คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
วุฒินัยเนติศาสตร์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 101 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 322/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการร้องขอคุ้มครองประโยชน์ในคดีบังคับคดีจำกัดเฉพาะเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาและคู่ความในคดีเท่านั้น
ผู้ร้องเป็นแต่เพียงผู้ที่อ้างตนว่าเป็นเจ้าหนี้ของจำเลย โดยผู้ร้องเป็นโจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้จากจำเลยในคดีหนึ่ง ไม่มีสิทธิอย่างใดที่จะมาร้องขอให้งดการขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลยที่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในอีกคดีหนึ่งได้นำยึดไว้ เพื่อบังคับคดีของเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาได้และผู้ร้องจะไปร้องในคดีที่ผู้ร้องเป็นโจทก์ขอยึดหรืออายัตทรัพย์ดังกล่าวนี้ก่อน คำพิพากษาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 254 ก็ไม่ได้ เพราะต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 290
คู่ความที่เกี่ยวข้องกับคดีเท่านั้นที่จะร้องขอขยายระยะเวลาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 23 ได้ เมื่อผู้ร้องเป็นบุคคลนอกคดี ก็ไม่อาจจะขอให้ศาลสั่งขยายระยะเวลาการขายทอดตลาดเพื่อให้โอกาสผู้ร้องเข้าขอเฉลี่ยทรัพย์ที่ขายนั้นได้
การขอให้ศาลมีคำสั่งเพื่อคุ้มครองประโยชน์ตามวิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษา ป.วิ.พ. ภาค 4 ลักษณะ 1 หมวด 1 นั้น จะกระทำได้แต่เฉพาะผู้ที่เป็นคู่ความในคดีนั้น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 322/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการร้องขอคุ้มครองประโยชน์ในคดีบังคับคดี: ผู้มิใช่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาไม่มีสิทธิ
ผู้ร้องเป็นแต่เพียงผู้ที่อ้างตนว่าเป็นเจ้าหนี้ของจำเลยโดยผู้ร้องเป็นโจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้จากจำเลยในคดีหนึ่ง ไม่มีสิทธิอย่างใดที่จะมาร้องขอให้งดการขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลยที่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในอีกคดีหนึ่งได้นำยึดไว้เพื่อบังคับคดีของเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาได้และผู้ร้องจะไปร้องในคดีที่ผู้ร้องเป็นโจทก์ขอยึดหรืออายัดทรัพย์ดังกล่าวนี้ก่อนคำพิพากษาตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 254 ก็ไม่ได้ เพราะต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290
คู่ความที่เกี่ยวข้องกับคดีเท่านั้นที่จะร้องขอขยายระยะเวลาตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 ได้เมื่อผู้ร้องเป็นบุคคลนอกคดี ก็ไม่อาจจะขอให้ศาลสั่งขยายระยะเวลาการขายทอดตลาดเพื่อให้โอกาสผู้ร้องเข้าขอเฉลี่ยทรัพย์ที่ขายนั้นได้
การขอให้ศาลมีคำสั่งเพื่อคุ้มครองประโยชน์ตามวิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษาตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ภาค 4 ลักษณะ1หมวด 1 นั้น จะกระทำได้แต่เฉพาะผู้ที่เป็นคู่ความในคดีนั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 321/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่รับวินิจฉัย หากประเด็นข้อกฎหมายไม่เป็นสาระแก่คดี
คดีอาญา เมื่อปัญหาข้อกฎหมายที่โจทก์ฎีกาขึ้นมานั้นไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับวินิจฉัยตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 242(1)และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ศาลฎีกาก็พิพากษายกฎีกาของโจทก์เสียได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 321/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่รับพิจารณาเนื่องจากประเด็นไม่เป็นสาระสำคัญต่อการวินิจฉัยคดี
คดีอาญา เมื่อปัญหาข้อกฎหมายที่โจทก์ฎีกาขึ้นมานั้นไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับวินิจฉัยตามป.วิ.พ. มาตรา 242 (1) และป.วิ อาญามาตรา 15 ศาลฎีกาก็พิพากษายกฎีกาของโจทก์เสียได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 297/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เอกชนห้ามปิดกั้นทางหลวงเรียกเก็บเงิน แม้ทางหลวงสัมปทาน สัญญาขัดต่อความสงบเรียบร้อยเป็นโมฆะ
โจทก์ได้รับอนุญาตจากทางการจังหวัดเชียงใหม่ให้ซ่อมสพานและงานดินในถนนสายจากอำเภอแม่แตงถึงอำเภอพร้าวซึ่งเป็นทางที่โจทก์ได้รับอนุญาตให้ใช้โดยเฉพาะ จำเลยได้ทำสัญญาจะช่วยเหลือในการซ่อมสพานและถนน โดยถืออัตรา 12,000 บาท ต่อรถยนต์ของจำเลย 1 คัน ซึ่งเดินรับส่งคนโดยสารในถนนสายนั้น ดังนี้ โจทก์หามีอำนาจเรียกเก็บจากจำเลยตามสัญญาได้ไม่ เพราะเอกชนไม่มีอำนาจปิดกั้นทางหลวงไม่ว่าประเภทใด มิให้บุคคลหรือยวดยานสัญจรไปมา แม้แต่ทางหลวงสัมปทานตาม พ.ร.บ. ทางหลวงสัมปทาน พ.ศ. 2473 มาตรา 30 และสัญญาระหว่างโจทก์จำเลยเช่นนี้ ขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน ตาม ป.พ.พ. มาตรา 113.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 297/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจจำกัดสิทธิใช้ทางสาธารณะและการเรียกเก็บเงินค่าผ่านทางที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อย
โจทก์ได้รับอนุญาตจากทางการจังหวัดเชียงใหม่ให้ซ่อมสะพานและงานดินในถนนสายจากอำเภอแม่แตงถึงอำเภอพร้าวซึ่งเป็นทางที่โจทก์ได้รับอนุญาตให้ใช้โดยเฉพาะ จำเลยได้ทำสัญญาจะช่วยเหลือในการซ่อมสะพานและถนน โดยถืออัตรา 12,000 บาทต่อรถยนต์ของจำเลย 1 คันซึ่งเดินรับส่งคนโดยสารในถนนสายนั้นดังนี้ โจทก์หามีอำนาจเรียกเก็บจากจำเลยตามสัญญาได้ไม่ เพราะเอกชนไม่มีอำนาจปิดกั้นทางหลวงไม่ว่าประเภทใด มิให้บุคคลหรือยวดยานสัญจรไปมา แม้แต่ทางหลวงสัมปทานตามพระราชบัญญติทางหลวงสัมปทาน พ.ศ.2473 มาตรา 30 และสัญญาระหว่างโจทก์จำเลยเช่นนี้ขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 113

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 292/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าสินไหมทดแทนการขาดอุปการะและการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์
โจทก์ไม่ได้เสียค่าขึ้นศาลที่ให้จำเลยจ่ายมีระยะเวลาในอนาคตในศาลชั้นต้น แต่ศาลชั้นต้นก็ได้วินิจฉัยข้อเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนในอนาคตให้ ในชั้นอุทธรณ์ฎีกาได้มีการปิดแสตมป์ไว้แล้ว ฎีกาของโจทก์ก็ขอปิดและได้ย้อนปิดเพิ่มเติมสำหรับศาลชั้นต้นไว้ครบถ้วนเหมือนกัน ศาลฎีกาก็มีอำนาจวินิจฉัยคำขอในอนาคตของโจทก์ได้
ในกรณีขับรถยนต์ชนคนตาย บิดาของผู้ตายย่อมได้รับค่าสินไหมทดแทนการขาดไร้อุปการะจากผู้ทำละเมิด ตาม ป.พ.พ. มาตรา 443 วรรค 3
การสูญเสียบุตรถูกรถยนต์ชนตายนั้น ไม่ต้องด้วยค่าสินไหมทดแทนลักษณะใดในป.พ.พ. บิดาเรียกร้องไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 292/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าสินไหมทดแทนการขาดอุปการะและการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์: ขอบเขตการเรียกร้อง
โจทก์ไม่ได้เสียค่าขึ้นศาลที่ให้จำเลยจ่ายมีระยะเวลาในอนาคตในศาลชั้นต้น แต่ศาลชั้นต้นก็ได้วินิจฉัยข้อเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนในอนาคตให้ในชั้นอุทธรณ์ฎีกาได้มีการปิดแสตมป์ไว้แล้วฎีกาของโจทก์ก็ขอปิดและได้ย้อนปิดเพิ่มเติมสำหรับศาลชั้นต้นไว้ครบถ้วนเหมือนกันศาลฎีกาก็มีอำนาจวินิจฉัยคำขอในอนาคตของโจทก์ได้
ในกรณีขับรถยนต์ชนคนตายบิดาของผู้ตายย่อมได้รับค่าสินไหมทดแทนการขาดไร้อุปการะจากผู้ทำละเมิด ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 443 วรรคสาม
การสูญเสียบุตรถูกรถยนต์ชนตายนั้น ไม่ต้องด้วยค่าสินไหมทดแทนลักษณะใดในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บิดาเรียกร้องไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 271/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดพลาดเรื่องตัวการกู้ยืมและการรับผิดของผู้ค้ำประกัน: เจ้าหนี้ต้องพิสูจน์ความรู้ของเหตุสำคัญผิด
ถ้าเจ้าหนี้สำคัญผิดว่าลูกหนี้มีอำนาจทำการกู้ยืมแทนบริษัทได้ ซึ่งความจริงลูกหนี้ไม่มีอำนาจทำเช่นนั้นได้ เจ้าหนี้มีหน้าที่ต้องพิสูจน์ว่า ผู้ค้ำประกันได้รู้เหตุสำคัญผิดแล้วในขณะที่เข้าทำสัญญาผูกพันตาม ป.พ.พ. มาตรา 681 วรรค 3.
ฟ้องโจทก์ยืนยันว่า ผู้กู้ยืมอันแท้จริงไม่ใช่ลูกหนี้ของโจทก์ ก็เป็นเหตุให้ผู้ค้ำประกันหนี้รายนั้นไม่มีทางจะไปไล่เบี้ยเอาจากผู้กู้และไม่มีสิทธิอันใดเหนือผู้กู้ที่จะเข้ารับช่วงมาจากโจทก์ได้โดยสิ้นเชิง ผู้ค้ำประกันจึงหลุดพ้นความรับผิดตามมาตรา 697.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 271/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของผู้ค้ำประกันเมื่อเกิดความสำคัญผิดเรื่องตัวลูกหนี้ และไม่มีสิทธิไล่เบี้ย
ถ้าเจ้าหนี้สำคัญผิดว่าลูกหนี้มีอำนาจทำการกู้ยืมแทนบริษัทได้ซึ่งความจริงลูกหนี้ไม่มีอำนาจทำเช่นนั้นได้เจ้าหนี้มีหน้าที่ต้องพิสูจน์ว่า ผู้ค้ำประกันได้รู้เหตุสำคัญผิดแล้วในขณะที่เข้าทำสัญญาผูกพันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 681 วรรคสาม
ฟ้องโจทก์ยืนยันว่า ผู้กู้ยืมอันแท้จริงไม่ใช่ลูกหนี้ของโจทก์ก็เป็นเหตุให้ผู้ค้ำประกันหนี้รายนั้นไม่มีทางจะไปไล่เบี้ยเอาจากผู้กู้และไม่มีสิทธิอันใดเหนือผู้กู้ที่จะเข้ารับช่วงมาจากโจทก์ได้โดยสิ้นเชิง ผู้ค้ำประกันจึงหลุดพ้นความรับผิดตามมาตรา 697
of 11