พบผลลัพธ์ทั้งหมด 12 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 930/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของฟ้องคดีอาญา: ยักยอกทรัพย์, การระบุรายละเอียดการกระทำ, วันเวลา, และเจตนา
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยยักยอกโดยระบุวันเวลาที่จำเลยได้รับมอบหมายทรัพย์จากเจ้าทุกข์ เพื่อนำไปขาย ถ้าขายได้ หรือขายไม่ได้ ก็จะนำทรัพย์เหล่านั้นและเงินค่าขายมาส่งคืนภายใน 10 วัน ได้ระบุวันที่จะคืนด้วย แล้วบรรยายต่อ ไปว่า จำเลยได้รับทรัพย์ไปแล้วไม่นำมาส่งให้เจ้าทุกข์ตามกำหนด จำเลยกลับบังอาจมีเจตนาทุจริต ยักยอกเอา ทรัพย์ดังกล่าวไว้ เจ้าทุกข์ทราบเหตุการณ์ในวันครบกำหนด จึงได้ร้องทุกข์ขอให้เจ้าพนักงานนำคดีขึ้นว่ากล่าว ไป นั้น ดังนี้ ถือได้ว่าเป็นฟ้องที่กล่าวถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่า าจำเลยได้กระทำผิด ข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่ เกี่ยวกับเวลา ฯลฯ พอสมควรให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี เป็นฟ้องอันถูกต้องตาม ป.ม.ว.อาญามาตรา 158 แล้ว./
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 507/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายทรัพย์สินที่อยู่ในความดูแล แต่ไม่ได้ครอบครอง ยึดถือเป็นลักทรัพย์ ไม่ใช่ยักยอกทรัพย์
จำเลยเป็นคนงานของกรมทางผู้บังคับบัญชาใช้ให้จำเลยเฝ้าฟืนหลาของกรมทางไว้ไม่ให้เป็นอันตรายสูญหาย ดังนี้ ถือว่าฟืนหลานั้นไม่ได้อยู่ในความยึดถือครอบครองของจำเลย แต่อยู่กับผู้บังคับบัญชาจำเลย ฉะนั้นเมื่อจำเลยเอาฟืนเหลานั้นไปโดยทุจริตจำเลยก็ย่อมมีความผิดฐานลักทรัพย์, มิใช่ยักยอกทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 184/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ยักยอกเงินบำรุงท้องที่: เงินแผ่นดิน, หน้าที่ปกครองดูแลรักษา, ไม่ต้องมีผู้ร้องทุกข์
เงินบำรุงท้องที่เป็นเงินที่รัฐให้เรียกเก็บเพื่อใช้จ่ายบำรุงความผาสุขของราษฎรในท้องที่ ผู้ใดไม่เสีย เจ้าพนักงานอาจยึดทรัพย์สินมาขายทอดตลาดเอางเงินชำระได้ ฉะนั้นเมื่อเจ้าพนักงานเรียกเก็บเงินนี้มาจาก
ราษฎรได้แล้ว เงินนี้ก็เป็นเงินของแผ่นดิน หาใช่เงินของราษฎรที่เสียภาษีแต่ละคนไม่ และเมื่อสมุห์บัญชีอำเภอรับ
เงินนี้ไว้จากราษฎรในฐานที่เป็นสมุห์บัญชีอำเภอ สมุห์บัญชีอำเภอก็มีหน้าที่รับผิดชอบปกครองดูแลรักษาเงินนี้ไว้
เมื่อสมุห์บัญชีอำเภอยักยอกเงินนี้ไป ก็ย่อมมีผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 131 และในการดำเนินคดี ก็ไม่จำเป็นให้ราษฎรเจ้าของเงินมาร้องทุกข็ขอให้ดำเนินคดี./
ราษฎรได้แล้ว เงินนี้ก็เป็นเงินของแผ่นดิน หาใช่เงินของราษฎรที่เสียภาษีแต่ละคนไม่ และเมื่อสมุห์บัญชีอำเภอรับ
เงินนี้ไว้จากราษฎรในฐานที่เป็นสมุห์บัญชีอำเภอ สมุห์บัญชีอำเภอก็มีหน้าที่รับผิดชอบปกครองดูแลรักษาเงินนี้ไว้
เมื่อสมุห์บัญชีอำเภอยักยอกเงินนี้ไป ก็ย่อมมีผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 131 และในการดำเนินคดี ก็ไม่จำเป็นให้ราษฎรเจ้าของเงินมาร้องทุกข็ขอให้ดำเนินคดี./
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 999/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องฉ้อโกง: การหลอกลวงเกี่ยวกับกรรมสิทธิในทรัพย์สินและการแสดงเจตนาที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง
ฟ้องหาว่า จำเลยยักยอกทรัพย์ แต่มิได้ระบุวันเวลาที่กล่าวหา เป็นแต่ระบุเดือนปีที่กล่าวหาทั้งเดือน และไม่ได้บรรยายด้วยว่าจำเลยได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ดูแลรักษาหรือเก็บรักษาทรัพย์หรือจัดการทรัพย์อย่างใด ๆ นั้น ศาลย่อมไม่รับพิจารณาข้อหาฐานยักยอกทรัพย์
ฟ้องหาว่าจำเลยใช้อุบายหลอกลวงโจทก์ว่าจำเลยเป็นเจ้าของตู้เย็น ขอขายให้โจทก์ ๆ หลงเชื่อรับซื้อไว้ ดังนี้ แม้จะมิได้กล่าวหาว่าหลงเชื่อว่าเป็นทรัพย์ของจำเลยตามที่ใช้อุบายหลอกลวงนั้น คำว่าใช้อุบายหลอกลวงว่าจำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ ก็พอเข้าใจได้ว่า จำเลยเอาความเท็จมากล่าวว่าเป็นของจำเลย และเมื่อพิจารณาประกอบกับฟ้อง+++ ข้อหนึ่ง ที่ว่าโจทก์ไปที่ร้านค้าของจำเลย ปรากฎว่าสิ่งของทั้งหมดไม่ได้อยู่ในร้าน ถามจำเลยๆว่าของ++ เดิมจำเลยเช่ามาจากเจ้าของ++ เจ้าของเอาไปหมดแล้ว เป็นการแสดงว่า ของที่กล่าวไม่ใช่ของจำเลย แต่จำเลยใช้อุบายหลอกลวงว่าเป็นของจำเลย และขายให้โจทก์ จึงเป็นฟ้องที่ศาลควรรับฟ้องไว้พิจารณาตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 304 ได้.
ฟ้องหาว่าจำเลยใช้อุบายหลอกลวงโจทก์ว่าจำเลยเป็นเจ้าของตู้เย็น ขอขายให้โจทก์ ๆ หลงเชื่อรับซื้อไว้ ดังนี้ แม้จะมิได้กล่าวหาว่าหลงเชื่อว่าเป็นทรัพย์ของจำเลยตามที่ใช้อุบายหลอกลวงนั้น คำว่าใช้อุบายหลอกลวงว่าจำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ ก็พอเข้าใจได้ว่า จำเลยเอาความเท็จมากล่าวว่าเป็นของจำเลย และเมื่อพิจารณาประกอบกับฟ้อง+++ ข้อหนึ่ง ที่ว่าโจทก์ไปที่ร้านค้าของจำเลย ปรากฎว่าสิ่งของทั้งหมดไม่ได้อยู่ในร้าน ถามจำเลยๆว่าของ++ เดิมจำเลยเช่ามาจากเจ้าของ++ เจ้าของเอาไปหมดแล้ว เป็นการแสดงว่า ของที่กล่าวไม่ใช่ของจำเลย แต่จำเลยใช้อุบายหลอกลวงว่าเป็นของจำเลย และขายให้โจทก์ จึงเป็นฟ้องที่ศาลควรรับฟ้องไว้พิจารณาตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 304 ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 891/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจสอบสวนคดีต่อเนื่อง: ความผิดเริ่มในพื้นที่หนึ่ง แต่กระทำต่อเนื่องในอีกพื้นที่หนึ่ง ศาลยืนว่าตำรวจท้องที่เดิมมีอำนาจสอบสวนได้
จำเลยได้รับมอบหมายเรือยนต์ลำหนึ่งในเขตท้องที่ตำรวจสถานีปากคลองสาน แล้วจำเลยได้เปลี่ยนแปลงรูปเรือ และถอกเครื่องยนต์ออกในเขตอำเภอเสนาจังหวัดพระนครศรีอยุธยาอันเป็นความผิดต่อเนื่องและกระทำต่อเนื่องกัน ดังนี้ พนักงานตำรวจผู้เป็นพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจปากคลองสานย่อมมีอำนาจทำการสอบสวนคดีนี้ได้ตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 19(3)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1736/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดยักยอกต้องเกี่ยวข้องกับความไว้วางใจของสาธารณะ การเช่าเพื่อรับจ้างไม่เข้าข่าย
ความผิดฐานยักยอกตามมาตรา 319(3) ต้องเป็นการกระทำในกิจการเกี่ยวแก่ความไว้วางใจของสาธารณะชน.
เช่าจักรยานไปขับขี่รับจ้างแล้วยักยอกเสีย เป็นผิดตามมาตรา 314 ไม่ใช่มาตรา 319.
เช่าจักรยานไปขับขี่รับจ้างแล้วยักยอกเสีย เป็นผิดตามมาตรา 314 ไม่ใช่มาตรา 319.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1443/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่สนับสนุนคดีที่เกิดจากการพะนัน และการที่จำเลยไม่ได้รับมอบทรัพย์สินจึงไม่มีความผิด
ฟ้องของโจทก์กล่าวว่า โจทก์กับนางสาวขาวตกลงกันว่า ถ้าเลขท้าย 3 ตัว ของกลางรางวัลที่ 1 สลากกินแบ่งงวดสุดท้ายประจำเดือน มกราคม 2492 ตรงกับเลข 094 ให้โจทก์ได้รับสายสร้อยทองคำ 1 เส้น ราคา 720 บาท ซึ่งมอบหมายให้จำเลยเป็นผู้ดูแลรักษา ต่อมาสลากกล่าวออกตรงเลข 094 โจทก์ไปรับสายสร้อยจากจำเลย จำเลยไม่ได้ยักยอกเอาสายสร้อยนั้นไว้เสียดังนี้ การกระทำของจำเลยดังกล่าวในฟ้อง จำเลยไม่ได้รับมอบหมายสายสร้อยของโจทก์ไว้จากโจทก์ จำเลยจึงยังไม่มีผิด.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 141/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีอาญาขาดอายุความเนื่องจากระยะเวลาร้องทุกข์เกินกำหนดตามกฎหมาย
ฟ้องโจทก์หาว่า จำเลยยักยอกเมื่อเดือนมกราคม 2490 ผู้เสียหายได้ร้องทุกข์เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2490 เป็นเวลาล่วงเลย 3 เดือน คดีย่อมขาดอายุความตาม ก.ม. ลักษณะอาญา มาตรา 80 แล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 117/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความไม่สมบูรณ์ของฟ้องคดียักยอกทรัพย์ กรณีมิได้ระบุวันเวลาการกระทำ
ในคดียักยอกทรัพย์ ฟ้องของโจทก์ไม่ได้กล่าว วันเดือนใดเวลาใด จำเลยคิดทุจริตยักยอกเอาทรัพย์ของเจ้าทรัพย์ไป ดังนี้ ฟ้องของโจทก์ไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 941/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกหุ้นส่วนและการยักยอกทรัพย์สินร่วม ศาลฎีกาเห็นว่าขาดเจตนายักยอก
ผู้เป็นหุ้นส่วนตกลงเลิกหุ้นส่วนแบ่งทุนและกำไรกันทรัพย์สินที่ใช้ในกิจการของหุ้นส่วนก็เอามาตีราคาแบ่งกันแล้ว แม้ผู้เป็นหุ้นส่วนอีกคนหนึ่งจะยังคงครอบครองทรัพย์สินนั้นไว้ต่อไปอีก ถ้าหากมีเจตนาทุจจริตเบียดบังเอาทรัพย์นั้น ก็อาจมีความผิดฐานยักยอก.