คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.อ. ม. 218.

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 18 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1167-1168/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีอาญา: การพิสูจน์ความประมาทของผู้ตายทำให้โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
คดีสองสำนวนซึ่งรวมพิจารณาเข้าด้วยกัน สำนวนแรกศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 5 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน คดีต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลชั้นต้นรับไว้โดยมิชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยสำนวนที่สองศาลชั้นต้นพิพากษาว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องซึ่งตรงกันข้ามกับที่ศาลชั้นต้นพิพากษาไว้ จึงมีผลเท่ากับศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น จึงไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
บิดาเป็นโจทก์ฟ้องคดีแทนบุตรซึ่งถึงแก่ความตายว่าจำเลยขับรถยนต์โดยประมาท ทำให้บุตรโจทก์และบุคคลอื่นถึงแก่ความตายเมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า เหตุเกิดรถชนกันเพราะผู้ตายซึ่งเป็นบุตรโจทก์มีส่วนกระทำการโดยประมาทผู้ตายจึงมิใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัย โจทก์ซึ่งเป็นบิดาผู้บุพการีย่อมไม่มีอำนาจจัดการแทนผู้ตายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา5 จึงไม่มีอำนาจฟ้อง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1090/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสมรู้ร่วมคิดวิ่งราวทรัพย์: ศาลฎีกายืนตามศาลอุทธรณ์ว่าจำเลยที่ 2 เป็นเพียงผู้สมรู้
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยสมคบกันวิ่งราวทรัพย์ผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 297, 63 จำคุก 3 ปี ศาลอุทธรณ์ แก้ว่า จำเลยผิดเพียงฐานสมรู้ และแก้โทษเป็นจำคุก 2 ปี ดังนี้เป็นการแก้บทและแก้กำหนดโทษ จึงเป็นการแก้ มาก คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้./

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1087/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาข้อเท็จจริง: การต่อสู้สมัครใจและการพิสูจน์ความตายจากเหตุใด
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงต้องกันว่าจำเลยและผู้ตายสมัครใจต่อสู้กัน ไม่ใช่เป็นการป้องกัน ฉะนั้นการ ที่จำเลยให้วินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันหรือไม่ จึงเป็นฎีกาในข้อเท็จจริงและที่จำเลย อ้างว่าความตายของผู้ตายไม่ใช่เกิดจากการกระทำของจำเลยโดยตรง แต่ตายเพราะเหตุอื่นนั้น ก็เป็นฎีกาเถียงข้อ เท็จจริงดุจกัน เพราะศาลทั้งสองฟังแล้ว ว่าผู้ตายตายเพราะการกระทำของจำเลย./

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1004/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงโทษจากจำคุกเป็นรอการลงอาญา และการพิจารณาคำฎีกา
ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลย 1 ปี 4 เดือน โดยไม่รอการลงอาญา ศาลอุทธรณ์แก้ให้รอการลงอาญา เป็นการแก้ มาก ไม่ต้องห้ามฎีกาข้อเท็จจริงตามมาตรา 218.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 214/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวเกินกว่าเหตุในคดีฆ่าคนตาย ศาลฎีกายืนตามศาลอุทธรณ์
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 249 จำคุก 15 ปี ลดตามมาตรา 59 เสีย 1 ใน 3 คงจำคุก 10 ปี.
ศาลอุทธรณ์พิพากษามาแก้ว่าจำเลยกระทำโดยป้องกัน แต่เป็นการป้องกันเกินกว่าเหตุ ผิดตามมาตรา 249,-53
จำคุก 3 ปี ดังนี้ เป็นการแก้มาก โจทก์ฎีกาข้อเท็จจริงได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1218/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บทุพพลภาพ ศาลพิจารณาจากอาการบาดเจ็บและผลกระทบต่อร่างกาย
จำเลยตีผู้เสียหายด้วยไม้โตกลมขนาดข้อมือ โดยแรงจนผู้เสียหายล้มลงหมดสติไปครู่หนึ่ง มีรอยช้ำเขียวปรากฎอยู่ที่สบักและชายโครงซ้าย เป็นเหตุให้ผู้เสียหายนอนตะแคงข้างซ้ายไม่ได้ ดังนี้ พอฟังได้ว่า จำเลยได้ทำร้ายผู้เสียหายถึงบาดเจ็บตามมาตรา 254.
ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลย 18 วัน ปรับ 60 บาท ตามมาตรา 338(3) ศาลอุทธรณ์แก้ว่าจำเลยมีผิดตามมาตรา 256 (8) จำคุก 8 ปี ดังนี้ เป็นแก้มาก.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1091/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำผิดฐานฆ่าคนโดยเจตนาเนื่องจากถูกยั่วโทสะ การพิจารณาโทษ
จำเลยนั่งถือมีดตัดเล็บอยู่ ผู้ตายตรงเข้าไปที่จำเลยกล่าวหาว่าจำเลยลักเสื้อของสามีผู้ตาย จำเลยปฏิเสธ ผู้ตายยังกล่าวหาว่าจำเลยลัก ผู้ตายกล่าวหาซ้ำ ๆ ด้วยเสียงดัง จำเลยจึงลงเรือนตรงเข้าเอามีดตัดเล็บแทงเข้าที่ท้องผู้ตาย ๆ ถึงแก่ความตายในเวลาต่อมา ดังนี้ ย่อมฟังได้ว่าจำเลยกระทำผิดเพราะถูกยั่วโทษะ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 773/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงฐานความผิดจากสมคบกันฆ่า เป็นฆ่าโดยเจตนาและทำร้ายร่างกาย จากพฤติการณ์ปัจจุบันใจ
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลย 3 คนสมคบกันฆ่าคนโดยเจตนา ทางพิจารณาปรากฎว่า จำเลยที่ 2-3 ใช้ไม้ตีผู้ตายคนละทีก่อน แล้วจำเลยที่ 1 จึงเอาปืนยิงผู้ตายถึงแก่ความตาย ดังนี้ตามลักษณะคดี จำเลยทั้ง 3 หาได้สมคบกันฆ่าผู้ตายโดยเจตนาไม่ จำเลยที่ 1 ผู้เดียวมีความผิดฐานฆ่าคนโดยเจตนา จำเลยที่ 2-3 มีความผิดฐานทำร้ายร่างกายมีบาดเจ็บ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 640/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อยกเว้นความผิดของตำรวจนอกหน้าที่: การตรวจค้นและการไม่ส่งของกลาง
ตำรวจที่ลาราชการไปธุระต่างท้องที่นั้น คงเป็นตำรวจอยู่นั่นเอง เมื่อไปทำการตรวจค้น บุคคลใดในที่สาธารณะสถานย่อมได้รับความคุ้มครองตาม ป.ม.วิ.อาญา มาตรา 93.
จำเลยเป็นตำรวจ ได้ลาราชการมา และได้ทำการตรวจค้นผู้พกสนับมือ แล้วไม่นำสนับมือกับผู้นั้นส่งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ย่อมมีความผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญา มาตรา 131,142.
(อ้างฎีกา 140/2490)
ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลย 1 ปี 6 เดือนตามมาตรา 127,128,293 ศาลอุทธรณ์แก้ว่าจำเลยมีผิดตามมาตรา 293 กะทงเดียว กำหนดโทษยืนตามนั้น จำเลยฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้ต้องห้ามมาตรา ป.ม.วิ.อาญามาตรา 218.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 301/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายเกินสมควรแก่เหตุเพื่อป้องกันตัว: ศาลฎีกาแก้ไขโทษจำคุก
ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายเพื่อป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 256, 50, 53, 59 จำคุก 15 วัน ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยตามมาตรา 256 จำคุก 5 ปี ดังนี้ เป็นการแก้มาก ไม่ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง.
of 2