คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 4

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 292 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 999/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประกันภัยทางทะเล: การสูญเสียสิ้นเชิงจากภัยทางทะเลและการพิจารณาความเสียหายของสินค้าบรรทุก
กฎหมายทะเลของประเทศไทยในขณะนี้ยังไม่มี ทั้งจารีตประเพณีก็ไม่ปรากฎ เมื่อเกิดมีคดีขึ้น จึงควรเทียบวินิจฉัย ตามหลักกฎหมายทั่วไป.
สัญญาประกันภัยทางทะเลทำขึ้นเป็นภาษาอังกฤษ จึงควรยึดกฎหมายว่าด้วยการประกันภัยทางทะเลของประเทศ อังกฤษเป็นกฎหมายทั่วไปเพื่อเทียบเคียงวินิจฉีย.
คำว่า "อันตรายทางทะเล" หรือ "ภยันตรายแห่งทะเล" ซึ่งตรงกับภาษาอังกฤษว่า "Peril of the sea" นั้น ย่อมหมาย ถึงภยันตรายใด ๆ ที่เกิดขึ้นอันเป็นวิสัยที่ท้องทะเลจะบันดาลได้หาจำจะต้องคำนึงถึงว่า ขณะนั้นทะเลเรียบร้อยอยู่ หรือทะเลเป็นบ้าอย่างใดไม่ การที่เรือเกิดรั่วต้องอับปางลงในระหว่างเดินทางในทะเลโดยไม่ใช่ความผิดของใคร ย่อมเป็นอันตรายที่เรือนั้นจะต้องประสพโดยวิสัยในการเดินทางผ่านทะลอยู่แล้ว เป็นอันตรายทางทะเลตามความ หมายแห่งการประกันภัยทางทะเลแล้ว ตามที่ศาลอังกฤษถือตามกันมาก็ถืออันตรายที่เกิดขึ้นโดยโชคกรรมจากทะเล หรือเนื่องจากทะเล.
โจทก์ได้ประกันภัยปูนซิเมนต์จำนวนหนึ่ง บรรทุกเรือยนต์ตรังกานูไปจังหวัดสงขลา ไว้กับจำเลย หรือตรังกานูออก จากท่ากรุงเทฯ จะไปจังหวัดสงขลา พ้นสันดอนปากน้ำเจ้าพระยาไปแล้วประมาณ 10 ไมล์เศษเกิดมีคลื่นลมจัด เรือ โคลงมาก และน้ำเข้าเรือมาก ถ้าไม่กลับเรือจะจม เรือตรังกานูจึงได้แล่นกลับ พยายามแก้ไขและวิดน้ำก็ไม่ดีขึ้น ใน ที่สุดน้ำท่วมเครื่องดับนายเรือให้สัญญาณบอกเหตุเรืออับปาง มีเรือยนต์อื่นมาช่วยถ่ายคนและลากเรือตรังกานูมา ปล่อยไว้ที่กลางน้ำหน้าที่ทำการไปรษณีย์ปากน้ำ,แล้วได้จ้างเรือเล็กลากเข้าฝั่งเกยตื้นจมอยู่ที่ฝั่ง ป้อมผีเสื้อสมุทร ปูน ซิเมนต์ถูกน้ำท่วมเสียหายสิ้นเชิง ดังนี้ ถือได้ว่าเป็นความเสียหายที่เนื่องจากเรือได้สูญเสียสิ้นเชิงเนื่องจากอัน ตรายทางทะเล แล้วบริษัทผู้รับประกันต้องรับผิด ใช้ค่าเสียหายแก่โจทก./

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 999/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประกันภัยทางทะเล: 'อันตรายทางทะเล' ครอบคลุมความเสียหายจากเหตุสุดวิสัยที่ทำให้เรืออับปางและสินค้าเสียหาย
กฎหมายทะเลของประเทศไทยในขณะนี้ยังไม่มี ทั้งจารีตประเพณีก็ไม่ปรากฏ เมื่อเกิดมีคดีขึ้น จึงควรเทียบวินิจฉัยตามหลักกฎหมายทั่วไป
สัญญาประกันภัยทางทะเลทำขึ้นเป็นภาษาอังกฤษ จึงควรถือกฎหมายว่าด้วยการประกันภัยทางทะเลของประเทศอังกฤษเป็นกฎหมายทั่วไปเพื่อเทียบเคียงวินิจฉัย
คำว่า "อันตรายทางทะเล" หรือ "ภยันตรายแห่งทะเล" ซึ่งตรงกับภาษาอังกฤษว่า "PERILOFTHESEA" นั้น ย่อมหมายถึงภยันตรายใดๆ ที่เกิดขึ้นอันเป็นวิสัยที่ท้องทะเลจะบันดาลได้ หาจำจะต้องคำนึงถึงว่า ขณะนั้นทะเลเรียบร้อยอยู่หรือทะเลเป็นบ้าอย่างใดไม่ การที่เรือเกิดรั่วต้องอับปางลงในระหว่างเดินทางในทะเลโดยไม่ใช่ความผิดของใคร ย่อมเป็นอันตรายที่เรือนั้นจะต้องประสพโดยวิสัยในการเดินทางผ่านทะเลอยู่แล้ว เป็นอันตรายทางทะเลตามความหมายแห่งการประกันภัยทางทะเลแล้ว ตามที่ศาลอังกฤษถือตามกันมาก็ถืออันตรายที่เกิดขึ้นโดยโชคกรรมจากทะเลหรือเนื่องจากทะเล
โจทก์ได้ประกันภัยปูนซิเมนต์จำนวนหนึ่ง บรรทุกเรือยนต์ตรังกานูไปจังหวัดสงขลา ไว้กับจำเลย เรือตรังกานูออกจากท่ากรุงเทพฯจะไปจังหวัดสงขลา พ้นสันดอนปากน้ำเจ้าพระยาไปแล้วประมาณ 10 ไมล์เศษเกิดมีคลื่นลมจัด เรือโคลงมาก และน้ำเข้าเรือมาก ถ้าไม่กลับเรือจะจมเรือตรังกานูจึงได้แล่นกลับ พยายามแก้ไขและวิดน้ำก็ไม่ดีขึ้น ในที่สุดน้ำท่วมเครื่องดับนายเรือให้สัญญาณบอกเหตุเรืออับปาง มีเรือยนต์อื่นมาช่วยถ่ายคนและลากเรือตรังกานูมาปล่อยไว้ที่กลางน้ำหน้าที่ทำการไปรษณีย์ปากน้ำแล้ว ได้จ้างเรือเล็กลากเข้าฝั่งเกยตื้นจมอยู่ที่ฝั่งป้อมผีเสื้อสมุทร ปูนซิเมนต์ถูกน้ำท่วมเสียหายสิ้นเชิงดังนี้ ถือได้ว่าเป็นความเสียหายที่เนื่องจากเรือได้สูญเสียสิ้นเชิงเนื่องจากอันตรายทางทะเลแล้ว บริษัทผู้รับประกันต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 270/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ธนาคารจ่ายเช็คที่ถูกแก้ไข ผู้สั่งจ่ายไม่ต้องรับผิดชอบส่วนต่าง หากไม่ประมาท
ผู้มีเงินฝากในธนาคารได้สั่งให้ธนาคารจ่ายเงินในบัญชีของตนโดยออกเช็ค กรอกจำนวนเงินลงไปจำนวนหนึ่งภายหลังปรากฎว่าเช็คฉะบับนั้นได้ถูกเปลี่ยนแปลงแก้ไขจำนวนเงินที่สั่งจ่ายให้มากขึ้น ดดยผู้สั่งจ่ายไม่ทราบและธนาคารได้จ่ายเงินไปตามเช็คที่ถูกเปลี่ยนแปลงแก้ขนั้นแล้ว ดังนี้ เมื่อไม่ปรากฎว่าผู้สั่งจ่ายเช็คได้ละเลยในการระมัดระวังที่จะไม่ให้มีการปลอมแปลงเช็คนั้นอย่างไรแล้ว ธนาคารจะเรียกร้องให้ผู้สั่งจ่ายต้องรับผิดตามจำนวนเงินที่ปลอมแปลงนั้นหาได้ไม่ จะเรียกได้แต่เฉพาะจำนวนเงินเดิมแห่งเช็คนั้นเท่านั้น เพราะอาจอนุโลมกถือได้ว่าสิทธิของธนาคารต่อผู้เคยค้าที่สั่งจ่ายเป็นเสมือนผู้ทรง ต่อผู้ต้องรับผิดตามตั่วเงินนั้น./

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 270/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ธนาคารจ่ายเช็คที่ถูกแก้ไข ผู้สั่งจ่ายไม่ต้องรับผิดเกินจำนวนเดิม
ผู้มีเงินฝากในธนาคารได้สั่งให้ธนาคารจ่ายเงินในบัญชีของตนโดยออกเช็ค กรอกจำนวนเงินลงไปจำนวนหนึ่งภายหลังปรากฏว่าเช็คฉบับนั้นได้ถูกเปลี่ยนแปลงแก้ไขจำนวนเงินที่สั่งจ่ายให้มากขึ้นโดยผู้สั่งจ่ายไม่ทราบและธนาคารได้จ่ายเงินไปตามเช็คที่ถูกเปลี่ยนแปลงแก้ไขนั้นแล้วดังนี้ เมื่อไม่ปรากฏว่าผู้สั่งจ่ายเช็คได้ละเลยในการระมัดระวังที่จะไม่ให้มีการปลอมแปลงเช็คนั้นอย่างไรแล้วธนาคารจะเรียกร้องให้ผู้สั่งจ่ายต้องรับผิดตามจำนวนเงินที่ปลอมแปลงนั้นหาได้ไม่ จะเรียกได้แต่เฉพาะจำนวนเงินเดิมแห่งเช็คนั้นเท่านั้นเพราะอาจอนุโลมถือได้ว่าสิทธิของธนาคารต่อผู้เคยค้าที่สั่งจ่ายเป็นเสมือนผู้ทรง ต่อผู้ต้องรับผิดตามตั๋วเงินนั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 185/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแยกสินสมรสและการลงชื่อในโฉนดสำหรับคู่สมรสที่สมรสก่อนใช้ ป.ม.แพ่ง บรรพ 5
ก.ม.ลักษณะผัวเมียไม่ได้บัญญัติไว้ว่า ให้มีการแยกสินบริคณห์ โดยไม่ได้ฟ้องหย่า แต่ก็ไม่มีบังคับไว้ว่าถ้ายังไม่หย่า จะต้องบริคณห์ทรัพย์สินกันเสมอไปจะแยกมิได้
การที่จะนำ ป.ม.แพ่ง ฯ มาตรา 1472, 1467 มาใช้แก่คู่สมรส ซึ่งสมรสก่อนใช้ ป.ม.แพ่ง ฯ บรรพ 5 จึงไม่เป็นการกระทบกระเทือน ถึงการสมรสหรือสัมพันธ์ในครอบครัวตามความหมายที่ พ.ร.บ.ให้ใช้บทบัญญัติ บรรพ 5 แห่ง ป.ม.แพ่งฯ พ.ศ. 2477 มาตรา 4(1) ยกเว้นไว้แล้วนั้นแต่อย่างใด
ฟ้องโจทก์ขอให้แยกสินบริคณห์ถ้าสั่งแยกไม่ได้ จึงขอให้สั่งให้โจทก์มีชื่อร่วมในโฉนด ไม่เป็นคำขอที่ขัดกันและไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม เพราะโจทก์ไม่ได้ขอทั้ง 2 อย่าง โจทก์ขออย่างแรกก่อน ต่อเมื่อไม่ได้ จึงขออย่างที่สอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 163/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถอดถอนตรัสตี: ไม่ใช่เรื่องสัญญา แต่เป็นผลจากการละเมิดหน้าที่
ผู้ก่อตั้งตรัสต์ได้มอบทรัพย์สินของตนให้แก่ตรัสตีเป็นผู้ดูแลจัดการผลประโยชน์เพื่อรับประโยชน์แห่งตรัสต์นั้น ไม่ใช่เป็นเรื่องสัญญาต่างตอบแทนที่คู่สัญญาจะต้องปฎิบัติการชำะระหนี้แต่อย่างใด ฉะนั้น เมื่อตรัสตีคนใดทำผิดหน้าที่และละเมิดตรัสต์ ศาลก็ย่อมจะพิพากษาถอดถอนตรัสตีผู้นั้นเสียได้ โดยไม่ต้องเลิกล้มทำลายหนังสือสัญญาก่อตั้งตรัสต์
การถอดถอนตรัสตีนั้นไม่มีหลัก ก.ม.ว่าทรัสตีจะต้องกระทำการถึงเป็นการทุจริตจึงจะถอดถอนได้ เพียงแต่ละเลยไม่ปฎิบัติหน้าที่ของตนถึงขนาดไม่สมควรจะดำรงตำแหน่งเป็นตรัสตีต่อไปแล้ว ศาลก็ย่อมถอดถอนได้
ฟ้องขอให้ถอดถอนตรัสตีตามตราสารก่อตั้งตรัสต์ที่ได้กระทำไว้ในประเทศไทย นั้นแม้ทรัพย์สินอันเป็นกองตรัสต์ส่วนมากจะอยู่ในต่างประเทศก็ฟ้องในศาลไทยได้ เพราะมิใช่เรื่องที่จะต้องบังคับแก่ทรัพย์สินแต่อย่างใด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 163/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถอดถอนทรัสตี: ไม่ใช่สัญญาต่างตอบแทน, ไม่ต้องมีการทุจริต, ฟ้องในไทยได้แม้ทรัพย์อยู่ในต่างประเทศ
ผู้ก่อตั้งทรัสต์ได้มอบทรัพย์สินของตนให้แก่ทรัสตีเป็นผู้ดูแลจัดการผลประโยชน์เพื่อรับประโยชน์แห่งทรัสต์นั้น ไม่ใช่เป็นเรื่องสัญญาต่างตอบแทนที่คู่สัญญาจะต้องปฏิบัติการชำระหนี้แต่อย่างใด ฉะนั้นเมื่อทรัสตีคนใดทำผิดหน้าที่และละเมิดทรัสต์ ศาลก็ย่อมจะพิพากษาถอดถอนทรัสตีผู้นั้นเสียได้ โดยไม่ต้องเลิกล้มทำลายหนังสือสัญญาก่อตั้งทรัสต์
การถอดถอนทรัสตีนั้นไม่มีหลักกฎหมายว่าทรัสตีจะต้องกระทำการถึงเป็นการทุจริตจึงจะถอดถอนได้ เพียงแต่ละเลยไม่ปฏิบัติหน้าที่ของตนถึงขนาดไม่สมควรจะดำรงตำแหน่งเป็นทรัสตีต่อไปแล้ว ศาลก็ย่อมถอดถอนได้
ฟ้องขอให้ถอดถอนทรัสตีตามตราสารก่อตั้งทรัสต์ที่ได้กระทำไว้ในประเทศไทย นั้นแม้ทรัพย์สินอันเป็นกองทรัสต์ส่วนมากจะอยู่ในต่างประเทศก็ฟ้องในประเทศไทยได้เพราะมิใช่เรื่องที่จะต้องบังคับแก่ทรัพย์สินแต่อย่างใด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1346/2482

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ลำดับคดีสัญญาซื้อขายที่ดิน: ศาลงดรอคดีและพิพากษาตามลำดับสัญญาที่ทำก่อนได้ แม้ฟ้องทีหลัง
บุคคลสองคนทำสัญญาจะซื้อที่ดินแปลงเดียวกันและต่างฟ้องคดีของให้ผู้ขายโอนที่ดินให้แก่ตน แม้ผู้ทำสัญญาทีหลังจะฟ้องคดีก่อน ศาลก็สั่งงดรอคดีไว้ และพิพากษาให้โอนที่ดินแก่ผู้ทำสัญญาก่อนได้
อ้างฎีกาที่ 641/2470

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 239/2482

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำนิติกรรมแทนผู้เยาว์โดยไม่มีอำนาจตามกฎหมายเป็นโมฆะ ต้องได้รับการแต่งตั้งจากศาล
เมื่อไม่มีบทกฎหมายโดยตรงต้องอาศัยใช้กฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่ง,ตาจะเข้าทำนิติกรรมใดๆแทนหลานผู้เยาว์โดยมิได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้แทนโดยชอบธรรมจากศาลมิได้, การใดที่จัดทำไปโดยตาเช่นนี้เป็นโมฆะ ,
อ้างฎีกาที่ 325/2475

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 863/2481

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เครดิตฟองซิเอร์และการรับจำนอง: บริษัทต้องขออนุญาตประกอบกิจการตาม พ.ร.บ.ควบคุมกิจการค้า
การวินิจฉัยคดีตามหลักกฎหมายทั่วไปเครดิตฟ้องซิเอเป็นกิจการที่เกิดขึ้นและรับรองโดยกฎหมายภาคพื้นยุโรบ จึงต้องพิจารณาตามหลักกฎหมายเช่นนั้น เครติดฟ้องซิเอร์เป็นวิธีการอย่างหนึ่ง ซึ่งให้เครดิตการกู้ยืมเิงนหรือประโยชน์อื่นในทำนองเดียวกันโดยทั่วไปแก่บุคคลทุกชนิตไม่จำกัดฉะเพาะพวกกสิกรโดยมือสังหาริมทรัพย์เป็นประกันและไม่จำต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์แก่อสังหาริมทรัพย์นั้นเอง บริษัทจำกัดจดทะเบียนมีวัตถุประสงค์ในการรับจำนองอสังหาริมทรัพย์เป็นกิจการค้าการเช่นนี้เป็นเครดิตฟองซิเอร์จำต้องได้รับอนุญาต+รัฐบาลตามความในพ.ร.บ.ควบคุมกิจการค้า+ฯลฯ เครดิตฟองซิเอร์ซึ่งมิได้รับอนุญาตจากรัฐบาลนั้นไม่มีอำนาจทำการรับจำนองและโอนที่ดินใด ๆ ได้
of 30