พบผลลัพธ์ทั้งหมด 19 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 777/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การต่อสู้และการมีเจตนาฆ่า พิจารณาจากพฤติการณ์ก่อนและหลังการกระทำ
ก.การที่จำเลยโดดลงจากเรือนพูดว่า แน่รืแล้วต่างก็เข้าต่อสู้กับผู้ตาย ภายหลังที่ผู้ตายร้องท้าจำเลยนั้น เป็นการสมัครใจเข้าต่อสู้ มิใช่เป็นการป้องกันตัว
ข.การที่จำเลยใช้มีดดาบยาว 1 แขน กระโดดลงจากเรือนไปต่อสู้กับผู้ตายและฟันผู้ตายถึง 3 แห่ง แผลที่สำคัญถูกที่คอเกือบขาดนั้น แสดงให้เห็นว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตาย ต้องมีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา มาตรา 288 ปรมวลกฎหมายอาญา
ข.การที่จำเลยใช้มีดดาบยาว 1 แขน กระโดดลงจากเรือนไปต่อสู้กับผู้ตายและฟันผู้ตายถึง 3 แห่ง แผลที่สำคัญถูกที่คอเกือบขาดนั้น แสดงให้เห็นว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตาย ต้องมีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา มาตรา 288 ปรมวลกฎหมายอาญา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 777/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การต่อสู้และเจตนาฆ่า: การพิเคราะห์การป้องกันตัวและการใช้กำลังเกินเหตุในคดีฆ่าคนตาย
ก. การที่จำเลยโดดลงจากเรือพูดว่าแน่รึ แล้วต่างก็เข้าต่อสู้กับผู้ตาย ภายหลังที่ผู้ตายร้องท้าจำเลยนั้นเป็นการสมัครใจเข้าต่อสู้ มิใช่เป็นการป้องกันตัว
ข. การที่จำเลยใช้มีดดาบยาว 1 แขนกระโดดลงจากเรือนไปต่อสู้กับผู้ตายและฟันผู้ตายถึง 3 แห่ง แผลที่สำคัญถูกที่คอเกือบขาดนั้นแสดงให้เห็นว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตายต้องมีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา มาตรา 288 ประมวลกฎหมายอาญา
(ข้อ ข.ประชุมใหญ่ครั้งที่ 14/2505)
ข. การที่จำเลยใช้มีดดาบยาว 1 แขนกระโดดลงจากเรือนไปต่อสู้กับผู้ตายและฟันผู้ตายถึง 3 แห่ง แผลที่สำคัญถูกที่คอเกือบขาดนั้นแสดงให้เห็นว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตายต้องมีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา มาตรา 288 ประมวลกฎหมายอาญา
(ข้อ ข.ประชุมใหญ่ครั้งที่ 14/2505)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1061/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ป้องกันตนเองและการลดหย่อนโทษฐานบันดาลโทสะจากการถูกยั่วโทสะ
ผู้ตายใช้ปืนจะยิงจำเลยก่อน จำเลยจึงฟันเอา 1 ที ผู้ตายวิ่งหนีโดยปืนหลุดจากมือแล้วจำเลยเอาปืนไล่ยิงผู้ตาย ตาย ดังนี้ การกระทำของจำเลยตอนแรกเป็นการป้องกันชีวิตพอสมควรแก่เหตุ ได้รับยกเว้นโทษ แต่การที่จำเลยไล่ตามไปยิงผู้ตายนี้ก็ถือได้ว่าเป็นการกระทำต่อเนื่องกันมาจากการที่จำเลยถูกยั่วโทสะโดยถูกผู้ตายกดขี่ข่มเหงอย่างร้ายแรงและไม่เป็นธรรม ยังหาขาดตอนไม่ จำเลยจึงควรได้รับลดหย่อนโทษฐานบันดาลโทสะ ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 55
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1061/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวและการลดหย่อนโทษฐานบันดาลโทสะในคดีทำร้ายถึงแก่ความตาย
ผู้ตายใช้ปืนจะยิงจำเลยก่อน จำเลยจึงฟันเอา 1 ที ผู้ตายวิ่งหนีโดยปืนหลุดจากมือแล้วจำเลยเอาปืนไล่ยิ่งผู้ตาย ตามดังนี้ การกระทำของจำเลยตอนแรกเป็นการป้องกันชัวิตพอสมควรแก่เหตุ ได้รับยกเว้นโทษ แต่การที่จำเลยไล่ตามไปยิงผู้ตายนี้ ก็ถือได้ว่าเป็นการกระทำต่อเนื่องกันมาจากการที่จำเลยถูกยั่วโทษะโดยถูกผู้ตายกดขี่ข่มเหงอย่างร้ายแรงและไม่เป็นธรรม ยังหาขาดตอนไม่ จำเลยจึงควรได้รับลดหย่อนโทษฐานบันดาลโทษะตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 55.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1803/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวิวาททำร้ายร่างกายและการป้องกันตัวที่ไม่สมเหตุสมผล การใช้เงี่ยงปลากะเบนแทงจนถึงแก่ความตาย
ลูกจ้างกับนายจ้างวิวาททำร้ายร่างกายซึ่งกันและกันลูกจ้างตบตีนายจ้างลงไปนอนและขึ้นนั่งคร่อมทับไว้ บุตรชายและบุตรสาวของนายจ้างเข้าช่วยมารดา ลูกจ้างจึงได้หันเข้าทำร้ายบุตรสาวนายจ้างบาดเจ็บและชักเงี่ยงปลากะเบนที่ตนพกไว้ออกแทงบุตรชายนายจ้าง 1 ทีถึงแก่ความตายแม้ก่อนแทง บุตรชายนายจ้างจะได้บีบคอลูกจ้างจนติดกำแพงลูกจ้างจึงได้ชักเงี่ยงปลาที่พกไว้ออกมาแทงก็ดี ก็เป็นเรื่องการกระทำต่อสู้กันในการวิวาทลูกจ้างจะอ้างว่ากระทำไปโดยจำเป็นเพื่อป้องกันตัว ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1803/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การต่อสู้ทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย จำเลยอ้างป้องกันตัวไม่ได้
ลูกจ้างกับนายจ้างวิวาททำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน ลูกจ้างตบตีนายจ้างลงไปนอนและขึ้นนั่งคร่อมทับไว้ บุตรชายและบุตรสาวของนายจ้างเข้าช่วยมารดา ลูกจ้างจึงได้หันเข้าทำร้ายบุตรสาวนายจ้างบาดเจ็บและชักเงี่ยงปลากะเบนที่ตนพกไว้ออกแทงบุตรชายนายจ้าง 1 ทีถึงแก่ความตาย แม้ก่อนแทง บุตรชายนายจ้างจะได้บีบคอลูกจ้างจนติดกำแพงลูกจ้างจึงได้ชักเงี่ยงปลาที่พกไว้ออกมาแทงก็ดี ก็เป็นเรื่องการกระทำต่อสู้กันในการวิวาท ลูกจ้างจะอ้างว่ากระทำไปโดยจำเป็นเพื่อป้องกันตัว ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 931/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโต้แย้งข้อเท็จจริงเกินขอบเขตฎีกา: การป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ
ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงยืนตามศาลชั้นต้นว่า จำเลยกระทำการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ โจทก์ฎีกาคัดค้านว่าจำเลยกระทำเกินสมควรแก่เหตุ ย่อมเป็นการคัดค้านในข้อเท็จจริงหาใช่เป็นปัญหาในข้อกฎหมายไม่ จึงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 931/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตนเองเกินสมควรแก่เหตุ: ข้อโต้แย้งเรื่องข้อเท็จจริงต้องห้ามฎีกา
ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงยืนตามศาลชั้นต้นว่า จำเลยกระทำการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ โจทก์ฎีกาคัดค้านว่าจำเลยกระทำเกินสมควรแก่เหตุ ย่อมเป็นการคัดค้านในข้อเท็จจริงหาใช่เป็นปัญหาในข้อกฎหมายไม่จึงต้องห้ามฎีกาตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 219
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 140/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เหตุสุดวิสัยในการขับรถหลบภัยและการป้องกันภยันตรายจากบุคคลอื่น
ขับรถยนต์รับคนโดยสารมาตามถนน เผอิญเกิดยิงกันเกี่ยวกับการจลาจลจึงขับรถหนี แม้จะเร็วจนถึงขนาดผิดกฎจราจร ก็ได้รับยกเว้นโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 49 เพราะถือได้ว่าเป็นการกระทำเพื่อหลบหนีภยันตรายอันร้ายแรงเมื่อเอาผิดในตอนนี้ไม่ได้ การวิ่งตัดหน้ารถยนต์ภายในระยะ 1 วา คนขับห้ามล้อรถหยุดไม่ทัน ทั้งๆที่ห้ามล้อดี วินิจฉัยว่าวิ่งตัดหน้ารถยนต์ในระยะกระชั้นชิด ใช่วิสัยที่จะป้องกันมิให้รถยนต์ทับได้การที่รถยนต์ทับคนที่วิ่งตัดหน้ารถนั้นจึงเป็นเหตุสุดวิสัย ไม่ใช่เรื่องผู้ขับรถประมาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 140/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เหตุสุดวิสัยจากการวิ่งตัดหน้ารถ: ผู้ขับไม่ต้องรับผิดชอบหากป้องกันไม่ได้
ขับรถยนต์รับคนโดยสารมาตามถนน เผอิญเกิดยิงกันเกี่ยวกับการจราจลจึงขับรถหนี แม้จะเร็วจนถึงขนาดผิดกฎจราจร ก็ได้รับยกเว้นโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 49 เพราะถือได้ว่าเป็นการกระทำเพื่อหลบหนีภยันตรายอันร้ายแรง เมื่อเอาผิดในตอนนี้ไม่ได้ การวิ่งตัดหน้ารถยนต์ภายในระยะ 1 วา คนขับห้ามล้อรถหยุดไม่ทัน ทั้ง ๆ ที่ห้ามล้อดี วินิจฉัยว่าวิ่งตัดหน้ารถยนต์ในระยะกระชั้นชิด ใช่วิสัยที่จะป้องกันมิให้รถยนต์ทับได้ การที่รถยนต์ทับคนที่วิ่งตัดหน้ารถนั้นจึงเป็นเหตุสุดวิสัย ไม่ใช่เรื่องผู้ขับรถประมาท