คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 288 (1)

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 29 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 742/2567

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ละเมิดจากการไม่ดำเนินการตามข้อตกลงยกเว้นการบังคับคดี - ความรับผิดทางแพ่ง - ค่าเสียหาย - ค่าฤชาธรรมเนียม
การที่โจทก์และจำเลยทำบันทึกข้อตกลงปรับปรุงโครงสร้างหนี้ตามคำพิพากษาเพื่อผ่อนปรนการชำระหนี้กันเป็นไปเพื่อประโยชน์ของทั้งสองฝ่ายกล่าวคือ โจทก์ได้รับการผ่อนเวลาชำระหนี้และไม่ต้องกังวลว่าจำเลยจะดำเนินการบังคับคดีแก่ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างของโจทก์ระหว่างที่โจทก์ปฏิบัติตามข้อตกลงนั้น ส่วนจำเลยก็มีทางได้รับชำระหนี้โดยไม่จำต้องดำเนินการบังคับคดีแก่ทรัพย์สินของโจทก์ แสดงให้เห็นว่าโจทก์ประสงค์ให้จำเลยงดการบังคับแก่โจทก์ไว้ก่อนนั่นเอง จำเลยจึงต้องดำเนินการงดการบังคับคดี และการที่เจ้าพนักงานบังคับคดีจะงดการบังคับคดีสำหรับกรณีที่พิพาทนี้ได้ ย่อมต้องบังคับตาม ป.วิ.พ. มาตรา 289 (3) กล่าวคือ จำเลยต้องแจ้งเป็นหนังสือไปยังเจ้าพนักงานบังคับคดีว่าให้งดการขายทอดตลาดทรัพย์ของโจทก์ไว้ โดยได้รับความยินยอมเป็นหนังสือจากโจทก์ ซึ่งโจทก์ได้ทำหนังสือยินยอมให้งดการขายทอดตลาดมอบไว้แก่พนักงานของจำเลยแล้ว การที่จำเลยไม่ได้ดำเนินการดังกล่าวต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีจนเป็นเหตุให้มีการขายทอดตลาดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างของโจทก์ไป เป็นการกระทำโดยประมาทเลินเล่อและทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย อันเป็นการทำละเมิดและต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ ส่วนโจทก์ซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีจะไปดูแลการขายทอดตลาดหรือไม่นั้น เป็นสิทธิของโจทก์ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 288 (1) การที่โจทก์ไม่ไปดูแลการขายทอดตลาดหาได้เป็นผลโดยตรงต่อความเสียหาย หรือจะถือว่าโจทก์มีส่วนในการก่อให้เกิดความเสียหาย อันจะทำให้จำเลยพ้นความรับผิด เมื่อการทำละเมิดของจำเลยเป็นเหตุให้โจทก์ต้องสูญเสียที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างโดยต้องถูกขายทอดตลาดไปจำเลยจึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนตามราคาที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวรวมทั้งความเสียหายอื่น ๆ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 438 วรรคสอง
เมื่อที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างของโจทก์มีภาระจำนองกับธนาคาร อ. และถูกขายทอดตลาดโดยจำนองติดไปย่อมเป็นเหตุให้โจทก์หลุดพ้นภาระหนี้ไปตามจำนวนดังกล่าวและต้องนำมาคิดหักจากราคาที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างในวันทำละเมิด
ศาลจะมีอำนาจสั่งให้ผู้ประกอบธุรกิจจ่ายค่าเสียหายเพื่อการลงโทษตาม พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. 2551 มาตรา 42 ได้นั้น ต้องเป็นกรณีการกระทำที่ถูกฟ้องร้องเกิดจากผู้ประกอบธุรกิจกระทำโดยเจตนาเอาเปรียบผู้บริโภคโดยไม่เป็นธรรมหรือจงใจให้ผู้บริโภคได้รับความเสียหายหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงไม่นำพาต่อความเสียหายที่จะเกิดแก่ผู้บริโภคหรือกระทำการฝ่าฝืนต่อความรับผิดชอบในฐานะผู้มีอาชีพหรือธุรกิจอันย่อมเป็นที่ไว้วางใจของประชาชน ซึ่งการกระทำของผู้ประกอบธุรกิจที่ว่านี้หมายถึง การกระทำเกี่ยวกับสินค้าที่ขายหรือผลิต หรือการให้บริการที่ก่อให้เกิดผลหรือมีลักษณะตามบทบัญญัติดังกล่าว และมีการฟ้องร้องเป็นคดีกันด้วยข้อพิพาทที่เกิดจากสินค้าที่ขาย หรือผลิต หรือการให้บริการ อันเป็นการประกอบกิจการของผู้ประกอบธุรกิจนั้นเอง แต่การกระทำที่จำเลยถูกโจทก์ฟ้องเป็นคดีนี้เกิดจากการทำละเมิดของจำเลยที่ไม่ได้ดำเนินการเพื่อให้เจ้าพนักงานบังคับคดีงดการบังคับคดีเกี่ยวกับที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างของโจทก์ที่ยึดไว้ตามที่โจทก์กับจำเลยตกลงกัน เป็นเหตุให้เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างไป ไม่ใช่ความเสียหายโดยตรงที่เกิดจากตัวสินค้าและบริการที่ศาลจะมีอำนาจสั่งให้จำเลยจ่ายค่าเสียหายเพื่อการลงโทษตามบทบัญญัติดังกล่าวได้ ปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยจะไม่ได้ยกขึ้นกล่าวอ้างเป็นประเด็นโดยตรง ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 142 (5) ประกอบ พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. 2551 มาตรา 7

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2679/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีและการชำระค่าสินไหมทดแทนจากเงินประกัน กรณีความเสียหายจากการเนิ่นช้า
ในกรณีที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ผู้ร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดวางเงินเพื่อเป็นประกันการชำระค่าสินไหมทดแทนแก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาไว้ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 288 (1) นั้น เมื่อโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษายื่นคำร้องในคดีนั้นว่าเพราะเหตุเนิ่นช้าในการบังคับคดีอันเกิดแต่การยื่นคำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ของผู้ร้องทำให้ขายทอดตลาดทรัพย์ที่ยึดได้ราคาต่ำไป ขอให้บังคับผู้ร้องใช้ค่าสินไหมทดแทนสำหรับความเสียหายของโจทก์ ศาลชั้นต้นก็ชอบที่จะต้องไต่สวนเสียก่อนว่าเป็นความจริงหรือไม่ หากเป็นความจริงตามที่โจทก์กล่าวอ้างในคำร้องและเงินที่วางไว้เป็นประกันดังกล่าวเพียงพอที่จะชำระค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์ได้ตามคำร้อง โจทก์ก็ชอบที่จะบังคับชำระเอาค่าสินไหมทดแทนสำหรับความเสียหายของโจทก์จากเงินประกันที่ผู้ร้องวางไว้ได้โดยไม่จำต้องไปฟ้องเรียกร้องเอาค่าเสียหายจากผู้ร้องเป็นคดีใหม่ต่างหาก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2679/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าสินไหมทดแทนจากความล่าช้าบังคับคดี: ศาลต้องไต่สวนก่อนสั่งยกคำร้อง
ในกรณีที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ผู้ร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดวางเงินเพื่อเป็นประกันการชำระค่าสินไหมทดแทนแก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาไว้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 288(1) นั้น เมื่อโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษายื่นคำร้องในคดีนั้นว่าเพราะเหตุเนิ่นช้าในการบังคับคดีอันเกิดแต่การยื่นคำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ของผู้ร้องทำให้ขายทอดตลาดทรัพย์ที่ยึดได้ราคาต่ำไป ขอให้บังคับผู้ร้องใช้ค่าสินไหมทดแทนสำหรับความเสียหายของโจทก์ ศาลชั้นต้นก็ชอบที่จะต้องไต่สวนเสียก่อนว่าเป็นความจริงหรือไม่หากเป็นความจริงตามที่โจทก์กล่าวอ้างในคำร้องและเงินที่วางไว้เป็นประกันดังกล่าวเพียงพอที่จะชำระค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์ได้ตามคำร้อง โจทก์ก็ชอบที่จะบังคับชำระเอาค่าสินไหมทดแทนสำหรับความเสียหายของโจทก์จากเงินประกันที่ผู้ร้องวางไว้ได้โดยไม่จำต้องไปฟ้องเรียกร้องเอาค่าเสียหายจากผู้ร้องเป็นคดีใหม่ต่างหาก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5327/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกเฉยต่อคำสั่งศาลให้วางเงินประกันความเสียหาย และผลกระทบต่อการจำหน่ายคดี
ชั้นร้องขัดทรัพย์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ผู้ร้องนำเงินมาวางศาลเพื่อประกันค่าเสียหายภายในเวลาที่กำหนด เมื่อถึงกำหนด ผู้ร้องยื่นคำร้องขอขยายเวลาการวางเงินประกันดังกล่าว และไม่นำเงินมาวางศาลตามคำสั่ง เช่นนี้การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ผู้ร้องขยายระยะเวลาการวางเงินเพื่อประกันความเสียหายตามคำขอยกคำร้อง และสั่งจำหน่ายคดีของผู้ร้องออกจากสารบบความโดยเห็นว่าผู้ร้องเพิกเฉยไม่ดำเนินการตามคำสั่งศาลที่สั่งให้ผู้ร้องวางเงินเพื่อประกันความเสียหายภายในกำหนดเวลาที่ศาลสั่งนั้น เป็นคำสั่งที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 288(1) แล้ว ศาลชั้นต้นไม่จำต้องรอไว้สั่งเมื่อสิ้นระยะเวลาอุทธรณ์คำสั่งที่สั่งยกคำร้องขอให้ขยายระยะเวลาการวางเงินเสียก่อนเพราะไม่มีกฎหมายบทใดบัญญัติห้ามไว้ ผู้ร้องมิได้อุทธรณ์คำสั่งจำหน่ายคดี แต่กลับอุทธรณ์ขอขยายระยะเวลาการวางเงินเพื่อประกันความเสียหาย ดังนั้นการที่จะสั่งอนุญาตขยายระยะเวลาให้หรือไม่ย่อมไม่มีผลแต่อย่างใดเนื่องจากศาลสั่งจำหน่ายคดีของผู้ร้องไปแล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5327/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกเฉยต่อคำสั่งศาลในการวางเงินประกันความเสียหาย ส่งผลให้ศาลจำหน่ายคดีได้
ชั้นร้องขัดทรัพย์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ผู้ร้องนำเงินมาวางศาลเพื่อประกันค่าเสียหายภายในเวลาที่กำหนด เมื่อถึงกำหนด ผู้ร้องยื่นคำร้องขอขยายเวลาการวางเงินประกันดังกล่าว และไม่นำเงินมาวางศาลตามคำสั่ง เช่นนี้การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ผู้ร้องขยายระยะเวลาการวางเงินเพื่อประกันความเสียหายตามคำขอยกคำร้อง และสั่งจำหน่ายคดีของผู้ร้องออกจากสารบบความโดยเห็นว่าผู้ร้องเพิกเฉยไม่ดำเนินการตามคำสั่งศาลที่สั่งให้ผู้ร้องวางเงินเพื่อประกันความเสียหายภายในกำหนดเวลาที่ศาลสั่งนั้น เป็นคำสั่งที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 288(1) แล้ว ศาลชั้นต้นไม่จำต้องรอไว้สั่งเมื่อสิ้นระยะเวลาอุทธรณ์คำสั่งที่สั่งยกคำร้องขอให้ขยายระยะเวลาการวางเงินเสียก่อนเพราะไม่มีกฎหมายบทใดบัญญัติห้ามไว้
ผู้ร้องมิได้อุทธรณ์คำสั่งจำหน่ายคดี แต่กลับอุทธรณ์ขอขยายระยะเวลาการวางเงินเพื่อประกันความเสียหาย ดังนั้นการที่จะสั่งอนุญาตขยายระยะเวลาให้หรือไม่ย่อมไม่มีผลแต่อย่างใดเนื่องจากศาลสั่งจำหน่ายคดีของผู้ร้องไปแล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1715/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขัดทรัพย์ประวิงคดี และการพิสูจน์กรรมสิทธิ์ในบ้าน
เมื่อพยานหลักฐานในเบื้องต้นแสดงให้เห็นว่าคำร้องขัดทรัพย์ของผู้ร้องนั้นไม่มีมูล และยื่นเข้ามาเพื่อประวิงคดีให้ชักช้าศาลมีอำนาจที่จะสั่งให้ผู้ร้องวางเงินต่อ ศาลเพื่อเป็นประกันการชำระค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ได้ ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 288(1) เมื่อผู้ร้องไม่วางเงินประกันก็สั่งให้จำหน่ายคดีได้ ผู้ที่มีชื่อ อยู่ในทะเบียนบ้านแม้จะมีฐานะ เป็นเจ้าบ้าน ก็หาใช่เป็นหลักฐานว่าผู้นั้นมีกรรมสิทธิ์ในบ้านหลังนั้นไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1715/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขัดทรัพย์โดยไม่มีมูลและประวิงคดี ศาลมีอำนาจสั่งวางเงินประกันเพื่อคุ้มครองโจทก์
เมื่อพยานหลักฐานในเบื้องต้นแสดงให้เห็นว่าคำร้องขัดทรัพย์ของผู้ร้องนั้นไม่มีมูล และยื่นเข้ามาเพื่อประวิงคดีให้ชักช้าศาลมีอำนาจที่จะสั่งให้ผู้ร้องวางเงินต่อศาลเพื่อเป็นประกันการชำระค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 288(1) เมื่อผู้ร้องไม่วางเงินประกันก็สั่งให้จำหน่ายคดีได้ ผู้ที่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านแม้จะมีฐานะเป็นเจ้าบ้าน ก็หาใช่เป็นหลักฐานว่าผู้นั้นมีกรรมสิทธิ์ในบ้านหลังนั้นไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 396/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีถึงที่สุดหลังจำหน่ายคดีแล้ว ไม่อุทธรณ์คำสั่งจำหน่ายคดี ศาลฎีกายกคำร้อง
ศาลชั้นต้นสั่งให้ผู้ร้องขัดทรัพย์นำเงินมาวางศาลภายใน15 วัน เพื่อเป็นประกันการชำระค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์หากไม่นำมาวางภายในกำหนด ให้จำหน่ายคดีก่อนสิ้นกำหนดวางเงิน ผู้ร้องขัดทรัพย์อุทธรณ์คำสั่งนั้นว่าผู้ร้องไม่ต้องวางเงินประกันความเสียหาย และขอให้มีคำสั่งงดการจำหน่ายคดี ครั้นสิ้นกำหนดแล้วศาลชั้นต้นจึงสั่งจำหน่ายคดีผู้ร้องขัดทรัพย์ไม่อุทธรณ์คำสั่งนี้ดังนี้ เมื่อศาลชั้นต้นสั่งจำหน่ายคดีแล้ว คู่ความมิได้อุทธรณ์คำสั่งเช่นนี้ คดีจึงถึงที่สุดแล้ว ไม่มีทางจะยกขึ้นพิจารณาใหม่ได้และไม่มีประโยชน์ที่จะวินิจฉัยอุทธรณ์ของผู้ร้องเรื่องคำสั่งของศาลชั้นต้น ที่ให้วางเงินประกันต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 396/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีถึงที่สุดหลังจำหน่ายคดีแล้ว ไม่อุทธรณ์คำสั่งจำหน่ายคดี ไม่มีประโยชน์วินิจฉัยเรื่องวางประกัน
ศาลชั้นต้นสั่งให้ผู้ร้องขัดทรัพย์นำเงินมาวางศาลภายใน 15 วันเพื่อเป็นประกันการชำระหนี้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ หากไม่นำมาวางภายในกำหนด ให้จำหน่ายคดีก่อนสิ้นกำหนดวางเงิน ผู้ร้องขัดทรัพย์อุทธรณ์คำสั่งนั้นว่าผู้ร้องไม่ต้องวางเงินประกันความเสียหาย และขอให้มีคำสั่งงดการจำหน่ายคดี ครั้นสิ้นกำหนดแล้วศาลชั้นต้นจึงสั่งจำหน่ายคดี ผู้ร้องขัดทรัพย์ไม่อุทธรณ์คำสั่งนี้ ดังนี้ เมื่อศาลชั้นต้นสั่งจำหน่ายคดีแล้วคู่ความมิได้อุทธรณ์คำสั่งเช่นนี้คดีจึงถึงที่สุดแล้ว ไม่มีทางจะยกขึ้นพิจารณาใหม่ได้และไม่มีประโยชน์ที่จะวินิจฉัยอุทธรณ์ของผู้ร้องเรื่องคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้วาง เงินประกันต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 348-356/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การวางเงินประกันค่าสินไหมทดแทนหลังศาลจำหน่ายคดี: ศาลไม่รับคำร้อง
ศาลชั้นต้นได้สั่งไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาว่าให้ผู้ร้องขัดทรัพย์วางเงินภายใน 30 วัน โจทก์และทนายผู้ร้องขัดทรัพย์ได้ลงชื่อรับทราบไว้แล้ว ดังนี้ ต้องถือตามกำหนดนัดนั้น จะไปถือเอาวันที่ลงไว้ในบัญชีนัดซึ่งเจ้าหน้าที่ของศาลนัดไว้ผิดไปจากคำสั่งศาลไม่ได้
เมื่อครบกำหนดที่ศาลชั้นต้นสั่งให้ผู้ร้องขัดทรัพย์วางเงิน ผู้ร้องขัดทรัพย์ไม่วางเงินและศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งจำหน่ายคดีของผู้ร้องขัดทรัพย์จากสารบบความแล้วผู้ร้องขัดทรัพย์จึงยื่นคำร้องขอวางเงิน และขอให้ศาลมีคำสั่งให้ดำเนินกระบวนพิจารณาคดีของผู้ร้องขัดทรัพย์ต่อไปเช่นนี้ คดีของผู้ร้องขัดทรัพย์ไม่มีอยู่ในศาลอันจะพึงต้องดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปอีกแล้ว คำร้องของผู้ร้องขัดทรัพย์จึงต้องยกเสีย
of 3