจทก์ครึ่งหนึ่ง จำเลยต่อสู้ว่าที่ส่วนของจำเลยซึ่งรับโอนมาจากเจ้าของเดิมนั้นมีมากกว่าส่วนของโจทก์ และได้ครอบครองเป็นส่วนสัดกันมา ส่วนของโจทก์ไม่ใช่ครึ่งหนึ่งดังฟ้อง ดังนี้ ไม่ใช่กรณีที่จะวินิจฉัยตามมาตรา 1300 หากต้องวินิจฉัยโดยบทบัญญัติอันว่าด้วยเจ้าของรวมหรือกรรมสิทธิรวม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 134/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าของร่วมฟ้องขับไล่เจ้าของร่วมอื่นไม่ได้ แม้มีข้อพิพาทเรื่องกรรมสิทธิ์
เจ้าของร่วมในเรือนพิพาทไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่เจ้าของร่วมอีกผู้หนึ่งออกจากเรือนพิพาทได้
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากเรือนพิพาทโดยอ้างว่าจำเลยอาศัยจำเลยต่อสู้กรรมสิทธิ์ ข้อเท็จจริงฟังว่าเรือนพิพาท จำเลยเป็นเจ้าของอยู่ด้วยดังนี้ คดีไม่มีประเด็นว่าโจทก์อาจเป็นเจ้าของรวมหรืออาจไม่เป็นเจ้าของเลยหรือจะควรแบ่งกึ่งให้โจทก์จำเลยหรือจะควรประการใดศาลต้องพิพากษายกฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 134/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าของร่วมไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่เจ้าของร่วมอื่นออกจากเรือนพิพาท
เจ้าของร่วมในเรือนพิพาทไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่เจ้าของร่วมอีกผู้หนึ่งออกจากเรือนพิพาทได้
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากเรือนพิพาทโดยอ้างว่าจำเลยอาศัย จำเลยต่อสู้กรรมสิทธิ ข้อเท็จจริงฟังว่าเรือนพิพาท จำเลยเป็นเจ้าของอยู่ด้วย ดังนี้ คดีไม่มีประเด็นว่าโจทก์อาจเป็นเจ้าของรวมหรืออาจไม่เป็นเจ้าของเลยหรือจะควรแบ่งกึ่งให้โจทก์จำเลยหรือจะควรประการใด ศาลต้องพิพากษายกฟ้อง./

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 632/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ทรัพย์สินระหว่างคู่ไม่สมรสตามกฎหมาย: ถือเป็นกรรมสิทธิ์ร่วม มิใช่สินสมรส ศาลสั่งคืนได้
ทรัพย์สินของสามีภริยาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายต้องถือหลักกรรมสิทธิ์ร่วม
โจทก์เป็นมารดาผู้ตายฟ้องขอแบ่งทรัพย์มรดกของผู้ตายจากจำเลยเมื่อฟังว่าจำเลยและผู้ตายไม่ใช่สามีภริยาโดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยก็ไม่มีสิทธิในทรัพย์มรดกของผู้ตาย ศาลย่อมสั่งให้จำเลยคืนทรัพย์มรดกของผู้ตายให้แก่โจทก์ได้ ไม่เป็นการนอกฟ้องนอกประเด็นอย่างไร
ในประเด็นที่ศาลชั้นต้นชี้ขาดให้เป็นโทษแก่โจทก์แล้วโจทก์พอใจไม่อุทธรณ์ จำเลยอุทธรณ์แต่ไม่ได้อุทธรณ์ในประเด็นข้อนั้น แต่อุทธรณ์ในประเด็นข้ออื่น ดังนี้ศาลอุทธรณ์จะกลับไปชี้ขาดในประเด็นข้อนั้นให้เป็นโทษแก่จำเลยไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 435/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ที่ดินร่วมและหน้าที่นำสืบ: สิทธิทายาทเมื่อมีหลักฐานการซื้อร่วม
ปู่ร่วมซื้อกรรมสิทธิ์ที่ดินร่วมกับผู้อื่นคนละครึ่งภายหลังปู่ย่าและบิดาถึงแก่กรรมหมด คงเหลือแต่หลานเป็นทายาท หลานย่อมมีสิทธิฟ้องขอแบ่งที่ดินนั้นครึ่งหนึ่งได้
ในเรื่องหน้าที่นำสืบนั้น เมื่อศาลชั้นต้นสั่งให้ฝ่ายใดนำสืบก่อนแล้วฝ่ายนั้นไม่ยื่นคำโต้แย้งคำสั่งนั้นตามมาตรา 226(2) แล้ว ก็หมดสิทธิอุทธรณ์ฎีกาในข้อนี้
พระราชบัญญัติที่ดินในส่วนที่เกี่ยวกับคนต่างด้าว 2486 ไม่ได้ห้ามมิให้คนต่างด้าวมีที่ดินเสียทีเดียวและการที่มีที่ดินมาก่อนแล้ว ไม่ได้ไปจดทะเบียนก็ไม่เป็นเหตุให้ที่ดินของเขาตกไปเป็นของคนอื่น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 435/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิร่วมที่ดิน, ทายาทรับมรดก, หน้าที่นำสืบ, กฎหมายคนต่างด้าว
ปู่ร่วมซื้อกรรมสิทธิที่ดินร่วมกับผู้อื่นคนละครึ่ง ภายหลังปู่ย่าและบิดาถงแก่กรรมหมด คงเหลือแต่หลานเป็นทายาท หลานย่อมมีสิทธิฟ้องขอแบ่งที่ดินนั้นครี่งหนี่งได้
ในเรื่องหน้าที่นำสืบนั้น เมื่อศาลชั้นต้นสั่งให้ฝ่ายใดนำสืบก่อนแล้วฝ่ายนั้นไม่ยื่นคำโต้แย้งคำสั่งนั้นตามมาตรา 226 ( 2 )แล้ว ก็หมดสิทธิอุทธร์ฎีกาในข้อนี้
พ.ร.บ.ที่ดินในส่วนที่เกี่ยวกับคนต่างด้าว 2486 ไม่ได้ห้ามมิให้คนต่างด้าวมีที่ดินเสียทีเดียวและการที่มีที่ดินมาก่อนแล้ว ไม่ได้ไปจดทะเบียนก็ไม่เป็นเหตุให้ที่ดินของเขาตกไปเป็นของคนอื่น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 303/2488

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ทรัพย์สินระหว่างสามีภรรยาโดยไม่ได้จดทะเบียน และสิทธิในการเลี้ยงดูบุตร
แต่งงานกันตามประเพณีโดยมิได้จดทะเบียน แต่อยู่กินด้วยกันและระคนทรัพย์กันนั้น ทรัพย์ใดที่หามาได้ด้วยทรัพย์หรือแรงงานของฝ่ายใดก็ต้องถือว่าเจตนาเป็นเจ้าของร่วมกัน เมื่อไม่ปรากฏอย่างอื่นก็ต้องถือว่าเป็นเจ้าของร่วมกันคนละครึ่งแม้จะแยกกันอยู่ภายหลังโดยมีการเยี่ยมเยียนกันอยู่ก็ไม่พอถือว่าจะไม่ร่วมทุกข์ร่วมสุขและไม่ระคนทรัพย์ต่อกัน
บิดามารดาแยกกันอยู่ มีบุตรเป็นทารกยังไม่เดียงสาและบิดามีภรรยาใหม่ ควรให้มารดาเป็นผู้ปกครอง
มารดาซึ่งขอเป็นผู้ปกครองบุตรนั้น แม้จะไม่มีทรัพย์พอเลี้ยงดูหรือมีพอก็ตามเมื่อบิดามีฐานะจะออกค่าเลี้ยงดูได้ บิดาก็ต้องออกค่าเลี้ยงดู
จำเลยฎีกาเฉพาะทุนทรัพย์ที่แพ้ชั้นศาลอุทธรณ์ก็ต้องเสียค่าขึ้นศาลในทุนทรัพย์ที่แพ้นั้น
โจทก์ฟ้องแบ่งที่ดินกึ่งหนึ่งเป็นเงิน 1,000 บาท ศาลจะพิพากษาว่าโจทก์จำเลยมีส่วนคนละครึ่งไม่ได้ จะต้องพิพากษาให้แบ่งกันด้วย แต่ต้องไม่เกิน 1,000 บาทเท่าที่โจทก์ขอ
of 22