คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม พุทธศักราช 2475

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 19 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4145/2541 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเวนคืนที่ดิน: การซื้อขายก่อนมี พ.ร.ฎ. ทำให้ไม่เกิดสิทธิค่าทดแทนตาม พ.ร.บ.เวนคืน
โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 38400 และ 38401โดยทราบมาก่อนว่าที่ดินของโจทก์ดังกล่าวอยู่ในบริเวณที่จะถูกทางราชการเวนคืนเพื่อสร้างทางพิเศษระบบทางด่วนขั้นที่ 2 สายบางโคล่ - แจ้งวัฒนะ เมื่อปรากฏว่าการตกลงซื้อขายที่ดินระหว่างโจทก์ผู้ถูกเวนคืน และการทางพิเศษแห่งประเทศไทยจำเลยเป็นการตกลงซื้อขายที่ดินกันตามธรรมดาด้วยความสมัครใจทั้งของผู้ขายและผู้ซื้อ โดยมีการทำบันทึกข้อตกลงจะซื้อจะขายที่ดินกันก่อนที่ พ.ร.ฎ.กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในบริเวณเดียวกันจะมีผลใช้บังคับ และโจทก์ทราบดีมาก่อนว่าที่ดินของโจทก์ตามฟ้องอยู่ในเขตถูกเวนคืน การที่ทางราชการได้ที่ดินของโจทก์มาย่อมเป็นการได้มาโดยตกลงในเรื่องการโอนไว้เป็นอย่างอื่น เมื่อมิใช่จำเลยได้มาจากการเวนคืนตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ.2530 มาตรา 5 โจทก์ผู้ถูกเวนคืนจึงไม่มีสิทธิได้รับค่าทดแทนและดอกเบี้ยตาม พ.ร.บ.ดังกล่าว
บันทึกของประธานคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยระบุว่า คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ได้มีมติยกอุทธรณ์ของโจทก์และทำบันทึกเพื่อตั้งข้อสังเกตเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เพื่อแจ้งให้การทางพิเศษแห่งประเทศไทยพิจารณาให้ความเป็นธรรม โดยมีข้อเสนอว่าคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์เห็นควรที่การทางพิเศษแห่งประเทศไทยจะต้องพิจารณาหาแนวทางให้ความช่วยเหลือแก่โจทก์ โดยจ่ายเงินค่าทดแทนเพิ่มอีกจำนวนหนึ่งโดยเร็วต่อไป และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยปฏิบัติราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้มีบันทึกสั่งการว่า "ให้ทบทวนจ่ายตามคณะกรรมการอุทธรณ์" แต่ต่อมาจำเลยได้ทำบันทึกเสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยอีกว่าไม่สามารถที่จะหาทางช่วยเหลือจ่ายเงินค่าทดแทนเพิ่มแก่โจทก์ได้ เนื่องจากกรณีของโจทก์เป็นกรณีจัดซื้อที่ดินก่อน พ.ร.ฎ.กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่อำเภอปากเกร็ด...พ.ศ.2530 มีผลใช้บังคับ ซึ่งกฎหมายไม่เปิดช่องให้ดำเนินการได้และจำเลยได้แจ้งให้โจทก์ทราบในเวลาต่อมา ดังนี้ เมื่อไม่ปรากฏว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยมีคำสั่งในที่สุดในเรื่องนี้ให้จ่ายค่าทดแทนเพิ่มตามเดิม ย่อมรับฟังไม่ได้ว่ามีคำสั่งให้จ่ายเงินแก่โจทก์เพราะบันทึกสั่งการในครั้งแรกเป็นการสั่งให้ทบทวนมิใช่คำสั่งในทางปกครองที่ให้จ่ายเงินทันที

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1240/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนโฉนดที่ออกใหม่หลังคณะกรรมการสำรวจฯมีคำสั่งยกเลิกโฉนดเดิม และสิทธิในที่ดินของเจ้าของเดิม
เมื่อศาลฎีกาได้วินิจฉัยไว้เป็นบรรทัดฐาน ในขณะที่ไม่มีคณะตุลาการรัฐธรรมนูญว่า พระราชบัญญัติว่าด้วยการสำรวจการออกโฉนดที่ดินพ.ศ. 2496 ในส่วนที่เกี่ยวกับการตั้งคณะกรรมการสำรวจการออกโฉนดที่ดินเพื่อให้มีอำนาจวินิจฉัยชี้ขาดข้อโต้เถียงเรื่องกรรมสิทธิ์ในที่ดินนั้น ขัดต่อรัฐธรรมนูญอันเป็นคำวินิจฉัยของศาลที่มีอำนาจชี้ขาดได้ชี้ขาดไปแล้วโดยชอบ ก็ต้องถือว่าบทบัญญัติแห่งกฎหมายในส่วนที่เกี่ยวกับการตั้งคณะกรรมการสำรวจการออกโฉนดที่ดินไม่มีผลใช้บังคับมาตั้งแต่ขณะนั้นจนบัดนี้ไม่อาจกลับรื้อฟื้นให้มีผลใช้บังคับขึ้นได้อีก
(คำพิพากษาฎีกาคดีนี้พิพากษาเมื่อมีรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันประกาศใช้แล้ว)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 771/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้กฎหมายกักกันผู้กระทำผิดซ้ำเพื่อเพิ่มโทษจำคุก ไม่ขัดต่อกฎหมายอาญาและรัฐธรรมนูญ
พระราชบัญญัติกักกันผู้มีสันดานเป็นผู้ร้ายเป็น กฎหมายพิเศษใช้กับผู้กระทำผิดทางอาญาถูกจำคุกหลายครั้งไม่เข็ดหลาบหาขัดกับกฎหมายอาญา มาตรา 25 ไม่ ศาลย่อมยกขึ้นใช้ปรับบทแก่จำเลยในกรณีเช่นนี้ได้ ทั้งไม่ขัดต่อ กฎหมายรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1512-1515/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานก่อการขบถและการเปลี่ยนแปลงราชประเพณีการปกครอง โดยอ้างรัฐธรรมนูญฉบับอื่น
ฟ้องโจทก์กล่าวว่า จำเลยกับพวกสะสมกำลังเครื่องศาสตราวุธ สมคบกันตระเตรียมการและพยายามก่อการขบถช่วยกันปกปิดความผิด ไม่นำความไปร้องเรียน และได้สมคบกันลงมือกระทำการขบถ ทั้งได้บรรยายรายละเอียดแห่งการกระทำของจำเลยไว้โดยชัดแจ้งแล้วย่อมเป็นฟ้องที่ถูกต้องตาม ป.ม.วิ.อาญา มาตรา 158 โจทก์ไม่จำต้องกล่าวเจาะจงจำเลยเป็นคน ๆ ไปว่าผู้ใดกระทำอย่างใด ที่ไหน เวลาใดบ้าง
รัฐธรรมนูญแต่ละฉบับเป็นหลักแห่งการปกครองพระราชอาณาจักรแต่ละฉบับย่อมมีบทบัญญัติแตกต่างกันราชประเพณีการปกครองย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามรัฐธรรมนูญนั้น การที่จำเลยนำเอารัฐธรรมนูญแห่งประเทศไทยฉบับอื่นมาใช้แทนรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันนับว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงราชประเพณีการปกครองพระราชอาณาจักร
รัฐบาลที่ได้ตั้งขึ้นตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญที่ใช้บังคับอยู่ในขณะนั้นได้เข้าครอบครองและบริหารราชการแผ่นดินด้วยความสำเร็จเด็ดขาดและรักษาความสงบเรียบร้อยของประเทศชาติตลอดมา เป็นที่ยอมรับนับถือกันทั่วไปว่าเป็นรัฐบาลอันสมบูรณ์มาช้านานจนบัดนี้ ย่อมถือว่าเป็นรัฐบาลอันชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1212/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สถานะสัญชาติไทยของบุคคลเกิดในไทยที่มีบิดาเป็นชาวต่างชาติภายหลังพ.ร.บ.สัญชาติ (ฉบับที่ 2) 2496
คนต่างด้าวที่เกิดในประเทศไทยได้ขอรับใบสำคัญประจำตัวตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนคนต่างด้าวแล้วย่อมขาดจากสัญชาติไทยตามพระราชบัญญัติสัญชาติ (ฉบับที่ 2)2496 มาตรา 5
คนต่างด้าวได้ยื่นฟ้องต่อศาล ขอให้แสดงว่ามีสัญชาติไทยก่อนใช้พระราชบัญญัติสัญชาติ ฉบับที่ 2 ก็ตามหามีผลให้คนต่างด้าวมีสัญชาติไทยไม่
พระราชบัญญัติสัญชาติ (ฉบับที่ 2)2496 ไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 881/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในทรัพย์สินของคนไทย: พนักงานเจ้าหน้าที่ไม่มีอำนาจขัดขวางการจดทะเบียนโดยไม่ชอบ
ไม่มีบทกฎหมายในที่ใดว่า คนไทยจะถือกรรมสิทธิที่ดินจะต้องได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้รับจดทะเบียนก่อน หรือว่าจะมีกฎหมายให้อำนาจพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้รับจดทะเบียนให้หน่วงเหนียวขัดขวางการรับจดทะเบียนไว้ตามอำเภอใจ พ.ร.บ.ว่าด้วยพนักงานเจ้าหน้าที่จดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พ.ศ. 2486 ซึ่งแก้ไข พ.ศ.2492 ก็ได้แต่เพียงบัญญัติให้บุคคลตามตำแหน่งหน้าที่ระบุไว้เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ขึ้นตามประมวลกฎหมายเท่านั้น หาได้ม่ข้อควาามใดที่จะให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจอนุญาตการซื้อขาย หรือหน่วงเหนียวขัดขวางหารขอจดทะเบียนนิติกรรมของราษฎรไว้ได้ไม่ ตรงกันข้ามกลับมีบายัญญัติในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 26 ระบุไว้อีกว่า "บุคคลย่อมมีเสรีภาพบริบูรณ์ในทรัพย์สิน ฯลฯ ทั้งนี้ภายใต้บังคับแห่งกฎหมาย" ฉะนั้นการที่ราษฎรคนไทยขอให้นายอำเภอในฐานะพนักงานเจ้าหน้าที่จดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ดำเนินการเพื่อทำนิติกรรมซื้อขายที่ดินให้ตน แต่นายอำเภออ้างว่าผู้ร้องมีบิดาเป็นคนต่างด้าว จึงต้องทำการสอบสวน และส่งเรื่องไปให้กรมที่ดินก่อนตามที่กระทรวงมหาดไทย วางระเบียบไว้ โดยที่ปรากฎอยู่ตามคำพิพากษาของศาลแล้วว่า ผู้นั้นเป็นคนสัญชาติไทย นั้น ย่อมเป็นข้ออ้างที่ปราศจากมูลที่จะหน่วงเหนียวขัดขวางการรับจดทะเบียนนิติกรรมเสียเลย การกระทำนายอำเภอจึงเป็นการกระทำอันมิชอบด้วยกฎหมายย่อมเป็นการกระทำละเมิดและจะอ้างว่า มีบุคคลอื่นใช้ให้ทำก็หาให้พ้นจากความรับผิดไม่ และระเบียบของกระทรวงมหาดไทยดังกล่าวหากจะมีจริงก็มิใช่กฎหมาย และไม่มีกฎหมายอันใด ให้อำนาจให้ออกระเบียบเช่นนั้นได้ ฉะนั้นจะใช้บังคับแก่ประชาชน จนก่อให้เกิดความเสียหายแก่เขานั้น ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 222/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบทรัพย์ของบุคคลที่มิได้รู้เห็นในการกระทำผิดขัดต่อรัฐธรรมนูญ
บทบัญญัติมาตรา 13 ทวิ(1) แห่ง พระราชบัญญัติสำรวจและห้ามกักกันข้าว พ.ศ.2489 แก้ไขเพิ่มเติมโดย พระราชบัญญัติสำรวจและห้ามกักกันข้าว (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2489 มาตรา 6 เฉพาะที่ให้ริบทรัพย์ของบุคคลอื่นที่มิได้รู้เห็นในการกระทำผิดด้วยนั้นเป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยมาตรา 29 และบทบัญญัติโดยเฉพาะดังกล่าวนี้จึงใช้บังคับมิได้ตามความในมาตรา 178 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 222/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบทรัพย์สินของบุคคลที่มิได้รู้เห็นในการกระทำผิดขัดต่อรัฐธรรมนูญ
บทบัญญัติมาตรา 13 ทวิ(1) แห่ง พ.ร.บ.สำรวจ และห้ามกักกันข้าว พ.ศ.2489 แก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ.สำรวจและห้ามกักกันข้าว (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2489 มาตรา 6 เฉพาะที่ให้ริบทรัพย์ของบุคคลอื่นที่มิได้รู้เห็นในการกระทำผิดด้วยนั้น เป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยมาตรา 29 และบทบัญญัติโดยเฉพาะดังกล่าวนี้จึงใช้บังคับมิได้ตามความในมาตรา 178 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1255/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตอำนาจควบคุมทรัพย์สินศัตรู: พ.ร.บ.ต้องให้อำนาจชัดเจน การงดชำระหนี้เกินขอบเขตเป็นโมฆะ
อำนาจออกพระราชกฤษฎีกาจนเป็นการขัดหรือฝ่าฝืนต่อกฎหมายทั่วๆ ไปของบ้านเมืองนั้น จักต้องมีการระบุมอบอำนาจไว้โดยชัดแจ้งในตัว พ.ร.บ.มิฉะนั้นพระราชกฤษฎีกาที่ออกมาเป็นการขัดหรือฝ่าฝืนกฎหมายทั่วไปของบ้านเมืองนั้น ก็จะบังคับใช้ไม่ได้
ข้อความในพระราชกฤษฎีกาควบคุมจัดกิจการหรือทรัพย์สินของบุคคลที่เป็นศัตรูต่อสหประชาชาติ พ.ศ. 2492 (ฉะบับที่ 2) มาตรา 3 ซึ่งให้ยกเลิกมาตรา 6 ในพระราชกฤษฎีกาฉะบับที่ 1 และใช้ความต่อไปนี้แทนว่า "มาตรา 6 ในการควบคุมจัดกิจการหรือทรัพย์สินตามความในพระราชกฤษฎีกานี้ให้คณะกรรมการรักษาเงินที่ได้จากการนั้น ไว้และในระหว่างที่ยังมิได้มีความตกลงของสหประชาชาติในเรื่องนี้ห้ามมิให้จ่ายเงินดังกล่าวแล้ว เว้นแต่ค่าใช้จ่ายดังบัญญัติไว้ในมาตรา 5" นั้น ถ้าจะแปลจนถึงว่าให้คณะกรรมการมีอำนาจงดการชำระหนี้อันถึงกำหนด แก่เจ้าหนี้ตลอดถึงไม่ต้องชำระหนี้ตามคำพิพากษาและทรัพย์สินของลูกหนี้ ไม่ต้องอยู่ในการบังคับชำระหนี้ของเจ้าหนี้แล้ว ก็จะเป็นอำนาจที่มิใช่อำนาจในหลักเกณฑ์และวิธีการควบคุมและจัดทรัพย์สิน เพราะเป็นอำนาจที่คณะกรรมการจะต้องกระทำการฝ่าฝืนขืนขัดต่อกฎหมายทั่วไปของบ้านเมือง โดยมิได้มี พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทำการเช่นนั้น หรือให้อำนาจที่จะให้มีพระราชกฤษฎีกากำหนดเช่นนั้นได้ ฉะนั้นศาลจึงมีอำนาจดำเนินการบังคับคดีแก่คณะกรรมการฯ ผู้เป็นจำเลยให้ชำระหนี้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาของศาลได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 21/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคุ้มครองสัญญาเช่าที่อยู่อาศัยตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า และขอบเขตการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลล่างทั้งสองฟังข้อเท็จจริงต้องกันว่า ห้องรายพิพาทจำเลยใช้เป็นที่อยู่อาศัยได้รับความคุ้มครองจาก พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯโจทก์ย่อมฎีกาไม่ได้ เพราะเป็นปัญหาข้อเท็จจริง
พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน 2490 ใช้บังคับได้ไม่ขัดต่อบทรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด เพราะบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญไม่มีบทห้ามการใช้กฎหมายให้มีผลย้อนหลังในทางแพ่ง
of 2