คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน พ.ศ.2489 ม. 16

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 80 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 120/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเช่าช่วงเกิน 10 ปีหลังสัญญาเช่าเดิมหมดอายุ ผู้เช่าไม่มีสิทธิผูกพันกับเจ้าของที่ดิน
1. ผู้ร้องทำสัญญาเช่าอาคารจากจำเลยผู้เป็นเจ้าของอาคาร คือ ไม่ได้เช่าต่อจากผู้ที่เช่าอาคารมาจากเจ้าของอาคาร ย่อมไม่เป็นการเช่าช่วง
2. ในกรณีที่จำเลยเช่าที่ดินของโจทก์ปลูกอาคารมีกำหนด 10 ปี ตกลงกันว่า เมื่อครบ 10 ปีแล้ว อาคารตกเป็นของโจทก์นั้น จำเลยมีอำนาจให้เช่าได้ในฐานะเป็นเจ้าของ แต่หามีอำนาจให้เช่าเกิน 10 ปีไม่ เพราะอำนาจให้เช่าเกิน 10 ปี ย่อมตกอยู่แก่โจทก์ผู้เป็นเจ้าของอาคาร เมื่อจำเลยไม่มีอำนาจให้เช่าเกิน 10 ปี การเช่าเกิน 10 ปี ย่อมไม่ตกมายังโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 569 เมื่อการเช่าไม่ตกมายังโจทก์ ผู้ร้องกับโจทก์ก็ไม่มีนิติสัมพันธ์ต่อกัน ไม่มีฐานะเป็นคู่สัญญาเช่าต่อกัน เมื่อไม่ใช่คู่สัญญา โจทก์ก็ไม่ใช่ผู้ให้เช่า ผู้ร้องอยู่ในอาคารของโจทก์ในฐานละเมิด กรณีไม่อยู่ในข่ายความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขันฯ ผู้ร้องเข้าอยู่ในอาคารของโจทก์โดยอาศัยอำนาจของจำเลย จึงถือว่าเป็นบริวาร
อันดับ 2 ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 21/2505

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1758-1762/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ประเด็นการเช่าเพื่อประกอบการค้าหรืออยู่อาศัยเกิดขึ้นเมื่อจำเลยอ้างเป็นข้อต่อสู้ โจทก์ไม่จำเป็นต้องกล่าวในฟ้อง
ในคดีที่ผู้ให้เช่าฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากตึกแถวที่ให้เช่า จะมีประเด็นว่า จำเลยเช่าเพื่อประกอบการค้าหรือเช่าเพื่ออยู่อาศัยก็ต่อเมื่อจำเลยต่อสู้ว่า จำเลยเช่าเพื่ออยู่อาศัยได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯ เมื่อกรณีจะเกิดเป็นประเด็นต่อเมื่อจำเลยอ้างขึ้นเป็นข้อต่อสู้ โจทก์ไม่จำเป็นต้องกล่าวเป็นประเด็นมาในฟ้อง (ว่าจำเลยเช่าเพื่อประกอบการค้าหรือว่าจำเลยทำการค้าในตึกพิพาท)
เมื่อจำเลยต่อสู้ว่าการเช่าของจำเลยได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯ ก็เป็นหน้าที่ของจำเลยที่จะต้องนำสืบให้รับฟังได้ตามที่ตนอ้าง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1631/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่ยกอ้างสิทธิพิเศษตามกฎหมายควบคุมค่าเช่าในคำให้การ ทำให้จำเลยไม่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย
จำเลยให้การต่อสู้คดีโจทก์หลายประการ ในตอนหนึ่งจำเลยให้การว่าเช่าที่ดินเพื่อปลูกเป็นที่อยู่อาศัย ไม่ได้เช่าเพื่อปลูกเป็นร้านค้าเพราะทำเลที่ดินไม่ใช่ ที่จะทำการค้าได้ ดังนี้ ถือว่าจำเลยไม่ได้อ้างสิทธิพิเศษที่จำเลยจะได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯ ไว้ในคำให้การ
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 20/2505)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1465/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเช่าเพื่ออยู่อาศัยหรือค้าเป็นหลัก กำหนดสิทธิคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
การที่จะถือว่าการเช่าได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน ฯ หรือไม่นั้น จะต้องพิจารณาว่าเช่าเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยหรือไม่เป็นหลัก ถ้าเช่าเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยแม้จะใช้เป็นที่ประกอบธุรกิจการค้า ฯ ด้วย ก็ย่อมได้รับความคุ้มครอง แต่ถ้าไม่ใช่เช่าเพื่อเป็นที่อยู่อาศัย แต่เพื่อประกอบธุรกิจการค้า ฯ แม้จะอยู่อาศัยด้วยก็ไม่ได้รับความคุ้มครอง
การที่จะวินิจฉัยว่าเช่าเพื่ออยู่อาศัยหรือเพื่อการค้านั้น จะต้องคำนึงถึงความเป็นจริงแห่งการเช่าเป็นสำคัญ จะเพ่งเล็งเฉพาะข้อความในสัญญาเป็นประมาณไม่ได้ เช่าที่ดินเนื้อที่เพียง 104 ตารางวา ปลูกบ้านไว้ถึง 8 หลัง ใช้อยู่อาศัยส่วนตัวเพียงหลังเดียว นอกนั้นปลูกให้คนอื่นเช่าเพื่อหาผลประโยชน์จากค่าเช่า แม้สัญญาเช่าจะระบุว่าเช่าเพื่อปลูกบ้านอาศัยก็ตาม การใช้ที่เช่าก็ผิดจากจุดประสงค์ของการเช่าตามที่ระบุไว้ในสัญญาแล้ว แม้จะมีบ้านที่ใช้อยู่อาศัยเองหลังหนึ่ง ก็ยังต้องถือว่าเช่าที่รายนี้เพื่อการค้า
การที่ผู้ให้เช่าที่ดินให้ความยินยอมในการที่ผู้เช่าเอาบ้านให้เช่านั้น หามีผลให้การเช่าเพื่อการค้าเปลี่ยนไปเป็นการเช่าเพื่ออยู่อาศัยไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 584/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเช่าที่ดินเพื่ออยู่อาศัยและข้อยกเว้นตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า: จำเลยต้องนำสืบเพื่อหักล้างข้อกล่าวหา
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเช่าที่ดินของโจทก์ตามสำเนาหนังสือสัญญาเช่าท้ายฟ้อง จำเลยได้ทำที่ดินที่เช่าไปหาผลประโยชน์โดยปลูกเรือนให้ผู้อื่นเช่า จำเลยให้การว่า จำเลยไม่ได้เอาที่ดินที่เช่าไปหาผลประโยชน์ โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่ เพราะจำเลยเช่าปลูกเรือนอาศัยตามสัญญา เช่าข้อ 1 ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯ ชั้นพิจารณาโจทก์จำเลยไม่ติดใจสืบพยานโดยขอให้ศาลวินิจฉัยข้อเดียวว่าจำเลยได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯ หรือไม่ ปรากฏตามสำเนาหนังสือสัญญาเช่าท้ายฟ้องข้อ 1 มีข้อความว่าผู้เช่าขอเช่าที่ดินของผู้ให้เช่าเพื่อปลูกบ้านอยู่เป็นการให้เช่าที่ดินเพื่อปลูกเรือนอยู่อาศัย ตามข้อต่อสู้ของจำเลยซึ่งได้รับความ คุ้มครองตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯ อยู่แล้ว เมื่อโจทก์จำเลยไม่สืบพยานโจทก์ย่อมแพ้คดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 386/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสมยอมเพื่อหลีกเลี่ยงกฎหมายควบคุมค่าเช่า: สิทธิของผู้เช่าช่วง
เดิมที่ดินและตึกพิพาทเป็นของโจทก์ให้ผู้ร้องเช่าอยู่อาศัยอันได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่ามาก่อนแล้วต่อมาโจทก์โอนขายตึกให้จำเลยโดยไม่ขายที่ดินซึ่งมีเนื้อที่เพียงเท่าที่ตัวตึกตั้งอยู่ จำเลยรับซื้อตึกแล้วขอเช่าที่ดินเพียง 1 ปี พอซื้อแล้วจำเลยก็ผิดสัญญาไม่ชำระค่าเช่าที่ดินให้โจทก์เลย โจทก์จึงฟ้องและศาลพิพากษาให้ขับไล่จำเลย ดังนี้ จะเอาผลคำพิพากษานั้นมาบังคับขับไล่ผู้ร้องด้วยหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 216/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สถานะผู้เช่าห้องแถวบนที่ดินเช่า: ไม่ใช่ผู้เช่าที่ดิน แต่เป็นบริวารผู้เช่า
จำเลยเช่าที่ดินของโจทก์ปลูกห้องแถวผู้เช่าห้องแถวจากจำเลยไม่ใช่ผู้เช่าช่วงที่ดินแต่เป็นบริวารของจำเลย
เหมือนฎีกาที่ 377/2500 และ 1000/2503

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1709/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเช่าอยู่ต่อเนื่องแม้มีการย้ายที่อยู่ชั่วคราว สิทธิการเช่ายังไม่ระงับ สิทธิบริวารตามสัญญาเช่าเดิม
ผู้เช่าเป็นตำรวจรถไฟ ได้เช่าห้องพิพาทเพื่ออยู่อาศัยในเขตเทศบาลเมืองนครศรีธรรมราช ต่อมา ผู้เช่าถูกทางราชการสั่งย้ายให้มารับราชการจังหวัดพระนคร โดยไปพักอยู่ที่กองรักษาการณ์รถไฟ จำเลยเป็นภริยาผู้เช่า ไปเรียนวิชาการช่างที่จังหวัดพระนครและไปอยู่หอพัก ทั้ง 2 คนไปแต่ตัวมิได้ขนสิ่งของเครื่องใช้สำหรับครอบครัว มิได้อพยพเอาบุตรและแม่ยายของผู้เช่าตามไปด้วย ที่อยู่ของผู้เช่าและจำเลยในจังหวัดพระนครยังมิได้เป็นหลักแหล่ง โดยเฉพาะที่จำเลยไปเรียนการช่างก็เป็นไปชั่วคราวแล้วจะกลับมาประกอบอาชีพทางจังหวัดนครศรีธรรมราช ก่อนฟ้องคดีนี้จำเลยก็ได้กลับมาอยู่ในห้องพิพาทแล้ว แม้พลตำรวจเกษมย้ายขาดจากตำรวจจังหวัดนครศรีธรรมราชไปประจำกองตำรวจรถไฟ แต่ก็ไม่ปรากฏชัดว่าต้องไปประจำที่จังหวัดพระนครเป็นเด็ดขาดหรือจะต้องควบคุมขบวนรถไฟไปๆ มาๆ ทางไหนบ้าง ในสำมะโนครัวมีชื่อผู้เช่าจำเลยและบุตรอยู่ในห้องพิพาท ผู้เช่ายังคงใช้สิทธิเป็นผู้เช่า โดยให้จำเลยกับบุตรและแม่ยายอยู่ในฐานะบริวาร การเช่ายังไม่ระงับ โจทก์ยังไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยซึ่งเป็นบริวารของผู้เช่า (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 32/2503 และ ครั้งที่ 35/2503)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1709/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเช่าบ้าน: สิทธิของผู้เช่าและบริวารเมื่อผู้เช่าย้ายไปทำงานต่างจังหวัด การเช่ายังไม่ระงับโจทก์ไม่มีสิทธิขับไล่
ผู้เช่าเป็นตำรวจรถไฟ ได้เช่าห้องพิพาทเพื่ออยู่อาศัยในเขตเทศบาลเมืองนครศรีธรรมราช ต่อมาผู้เช่าถูกทางราชการสั่งย้ายให้มารับราชการจังหวัดพระนคร โดยไปพักอยู่ที่กองรักษาการณ์รถไฟ จำเลยเป็นภริยาผู้เช่า ไปเรียนวิชาการช่างที่จังหวัดพระนคร และไปอยู่หอพัก ทั้ง 2 คนไปแต่ตัวมิได้ขนสิ่งของเครื่องใช้สำหรับครอบครัว มิได้อพยพเอาบุตรและแม่ยายของผู้เช่าตามไปด้วย ที่อยู่ของผู้เช่าและจำเลยในจังหวัด พระนครยังมิได้เป็นหลักแหล่ง โดยเฉพาะที่จำเลยไปเรียนการช่างก็เป็นไปชั่วคราวแล้วจะกลับมาประกอบอาชีพทางจังหวัดนครศรีธรรมราช ก่อนฟ้องคดีนี้จำเลยก็ได้กลับมาอยู่ในห้องพิพาทแล้ว แม้พลตำรวจเกษมย้ายขาดจากตำรวจจังหวัดนครศรีธรรมราช ไปประจำกองตำรวจรถไฟ แต่ก็ไม่ปรากฏชัดว่า ต้องไปประจำที่ จังหวัดที่พระนครเป็นเด็ดขาดหรือจะต้องควบคุมขบวนรถไฟไป ๆ มา ๆ ทางไหนบ้าง ในสำมะโนครัวมีชื่อผู้เช่าจำเลยและบุตรอยู่ในห้องพิพาท ผู้เช่ายังคงใช้สิทธิเป็นผู้เช่า โดยให้จำเลยกับบุตรและแม่ยายอยู่ในฐานะบริวาร การเช่ายังไม่ระงับ โจทก์ยังไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยซึ่งเป็นบริวารของผู้เช่า (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 32/2503 และ ครั้งที่ 35/2503)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1449/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าระงับจากอัคคีภัย: การพิจารณาความเสียหายต่อสถานที่เช่าและการสิ้นสุดสัญญา
ในสัญญาเช่าห้องพิพาทเพื่อการค้าซึ่งมีกำหนดเวลาเช่า 3 ปี มีข้อสัญญากันไว้ด้วยว่า หากมีเหตุอัคคีภัยทำให้สถานที่เช่าเป็นอันตรายไปส่วนหนึ่งหรือทั้งหมดก่อนครบ 3 ปี ถึงไม่ต้องบอกล่วงหน้าก็ให้ถือว่าสัญญาขาดอายุตั้งแต่วันเป็นอันตรายนั้น ดังนี้ เมื่อส่วนของห้องพิพาท คือ บานหน้าต่าง 8 บาน และฝาประจันห้องถูกไฟไหม้หมด เช่นนี้ถือได้ว่า ถึงขีดที่จะเรียกว่าส่วนหนึ่งของสถานที่เช่าได้รับอันตรายจากอัคคีภัยอันทำให้สัญญาหมดอายุตามข้อสัญญาได้แล้ว สัญญาเช่าย่อมระงับไปตั้งแต่วันเกิดอัคคีภัยแก่ห้องพิพาทดังกล่าว (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 27/2503)
of 8