คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 1 (3)

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 159 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1464/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่นำสืบ - การเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริง - คำพิพากษาศาลอุทธรณ์
ในฟ้องฎีกาจำเลยบรรยายไว้เป็นข้อกฎหมายแต่เพียงว่า ศาลสั่งให้จำเลยมีหน้าที่นำสืบก่อนยังไม่ชอบ ขอให้พิพากษาแก้คำสั่งศาลอุทธรณ์ให้โจทก์มีหน้าที่นำสืบก่อน มิได้กล่าวว่าหากสืบโจทก์ก่อนแล้วจะยังผลให้เปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงไปได้อย่างไรหรือไม่ ทั้งมิได้ขอให้สืบพยานใหม่ด้วย ดังนี้ ไม่อาจยังผลให้เปลี่ยนแปลงคำพิพากษาศาลล่างได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 705/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขัดทรัพย์: ผู้ร้องมีหน้าที่นำสืบการครอบครองเมื่อถูกโต้แย้งสิทธิ
ผู้ร้องขัดทรัพย์ย่อมมีฐานะเป็นโจทก์ในคดีชั้นขัดทรัพย์ ส่วนโจทก์เดิมอยู่ในฐานะผู้คัดค้าน
ผู้ร้องขัดทรัพย์อ้างว่านาที่โจทก์นำยึดเป็นของผู้ร้อง ไม่ใช่ของจำเลย โจทก์คัดค้านว่าผู้ร้องได้สละสิทธิยกให้จำเลยแล้ว เช่นนี้เท่ากับว่าโจทก์ปฏิเสธว่านาไม่ใช่ของผู้ร้อง ที่พิพาทเป็นที่ดินมือเปล่าข้อเท็จจริงยังโต้เถียงกันอยู่ว่าใครเป็นผู้ครอบครอง หน้าที่นำสืบจึงตกแก่ผู้ร้อง เมื่อผู้ร้องไม่สืบพยานก็ต้องแพ้คดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 705/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภาระการพิสูจน์ในคดีขัดทรัพย์: ผู้อ้างสิทธิเหนือทรัพย์สินมีหน้าที่พิสูจน์สิทธิของตน
ผู้ร้องขัดทรัพย์ย่อมมีฐานะเป็นโจทก์ในคดีชั้นขัดทรัพย์ส่วนโจทก์เดิมอยู่ในฐานะผู้คัดค้าน
ผู้ร้องขัดทรัพย์อ้างว่านาที่โจทก์นำยึดเป็นของผู้ร้องไม่ใช่ของจำเลยโจทก์คัดค้านว่าผู้ร้องได้สละสิทธิยกให้จำเลยแล้วเช่นนี้เท่ากับว่าโจทก์ปฏิเสธว่านาไม่ใช่ของผู้ร้อง ที่พิพาทเป็นที่ดินมือเปล่าข้อเท็จจริงยังโต้เถียงกันอยู่ว่าใครเป็นผู้ครอบครองหน้าที่นำสืบจึงตกแก่ผู้ร้อง เมื่อผู้ร้องไม่สืบพยานก็ต้องแพ้คดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1309/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่หลังขาดนัด และการไม่ถือเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำ
จำเลยผู้ขาดนัดพิจารณายื่นคำร้องขอให้ศาลพิจารณาคดีใหม่แต่ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องเสียโดยอ้างว่า มิได้บรรยายครบองค์ตาม มาตรา 208 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ในวันเดียวกันนั้น จำเลยยื่นคำร้องใหม่ ดังนี้ ศาลต้องไต่สวนและมีคำสั่งไปตามรูปคดี จะถือว่าเป็นเรื่องดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำตามความหมายแห่งมาตรา 144 ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1309/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ไม่ใช่การดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำ แม้คำร้องแรกถูกยกไปแล้ว ศาลต้องไต่สวนคำร้องใหม่
จำเลยผู้ขาดนัดพิจารณายื่นคำร้องขอให้ศาลพิจารณาคดีใหม่ แต่ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องเสียโดยอ้างว่า มิได้บรรยายครบองค์ตาม มาตรา 208 แห่ง ป.ม.วิ.แพ่ง ในวันเดียวกันนั้น จำเลยยื่นคำร้องใหม่ ดังนี้ ศาลต้องไต่สวนและมีคำสั่งไปตามรูปคดี จะถือว่าเป็นเรื่องดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำตามความหมายแพ่งมาตรา 144 ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 967/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นอุทธรณ์ข้ามเขตศาล: การยื่นคำร้องผ่านศาลที่มีเขตอำนาจ และการนับระยะเวลาอุทธรณ์
การยื่นฟ้องอุทธรณ์นั้นเป็นกระบวนพิจารณาที่ผู้อุทธรณ์จะต้องดำเนินต่อศาลอย่างหนึ่งตามความหมายของ ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 1(3) และ (7) ฉะนั้นจึงนำเอา ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 10 มาใช้บังคับได้
ผู้อุทธรณ์ไม่สามารถไปยื่นฟ้องอุทธรณ์ต่อศาลที่พิพากษาคดีได้โดยเหตุสุดวิสัย ย่อมยื่นคำขอโดยทำเป็นคำร้องขอยื่นอุทธรณ์ ต่อศาลซึ่งตนมีภูมิลำเนาหรือยู่ในเขตศาลในขณะนั้นได้ และในกรณีเช่นนี้ถือว่า ได้ยื่นอุทธรณ์แล้วแต่วันนั้น ไม่ใช่นับแต่วันที่อุทธรณ์ส่งไปถึงศาลที่พิพากษาคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 967/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นอุทธรณ์นอกสถานที่: การยื่นคำร้องขอต่อศาลภูมิลำเนาเมื่อมีเหตุสุดวิสัย
การยื่นฟ้องอุทธรณ์นั้นเป็นกระบวนพิจารณาที่ผู้อุทธรณ์จะต้องดำเนินต่อศาลอย่างหนึ่งตามความหมายของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 1(3) และ (7)ฉะนั้นจึงนำเอาประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 10มาใช้บังคับได้
ผู้อุทธรณ์ไม่สามารถไปยื่นฟ้องอุทธรณ์ต่อศาลที่พิพากษาคดีได้โดยเหตุสุดวิสัย ย่อมยื่นคำขอโดยทำเป็นคำร้องขอยื่นอุทธรณ์ ต่อศาลซึ่งตนมีภูมิลำเนาหรืออยู่ในเขตศาลในขณะนั้นได้ และในกรณีเช่นนี้ถือว่าได้ยื่นอุทธรณ์แล้วแต่วันนั้น ไม่ใช่นับแต่วันที่อุทธรณ์ส่งไปถึงศาลที่พิพากษาคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 738/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์ซ้ำ: การยื่นอุทธรณ์ฉบับเดิมหลังศาลชั้นต้นพิพากษาใหม่ ไม่เป็นฟ้องอุทธรณ์ที่ชอบด้วยกฎหมาย
ฝ่ายที่แพ้คดี อุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้นครั้งหนึ่งแล้ว ศาลอุทธรณ์กลับพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาให้ฝ่ายนั้นแพ้คดีอีกฝ่ายนั้นยื่นคำแถลงการณ์ขออุทธรณ์คดีขอให้ถือฟ้องอุทธรณ์ฉบับเดิมเป็นฟ้องอุทธรณ์ในชั้นนี้ดังนี้ ย่อมไม่เป็นฟ้องอุทธรณ์ที่ชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1107/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำร้องขัดทรัพย์: เพียงอ้างว่าทรัพย์เป็นของผู้ร้องก็เพียงพอ ไม่จำเป็นต้องระบุรายละเอียดการได้มา
การร้องขัดทรัพย์นั้นในคำร้องกล่าวว่าทรัพย์ที่ถูกยึดเป็นของผู้ร้องและขอให้ปล่อยนั้น ย่อมเป็นการเพียงพอที่จะถือได้แล้วว่า เป็นคำร้องขัดทรัพย์ที่ชอบด้วยกฎหมาย หาจำต้องบรรยายด้วยว่าได้ทรัพย์นั้นมาโดยอย่างไร เพราะเป็นแต่เรื่องรายละเอียด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1107/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำร้องขัดทรัพย์เพียงระบุว่าทรัพย์เป็นของผู้ร้องก็เพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องระบุวิธีการได้มา
การร้องขัดทรัพย์นั้น ในคำร้องกล่าวว่า ทรัพย์ที่ถูกยึดเป็นของผู้ร้องและขอให้ปล่อยนั้น ย่อมเป็นการเพียงพอที่จะถือได้แล้วว่า เป็นคำร้องขัดทรัพย์ที่ชอบด้วยกฎหมายหาจำต้องบรรยายด้วยว่าได้ทรัพย์นั้นมาโดยอย่างไร เพราะเป็นแต่เรื่องรายละเอียด
of 16