พบผลลัพธ์ทั้งหมด 31 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 584/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิในที่ดิน: โอนโดยสุจริตและจดทะเบียน vs. ครอบครองปรปักษ์ที่ยังไม่ได้จดทะเบียน
ที่พิพาทเป็นที่มีโฉนดแผนที่แล้ว และโจทก์ได้รับโอนกรรมสิทธิมาจนบัดนี้ ยังไม่ถึง 10 ปี ฉะนั้นแม้จำเลยจะเป็นผู้ครอบครองติดต่อมาตลอดเวลากว่า 30 ปีแล้ว แต่เมื่อสิทธิการครอบครองของจำเลยยังมิได้จดทะเบียนแล้ว จำเลยจะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้กับโจทก์ซึ่งได้รับโอนกรรมสิทธิที่พิพาทมาโดยเสียค่าตอบแทนโดยสุจริต และจดทะเบียนการรับโอนนั้นแล้วไม่ได้ ดังที่บัญญัติไว้ตาม ป.ม.แพ่ง ฯ มาตรา 1299.
ข้อที่ว่าโจทก์ซื้อโดยไม่สุจริตนั้น เมื่อจำเลยไม่ได้ยกขึ้นต่อสู้ไว้ในศาลชั้นต้นจะยกขึ้นมากล่าวอ้างในชั้นฎีกาไม่ได้.
ข้อที่ว่าโจทก์ซื้อโดยไม่สุจริตนั้น เมื่อจำเลยไม่ได้ยกขึ้นต่อสู้ไว้ในศาลชั้นต้นจะยกขึ้นมากล่าวอ้างในชั้นฎีกาไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 511/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้กรรมสิทธิโดยครอบครองปรปักษ์: ผู้รับโอนต้องนำสืบก่อนหากผู้คัดค้านยอมรับการครอบครองเกิน 10 ปี
ผู้ร้องได้ร้องขอให้ศาลแสดงว่าที่ดินโฉนดมีชื่อนายวันเป็นเจ้าของ เป็นกรรมสิทธิของผู้ร้องโดยผู้ร้องได้ครอบครองที่ดินรายนี้มาโดยสงบและเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของมากว่า 10 ปีแล้ว ผู้คัดค้านอ้างว่า นายวันเป็นบิดาผู้คัดค้าน เมื่อ 10 ปีเศษนายวันได้นำโฉนดที่ดินรายนี้ไปวางประกันเงินกู้นายท้วม นายท้วมตายโฉนดจึงตกอยู่แก่ผู้ร้อง ดังนี้ เป็นหน้าที่ของผู้คัดค้านจะต้องนำสืบก่อน ในเมื่อผู้คัดค้านรับว่าผู้ร้องได้ครอบครองมากว่า 10 ปีแล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 420/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์ที่ดินมือเปล่า แม้สัญญามีข้อบกพร่อง หากครอบครองนานและมีเจตนาเป็นเจ้าของ ย่อมได้กรรมสิทธิ์
โจทก์จำนองที่นามือเปล่า 1 แปลงไว้กับจำเลย โดยมีข้อสัญญาว่า ถ้าครบ 3 ปี ไม่ไถ่โจทก์ยอมยกที่นารายนี้ให้เป็นกรรมสิทธิแก่จำเลย เมื่อครบ 3 ปีแล้วโจทก์ไม่สามารถไถ่คืน จึงมอบที่ให้จำเลยครอบครองตลอดมาเป็นเวลา 15 ปี ดังนี้ แม้สัญญาจะไม่สมบูรณ์ตาม ป.ม.แพ่ง ฯ มาตรา 711 ก็ดี ที่พิพาทอยู่ในความครอบครองของจำเลยตลอดมา 15 ปี เป็นการล่วงเลยกำหนดเวลาไถ่ถอนตามสัญญานานแล้ว กรณีมีเหตุแสดงว่าจำเลยครอบครองโดยเจตนาเป็นเจ้าของและทั้งตามบทบัญญัติแห่ง ป.ม.แพ่งฯ มาตรา 1369 บุคคลใดยึดถือทรัพย์สินไว้ ท่านสันนิษฐานไว้ก่อนว่า บุคคลนั้นยึดถือเพื่อตนดังนี้ จึงเป็นหน้าที่โจทก์จะต้องนำสืบหักล้างข้อสันนิษฐานนั้น เมื่อโจทก์จำเลยไม่ติดใจสืบพะยาน ก็ต้องถือว่าที่พิพาทตกเป็นสิทธิแก่จำเลยแล้ว.
(อ้างฎีกา 279/2490)
(อ้างฎีกา 279/2490)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 184/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิโดยครอบครองปรปักษ์ แม้การซื้อขายจะผิดกฎหมาย โจทก์นำสืบได้
โจทก์ฟ้องอ้างว่าเรือนพิพาทเป็นของโจทก์, จำเลยเป็นผู้อาศัย จำเลยเถียงว่าเรือนเป็นของจำเลย โจทก์เป็นผู้อาศัย ประเด็นจึงมีว่าเรือนเป็นของใคร โจทก์ย่อมนำสืบว่าเรือนเป็นของโจทก์เพราะครอบครองมาเกิน 10 ปีแล้วได้ โจทก์ไม่จำต้องบรรยาย ข้อเท็จจริงในฟ้องถึงการได้มาซึ่งเรือนพิพาท ก็ย่อมนำสืบเพื่อแสดงให้เห็นว่าโจทก์มีกรรมสิทธิได้ หากจำเลยเห็นว่าคำฟ้องของโจทก์ยังไม่ชัดแจ้ง จำเลยก็ชอบที่จะขอร้องต่อศาลในชั้นชี้สองสถานและให้ศาลสอบถามโจทก์ให้ได้ความชัดขึ้นตาม ป.ม.วิ.แพ่ง มาตรา 183
โจทก์ได้ซื้อเรือนพิพาทจากบิดามารดาจำเลยและโจทก์ได้ครอบครองมานานกว่า 10 ปีแล้ว แม้การซื้อขายจะขัดกับ ป.ม.แพ่งฯ มาตรา 456 และ 1299 หรือไม่ก็ตาม แต่โจทก์ได้กรรมสิทธิตาม ป.ม.แพ่งฯ มาตรา 1382 แล้ว
ข้อนำสืบของโจทก์จะหักล้างข้อสันนิษฐานซึ่งเป็นคุณแก่จำเลยหรือไม่นั้น เป็นปัญหาข้อเท็จจริง.
โจทก์ได้ซื้อเรือนพิพาทจากบิดามารดาจำเลยและโจทก์ได้ครอบครองมานานกว่า 10 ปีแล้ว แม้การซื้อขายจะขัดกับ ป.ม.แพ่งฯ มาตรา 456 และ 1299 หรือไม่ก็ตาม แต่โจทก์ได้กรรมสิทธิตาม ป.ม.แพ่งฯ มาตรา 1382 แล้ว
ข้อนำสืบของโจทก์จะหักล้างข้อสันนิษฐานซึ่งเป็นคุณแก่จำเลยหรือไม่นั้น เป็นปัญหาข้อเท็จจริง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 122/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสละสิทธิครอบครองที่ดินไม่จำเป็นต้องทำเป็นหนังสือ สิทธิครอบครองอาจเกิดจากการตกลงด้วยวาจาและการครอบครองปรปักษ์
การสละสิทธิครอบครองที่ดิน ไม่จำเป็นต้องทำเป็นหนังสือ จึงไม่ใช่กรณีที่กฎหมายบังคับให้ต้องมีพะยานเอกสารมาแสดง ฉะนั้นสืบแต่พะยานบุคคล ก็ย่อมรับฟังได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 38/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้กรรมสิทธิในหุ้นโดยการครอบครองปรปักษ์: ระยะเวลาเริ่มนับเมื่อใด
จำเลยฎีกา แต่ฝ่ายโจทก์มิได้ให้การแก้ฎีกาโต้เถียงข้อเท็จจริงเป็นอย่างอื่น ศาลฎีกาย่อมฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลล่างฟังมา
โจทก์สั่งให้จำเลยที่ 1 โอนหุ้นให้ ร.ต.อ. ประดิษฐ์ เมื่อวันที่ 27 ต.ค. 79 จำเลยที่ 1 จัดการโอนโดยแก้ทะเบียนให้ ต่อมา 11 ม.ค. 79 ร.ต.อ.ประดิษฐ์ได้เข้าประชุมในฐานะผู้ถือหุ้นเป็นครั้งแรกและได้เข้าประชุมต่อมาอีกหลายคราว ร.ต.อ.ประดิษฐ์ตายเมื่อ 8 ธ.ค. 84 ดังนี้ ต้องถือว่า ร.ต.อ.ประดิษฐ์ได้เข้าครอบครองหุ้นตั้งแต่ 27 ต.ค. 79 จนถึงวันตาย ครบ 5 ปี ย่อมได้เป็นกรรมสิทธิในหุ้นนั้นแล้วตามมาตรา 1382.
โจทก์สั่งให้จำเลยที่ 1 โอนหุ้นให้ ร.ต.อ. ประดิษฐ์ เมื่อวันที่ 27 ต.ค. 79 จำเลยที่ 1 จัดการโอนโดยแก้ทะเบียนให้ ต่อมา 11 ม.ค. 79 ร.ต.อ.ประดิษฐ์ได้เข้าประชุมในฐานะผู้ถือหุ้นเป็นครั้งแรกและได้เข้าประชุมต่อมาอีกหลายคราว ร.ต.อ.ประดิษฐ์ตายเมื่อ 8 ธ.ค. 84 ดังนี้ ต้องถือว่า ร.ต.อ.ประดิษฐ์ได้เข้าครอบครองหุ้นตั้งแต่ 27 ต.ค. 79 จนถึงวันตาย ครบ 5 ปี ย่อมได้เป็นกรรมสิทธิในหุ้นนั้นแล้วตามมาตรา 1382.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1204/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่การนำสืบพยานในคดีบุกรุก เมื่อฝ่ายครอบครองอ้างสิทธิแต่เดิม
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบุกรุกเข้ามาทำนานในที่ของโจทก์อันเป็นที่นามือเปล่า จำเลยให้การว่าที่เป็นของจำเลยให้บุตรจำเลย ซึ่งเป็นสามีโจทก์อาศัยทำกิน เมื่อปรากฏว่า จำเลยเป็นฝ่ายครอบครองที่รายพิพาทในขณะนี้ ดังนี้ เมื่อโจทก์อ้างว่าตนเป็นเจ้าของก็ต้องนำสืบก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1066/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์ในสัญญาขายฝาก: ผู้รับซื้อฝากที่ไม่ได้ลงลายมือชื่อในสัญญา ยันการครอบครองไม่ได้
จำเลยที่ 1 ที่ 2 ตกลงรับซื้อฝากที่ดินของโจทก์ ได้ทำสัญญาขายฝากกันโดยมีชื่อจำเลยที่ 1 ที่ 2 เป็นผู้รับซื้อฝาก แต่จำเลยที่ 2 มิได้ลงลายมือชื่อในสัญญานั้น ดังนี้ จำเลยที่ 2 จะยกการครอบครองปรปักษ์ขึ้นยันโจทก์ผู้ขายฝากไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 818/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
โมฆะกรรมสัญญาซื้อขายที่ดิน - การกลับคืนสู่ฐานะเดิม - กรรมสิทธิ - การครอบครอง
เรื่องโมฆะกรรมที่คู่กรณีได้กลับคืนยังฐานะเดิมนั้น ก.ม.บัญญัติไว้ฉะเพาะกรณีที่เป็นโมฆียะกรรมแล้ว ถูกบอกล้างตาม ป.พ.พ.มาตรา 136 ส่วนนิติกรรมที่เป็นโมฆะมาแต่แรกนั้น หาได้บัญญัติถึงการกลับคืนฐานะเดิมไม่ เพราะเมื่อเป็นการเสียเปล่ามาแต่ต้นแล้ว ฐานะนของคู่กรณีก็มิได้เคยมีการเปลี่ยนแปลงเลย
ที่ดินยังเป็นกรรมสิทธิของเจ้าของอยู่ ผู้อื่นไปขอใบเหยียบย่ำได้มาเท่านั้น หาทำให้เกิดกรรมสิทธิในที่ดินไม่
ที่พิพาทเป็นที่บ้าน แม้ภายหลังรื้อเรือลง ก็หาทำให้สภาพของที่เปลี่ยนไปไม่
ซื้อขายที่ดินโดยมิได้จดทะเบียน สัญญาเป็นโมฆะ ผู้ขายฟ้องเรียกที่ดินคืนได้ ถ้าผู้ซื้อไม่ได้ฟ้องแย้งขอให้ผู้ขายคืนราคาที่รับไป ศาลก็ไม่พิพากษาให้ผู้ขายคืนเงิน
ที่ดินยังเป็นกรรมสิทธิของเจ้าของอยู่ ผู้อื่นไปขอใบเหยียบย่ำได้มาเท่านั้น หาทำให้เกิดกรรมสิทธิในที่ดินไม่
ที่พิพาทเป็นที่บ้าน แม้ภายหลังรื้อเรือลง ก็หาทำให้สภาพของที่เปลี่ยนไปไม่
ซื้อขายที่ดินโดยมิได้จดทะเบียน สัญญาเป็นโมฆะ ผู้ขายฟ้องเรียกที่ดินคืนได้ ถ้าผู้ซื้อไม่ได้ฟ้องแย้งขอให้ผู้ขายคืนราคาที่รับไป ศาลก็ไม่พิพากษาให้ผู้ขายคืนเงิน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 33/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายที่ดินด้วยปากเปล่า ผู้ซื้อครอบครองไม่ครบ 10 ปี ยังไม่เกิดกรรมสิทธิ์ ผู้ขายมีสิทธิเรียกคืนได้
ซื้อขายที่สวนกันด้วยปากเปล่า ผู้ซื้อซื้อแล้วก็เข้าครอบครองถึง 6 ปี แม้ที่สวนนั้นจะไม่มีหนังสือสำคัญ ผู้ซื้อก็ยังไม่ได้กรรมสิทธิ เพราะครอบครองยังไม่ครบ 10 ปี ตามมาตรา 1382 ผู้ขายฟ้องเรียกคืนได้.