คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 110

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 21 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 257/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องมูลนิธิ: การจัดการทรัพย์สินเพื่อดำเนินการตามวัตถุประสงค์ ไม่ขัดต่อกฎหมาย
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากตึกพิพาทซึ่งมีค่าเช่าในขณะยื่นฟ้องไม่เกินเดือนละ4,000บาทจึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในข้อเท็จจริงดังนั้นการที่จำเลยอุทธรณ์ว่าอ. มิได้เป็นผู้จัดการและช.มิได้เป็นเหรัญญิกของโจทก์โดยบุคคลทั้งสองไม่มีอำนาจทำการแทนโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องนั้นเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงต้องห้ามอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา224วรรคสองที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยปัญหาตามอุทธรณ์ของจำเลยและศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาจำเลยในปัญหานี้จึงเป็นการไม่ชอบถือว่าข้อเท็จจริงเป็นอันยุติแล้วตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น การที่โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากตึกพิพาทซึ่งเป็นของโจทก์นั้นถือว่าเป็นการจัดการทรัพย์สินของมูลนิธิโจทก์และตามฎีกาของจำเลยก็ไม่ปรากฎว่าการให้เช่าตึกพิพาทเป็นการกระทำเพื่อหาผลประโยชน์เพื่อบุคคลหนึ่งบุคคลใดหรือเพื่อหาผลประโยชน์มาแบ่งปันกันจึงไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา110ที่ชำระใหม่แต่เป็นกรณีที่โจทก์ชอบที่จะกระทำได้เพื่อหาผลประโยชน์เพื่อดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของโจทก์และการที่โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากตึกพิพาทเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาตามสัญญาเท่านั้นถือว่าเป็นการใช้สิทธิตามกฎหมายมิได้ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนแต่อย่างใดโจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5505/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องมูลนิธิ: การจัดการทรัพย์สินเพื่อสร้างศูนย์การค้าไม่ขัดต่อวัตถุประสงค์และกฎหมาย
แม้โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากห้องเช่าของโจทก์โดยต้องการนำที่ดินซึ่งเป็นที่ตั้งห้องเช่าไปสร้างศูนย์การค้าก็ถือว่าเป็นการจัดการทรัพย์สินของมูลนิธิโจทก์ทั้งไม่ปรากฎว่าเป็นการกระทำเพื่อหาผลประโยชน์เพื่อบุคคลหนึ่งบุคคลใดหรือเพื่อหาประโยชน์มาแบ่งปันกันจึงไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา110หรือกฎหมายหรือความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนโจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5501/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ มูลนิธิมีอำนาจจัดการทรัพย์สินเพื่อสร้างศูนย์การค้าได้ หากไม่หาผลประโยชน์แบ่งปัน และเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของมูลนิธิ
มูลนิธิโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากห้องเช่าซึ่งเป็นของโจทก์ โดยโจทก์ต้องการนำที่ดินซึ่งเป็นที่ตั้งห้องเช่านั้นไปสร้างศูนย์การค้า ถือได้ว่าเป็นการจัดการทรัพย์สินของโจทก์ ทั้งไม่เป็นการกระทำเพื่อหาผลประโยชน์เพื่อบุคคลอื่นใด หรือหาผลประโยชน์มาแบ่งปันกัน จึงไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 110 โจทก์ชอบที่จะกระทำได้เพื่อที่จะหาผลประโยชน์ไปดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของโจทก์นั่นเอง จึงไม่ได้เป็นการกระทำที่ขัดต่อศีลธรรมอันดีของประชาชน โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6207/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบริจาคที่ดินเพื่อก่อตั้งมูลนิธิ: ที่ดินตกเป็นของมูลนิธิเมื่อจดทะเบียน
โจทก์ทำหนังสือบริจาคที่ดินพิพาทเพื่อเป็นกองทุนในการก่อตั้งมูลนิธิโลกุตรธรรมประทีป และมูลนิธิดังกล่าวจะทะเบียนเป็นนิติบุคคลเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2531ที่ดินพิพาทจึงเป็นทรัพย์สินอันจัดสรรไว้เป็นแผนกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 81 เดิมซึ่งตรงกับมาตรา 110 ซึ่งตรวจชำระใหม่และย่อมตกเป็นของมูลนิธิตั้งแต่เวลาที่รัฐบาลให้อำนาจเป็นต้นไปตามมาตรา 87 เดิม ซึ่งตรงกับมาตรา 121 ซึ่งตรวจชำระใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2087/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ประเด็นข้อพิพาทเรื่องโทรศัพท์เป็นอุปกรณ์ประกอบทรัพย์สินไม่ยกขึ้นพิจารณาในชั้นฎีกาหากมิได้ยกขึ้นตั้งแต่ศาลชั้นต้น
ปัญหาที่ว่าโทรศัพท์เป็นเครื่องอุปกรณ์อันใช้ประกอบกับทรัพย์เป็นประธานคือบ้านและที่ดินอันเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์หรือไม่นั้นไม่ใช่ปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนเมื่อมิได้ว่ากล่าวกันมาตั้งแต่ศาลชั้นต้นย่อมยกขึ้นฎีกามิได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2003/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความคดีละเมิดทางแพ่ง, การประเมินค่าเสียหายรถยนต์ และการพิสูจน์สภาพรถก่อนเกิดเหตุ
รถยนต์โจทก์ถูกชนเสียหายจนไม่อาจซ่อมได้โจทก์ขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหายคิดเท่าราคารถที่โจทก์ซื้อกับราคาค่ายางที่ติดรถกับยางอะไหล่ยางรถและยางอะไหล่เป็นส่วนควบและเครื่องอุปกรณ์ของตัวรถตามปกติประเพณีการค้าย่อมรวมอยู่ในราคาของรถที่ทำการซื้อขาย เมื่อมีความเสียหายเกิดขึ้นกับรถการเสื่อมค่าหรือราคาย่อมเป็นไปตามสภาพอยู่ด้วยกันทั้งหมด
อายุความละเมิด 1 ปีนับตั้งแต่ผู้เสียหายรู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้ทำละเมิดด้วยคือนับตั้งแต่อธิบดีกรมตำรวจในฐานะตัวแทนกรมตำรวจรู้ความดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2797/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อพิพาทสัญญาซื้อขายเครื่องจักร: การลดราคาชดใช้ความเสียหายจากสินค้าไม่ตรงตามสัญญา และการคิดค่าปรับ
จำเลยที่ 1 ทำสัญญาซื้อหม้อเคี่ยวน้ำตาลจากโจทก์ ในสัญญาระบุว่าการติดตั้งหม้อเคี่ยวน้ำตาลนั้น โจทก์จะต้องทำคอนเดนเซอร์ด้วย และถ้าหากไม่ทำฐานบ่อน้ำคอนเดนเซอร์แล้ว หม้อเคี่ยวน้ำตาลและคอนเดนเซอร์ก็ไม่สามารถจะใช้การได้ จึงเห็นได้ว่าฐานบ่อน้ำคอนเดนเซอร์เป็นอุปกรณ์ในการติดตั้งหม้อเคี่ยวน้ำตาล ต้องถือว่าการทำฐานบ่อน้ำคอนเดนเซอร์เป็นส่วนหนึ่งของการติดตั้งหม้อเคี่ยวน้ำตาล โจทก์จะเรียกร้องค่าใช้จ่ายในการทำฐานบ่อน้ำคอนเดนเซอร์จากจำเลยที่1 ไม่ได้
สัญญาซื้อขายข้อ 7 ว่า ถ้าผู้ขายไม่ส่งมอบหม้อเคี่ยวน้ำตาลให้ผู้ซื้อถูกต้องครบถ้วนภายในกำหนดเวลาตามสัญญา ผู้ขายยอมให้ผู้ซื้อปรับเป็นเงินร้อยละห้าของราคาที่ยังมิได้ส่งมอบฯ และข้อ 8ว่า นอกจากที่กล่าวแล้วในข้อ 6 และข้อ 7 ถ้าผู้ขายไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตามสัญญาด้วยเหตุใด ๆ จนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ซื้อแล้ว ผู้ขายรับผิดชดใช้ค่าเสียหายต่าง ๆ ให้แก่ผู้ซื้อโดยสิ้นเชิงด้วย เช่นนี้เมื่อตามสัญญาโจทก์จะต้องใช้จุ๊ปชนิดไม่มีตะเข็บ แต่โจทก์นำจุ๊ปชนิดมีตะเข็บซึ่งมีราคาและคุณภาพต่ำกว่าจุ๊ปชนิดไม่มีตะเข็บมาใช้ย่อมเกิดความเสียหายแก่จำเลยที่ 1 ซึ่งโจทก์ต้องชดใช้ค่าเสียหายต่าง ๆ ให้แก่จำเลยที่ 1 โดยสิ้นเชิงตามสัญญาข้อ 8 ที่จำเลยลดราคาหม้อเคี่ยวน้ำตาลลง 310,409 บาท เป็นเพียงการให้จำเลยคืนราคาจุ๊ปชนิดไม่มีตะเข็บที่จะต้องใช้ตามสัญญา ส่วนที่เกินจากราคาจุ๊ปชนิดมีตะเข็บที่โจทก์นำมาใช้เท่านั้น ส่วนการคิดค่าปรับฐานผิดสัญญาร้อยละ 5 ของเงิน 310,409 บาทต่อเดือนจากวันสิ้นสุดสัญญา การส่งมอบถึงวันที่ทดลองทำการเทสท์เพรสเซอร์ได้ตามกำหนด เป็นการกำหนดให้โจทก์ใช้ค่าเสียหายจากการใช้จุ๊ปที่มีคุณภาพต่ำกว่าจุ๊ปที่ระบุไว้ในสัญญา และจำเลยที่ 1 มีสิทธิที่จะทำได้ตามที่ระบุไว้ในสัญญาข้อ 8 โดยไม่จำต้องให้โจทก์ยินยอม ทั้งไม่เป็นการปรับซ้อนค่าปรับฐานส่งมอบหม้อเคี่ยวน้ำตาลล่าช้า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2797/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซื้อขาย - ความเสียหายจากการส่งมอบสินค้าไม่ตรงตามสัญญา - การคิดค่าปรับ - การชดใช้ค่าเสียหาย
จำเลยที่ 1 ทำสัญญาซื้อหม้อเคี่ยวน้ำตาลจากโจทก์ ในสัญญาระบุว่าการติดตั้งหม้อเคี่ยวน้ำตาลนั้น โจทก์จะต้องทำคอนเดนเซอร์ด้วย และถ้าหากไม่ทำฐานบ่อน้ำคอนเดนเซอร์แล้ว หม้อเคี่ยวน้ำตาลและคอนเดนเซอร์ก็ไม่สามารถจะใช้การได้ จึงเห็นได้ว่าฐานบ่อน้ำคอนเดนเซอร์ เป็นอุปกรณ์ในการติดตั้งหม้อเคี่ยวน้ำตาล ต้องถือว่าการทำฐานบ่อน้ำคอนเดนเซอร์เป็นส่วนหนึ่งของการติดตั้งหม้อเคี่ยวน้ำตาล โจทก์จะเรียกร้องค่าใช้จ่ายในการทำฐานบ่อน้ำคอนเดนเซอร์จากจำเลยที่ 1 ไม่ได้
สัญญาซื้อขาย ข้อ 7 ว่า ถ้าผู้ขายไม่ส่งมอบหม้อเคี่ยวน้ำตาลให้ผู้ซื้อถูกต้องครบถ้วนภายในกำหนดเวลาตามสัญญา ผู้ขายยอมให้ผู้ซื้อปรับเงินร้อยละห้าของราคาที่ยังมิได้ส่งมอบฯ และข้อ 8 ว่า นอกจากที่กล่าวแล้วในข้อ 6 และข้อ 7 ถ้าผุ้ขายไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตามสัญญาด้วยเหตุใดๆ จนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ซื้อแล้ว ผู้ขายรับผิดชดใช้ค่าเสียหายต่างๆ ให้แก่ผู้ซื้อโดยสิ้นเชิงด้วย เช่นนี้เมื่อตามสัญญาโจทก์จะต้องใช้จุ๊ปชนิดไม่มีตะเข็บ แต่โจทก์นำจุ๊ปชนิดมีตะเข็บซึ่งมีราคาและคุณภาพต่ำกว่าจุ๊ปชนิดไม่มีตะเข็บมาใช้ย่อมเกิดความเสียหายแก่จำเลยที่ 1 ซึ่งโจทก์ต้องชดใช้ค่าเสียหายต่างๆ ให้แก่จำเลยที่ 1 โดยสิ้นเชิงตามสัญญาข้อ 8 ที่จำเลยลดราคาหม้อเคี่ยวน้ำตาลลง 310,409 เป็นเพียงการให้จำเลยคืนราคาจุ๊ปชนิดไม่มีตะเข็บที่จะต้องใช้ตามสัญญา ส่วนที่เกินจากราคาจุ๊ปชนิดมีตะเข็บที่โจทก์นำมาใช้เท่านั้น ส่วนการคิดค่าปรับฐานผิดสัญญาร้อยละ 5 ของเงิน 310,409 บาทต่อเดือนจากวันสิ้นสุดสัญญาการส่งมอบถึงวันที่ทดลองทำการเทสทเพรสเซอร์ได้ตามกำหนด เป็นการกำหนดให้โจทก์ใช้ค่าเสียหายจากการใช้จุ๊ปที่มีคุณภาพต่ำกว่าจุ๊ปที่ระบุไว้ในสัญญา และจำเลยที่ 1 มีสิทธที่จะทำได้ตามที่ระบุไว้ในสัญญาข้อ 8 โดยไม่จำต้องให้โจทก์ยินยอม ทั้งไม่เป็นการปรับข้อซ้อนค่าปรับฐานส่งมอบหม้อเคี่ยวน้ำตาลล่าช้า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1603/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประกันภัยอัคคีภัย: การตีราคาความเสียหาย, สิทธิผู้รับประกันภัยรายแรก, และข้อยกเว้น
อ. เอาประกันภัยอาคารโรงงานซึ่งระหว่างก่อสร้างและวัตถุดิบไว้กับจำเลย โดยยกประโยชน์ตามกรมธรรม์ให้โจทก์ มีเงื่อนไขตามกรมธรรม์ว่า ถ้าการค้าหรือการอุตสาหกรรมที่ผู้เอาประกันดำเนินอยู่มีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่เพิ่มการเสี่ยงวินาศภัย ผู้เอาประกันต้องได้รับอนุญาตจากจำเลยก่อนวินาศภัยเกิดขึ้น มิฉะนั้นสัญญาประกันภัยระงับทันที และมีข้อตกลงว่า อัตราดอกเบี้ยประกันจะเพิ่มเปอร์เซ็นต์ขึ้นเมื่อก่อสร้างโรงงานเสร็จ ดังนี้ การที่จำเลยได้เรียกให้อ. ชำระเบี้ยประกันเพิ่มขึ้นเมื่อก่อสร้างโรงงานเสร็จและเริ่มเดิมเครื่องจักรทำการผลิต เจตนาของจำเลยเป็นเพียงการใช้สิทธิเรียกร้องเอาเบี้ยประกันเพิ่มขึ้นตามที่ตกลงกันไว้เท่านั้น หาเกี่ยวกับปัญหาที่ว่าการเดินเครื่องจักรทำการผลิตเป็นเหตุให้เสี่ยงต่อวินาศภัยเพิ่มขึ้นโดยละเมิดเงื่อนไขแห่งกรมธรรม์ประกันภัยไม่
เมื่อจำเลยเรียกให้ อ. ชำระเบี้ยประกันเพิ่มขึ้นดังกล่าวข้างต้นอ.มีหนังสือตอบจำเลยมีใจความว่าขอส่งคืนกรมธรรม์เนื่องจากอ. ได้เอาประกันภัยวัตถุดิบไว้กับบริษัทอื่นแล้ว อ. ประสงค์จะเอาประกันเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิต ซึ่งยังมิได้เอาประกันไว้ เงินเอาประกันเครื่องจักรขอให้เป็นไปตามเดิม ดังนี้ เจตนาของ อ. มีความหมายเป็นคำเสนอเพื่อเปลี่ยนแปลงกรมธรรม์เดิม โดยจะเอาประกันภัยเครื่องจักรแทนวัตถุดิบ ซึ่งได้ย้ายไปเอาประกันไว้กับบริษัทอื่น หาเป็นการบอกเลิกสัญญาไม่ และการที่ อ. แสดงเจตนาตามคำเสนอต่อจำเลยซึ่งอยู่ห่างกันโดยระยะทาง ย่อมตกเป็นอันไร้ผลเมื่อเกิดอุบัติเหตุอัคคีภัยเสียก่อนที่หนังสือ อ. จะไปถึงบริษัทจำเลย กรมธรรม์ประกันภัยฉบับเดิมจึงยังมีผลผูกพันจำเลย
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 877 สันนิษฐานให้เป็นคุณแก่ผู้เอาประกันภัย ในกรณีที่ทรัพย์สินที่เอาประกันภัยถูกวินาศภัยไปทั้งหมด ผู้เอาประกันภัยชอบที่จะเรียกร้องเอาชดใช้ค่าเสียหายได้เต็มจำนวนที่เอาประกัน เว้นแต่ผู้รับประกันภัยพิสูจน์หักล้างได้ว่าความเสียหายของทรัพย์สินต่ำกว่าจำนวนเงินที่เอาประกัน
อ. เอาประกันภัยวัตถุดิบไว้กับจำเลย แล้วนำวัตถุดิบนั้นไปประกันภัยไว้กับบริษัทอื่นอีก แม้เมื่อเกิดความเสียหายจากอัคคีภัยขึ้น อ.ได้ยอมรับค่าเสียหายจากบริษัทรับประกันภัยอื่นนั้นไปบางส่วนแล้วก็ไม่กระทบกระทั่งถึงสิทธิหน้าที่ของจำเลย ทั้งนี้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 871 และจำเลยเป็นผู้รับประกันภัยคนแรกจะต้องรับผิดเมื่อความวินาศภัยก่อน ซึ่งต้องรับผิดมากกว่าผู้รับประกันภัยคนหนึ่ง ตามมาตรา 870 วรรคท้ายจำเลยจึงต้องรับผิดในจำนวนวินาศภัยจริงที่ส่วนที่ยังไม่ได้ใช้
เครื่องปรับอากาศทำความเย็นซึ่งติดตั้งอยู่ที่ผนังด้านนอกของอาคารที่เอาประกันภัย เป็นเพียงเครื่องอุปกรณ์ หาใช่ส่วนควบของอาคารไม่ เมื่อเกิดอัคคีภัยไหม้อาคารและเครื่องปรับอากาศก็ไป ผู้เอาประกันภัยจะเรียกเอาชดใช้ค่าเสียหายในส่วนเครื่องปรับอากาศไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 399/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เครื่องจักรโรงสีเป็นสังหาริมทรัพย์ จำนองไม่ได้ แม้มีราคาแพงหรือติดตั้งถาวร
เครื่องจักรโรงสี แม้จะมีน้ำหนักหรือราคามากสักเท่าใด โดยสภาพย่อมถอดถอนโยกย้ายได้มิใช่ทรัพย์ที่ติดอยู่กับที่ดินหรือประกอบเป็นอันเดียวกับที่ดิน แต่ย่อมแยกออกจากตัวโรงสีได้ โดยไม่ต้องทำลายหรือทำให้ตัวโรงสีนั้นเปลี่ยนแปลงรูปทรง ฉะนั้น แม้ เครื่องจักรจะเป็นสารสำคัญ ก็มิใช่ส่วนควบ แต่เป็นเพียงของใช้ประจำอยู่กับโรงสีจึงเป็นเครื่องอุปกรณ์ซึ่งเป็นสังหาริมทรัพย์เท่านั้น
สังหาริมทรัพย์นั้น ตามกฎหมายจำนองได้เฉพาะแต่ที่ระบุไว้ในมาตรา 703 เครื่องจักรโรงสีมิใช่ทรัพย์ที่ระบุไว้เช่นนั้น จึงจำนองไม่ได้ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 4/2509).
of 3