คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สารนัยประสาสน์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 186 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 168/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่ยื่นบัญชีระบุพยานตามกำหนดและการไม่อนุญาตให้สืบพยานเพิ่มเติมเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม
ตามทางไต่สวนฟังได้ว่า จำเลยมิได้ยื่นบัญชีระบุพยานไว้ จนกระทั่งสืบพยานโจทก์ไป 2 ปากแล้ว โจทก์ยื่นคำร้องให้ศาลทราบเมื่อศาลสอบถาม ฝ่ายจำเลยกลับยืนยันว่าได้ยื่นบัญชีระบุพยานไว้แล้ว ซึ่งไม่เป็นความจริง เมื่อไม่มีเหตุพิเศษ ก็ไม่สมควรที่จะอนุญาตให้จำเลยอ้างพยานหลักฐานมาสืบอีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 165/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยานหลักฐานในคดีอาญา: คำให้การชั้นสอบสวนที่ไม่สามารถใช้ลงโทษจำเลยได้หากไม่มีพยานเบิกความยืนยัน
ในคดีหาว่าข่มขืนกระทำชำเราโจทก์ไม่สามารถจะได้ตัวผู้เสียหายและมารดาผู้เสียหายมาเบิกความ คงมีแต่คำให้การชั้นสอบสวนที่ให้การว่า จำเลยข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย และมีพนักงานสอบสวนมาเบิกความประกอบกับมีคำเบิกความของผู้ใหญ่บ้านผู้รับแจ้งความจากมารดาผู้เสียหายว่า จำเลย กับพวกได้ฉุดคร่าผู้เสียหายไป ดังนี้ ศาลจะรับฟังพยานหลักฐานดังกล่าวมาลงโทษจำเลยไม่ได้ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 95 (2) เพราะคำให้การชั้นสอบสวนจะรับฟังเป็นประกอบได้ ก็แต่เพียงว่าผู้เสียหายและมารดาให้การไว้ในชั้นสอบสวนเช่นนั้นจริง แต่ความจริงจะเป็นอย่างไรแน่ในชั้นศาล โจทก์จะต้องมีพยานมาเบิกความว่า จำเลยได้กระทำผิดจริง เมื่อชั้นศาลโจทก์ไม่มีพยานมาแสดงว่า จำเลยได้ข่มขืนชำเราผู้เสียหาย เช่นนี้ เพียงคำชั้นสอบสวนก็ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้กระทำผิดดังฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 165/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยานหลักฐานในคดีข่มขืน จำเป็นต้องมีพยานเบิกความต่อหน้าศาล ไม่สามารถใช้เพียงคำให้การชั้นสอบสวนลงโทษได้
ในคดีหาว่าข่มขืนกระทำชำเราโจทก์ไม่สามารถจะได้ตัวผู้เสียหายและมารดาผู้เสียหายมาเบิกความคงมีแต่คำให้การชั้นสอบสวนที่ให้การว่า จำเลยข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายและมีพนักงานสอบสวนมาเบิกความประกอบกับมีคำเบิกความของผู้ใหญ่บ้านผู้รับแจ้งความจากมารดาผู้เสียหายว่าจำเลยกับพวกได้ฉุดคร่าผู้เสียหายไปดังนี้ ศาลจะรับฟังพยานหลักฐานดังกล่าวมาลงโทษจำเลยไม่ได้ ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 95(2)เพราะคำให้การชั้นสอบสวนจะรับฟังประกอบได้ ก็แต่เพียงว่าผู้เสียหายและมารดาให้การไว้ในชั้นสอบสวนเช่นนั้นจริงแต่ความจริงจะเป็นอย่างไรแน่ในชั้นศาล โจทก์จะต้องมีพยานมาเบิกความว่า จำเลยได้กระทำผิดจริง เมื่อชั้นศาลโจทก์ไม่มีพยานมาแสดงว่าจำเลยได้ข่มขืนชำเราผู้เสียหาย เช่นนี้ เพียงคำชั้นสอบสวนก็ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้กระทำผิดดังฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 164/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องในคดีอาญา: จำเลยยังไม่มีสิทธิฎีกาจนกว่าจะมีการประทับฟ้อง
คดีที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งงดการไต่สวนมูลฟ้องและไม่ประทับฟ้องโจทก์ไว้พิจารณา อ้างว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ศาลชั้นต้นไต่ สวนมูลฟ้องดำเนินกระบวนพิจารณาคดีต่อไปนั้น จำเลยยังมิได้อยู่ในฐานะที่จะฎีกาได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 164/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องในคดีอาญาและการไม่อยู่ในฐานะคู่ความก่อนมีคำประทับฟ้อง
คดีที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งงดการไต่สวนมูลฟ้องและไม่ประทับฟ้องโจทก์ไว้พิจารณาอ้างว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องดำเนินกระบวนพิจารณาคดีต่อไปนั้นจำเลยยังมิได้อยู่ในฐานะที่จะฎีกาได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 116/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายด้วยเกี๊ยะจนเกิดบาดแผลบวมนูน ถือเป็นอันตรายแก่กายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295
จำเลยตีผู้เสียหาย 2 คน ด้วยเกี๊ยะฐานแผลถึงบวมนูนแพทย์ผู้ชันสูตรประมาณว่ารักษาหายภายใน 3 วัน และ 2 วัน ตามลำดับ. โจทก์นำสืบว่า ผู้เสียหายรักษา 7 วัน 5 วัน หาย เห็นว่าลักษณะการกระทำของจำเลยและฐานแผลของผู้เสียหายต้องรักษาอยู่หลายวัน ถือได้ว่าเป็นอันตรายแก่กายไม่จำต้องมีโลหิตไหลเป็นอันตรายแก่กายย่อมมีผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 116/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายด้วยเกี๊ยะจนเกิดบาดแผลบวมนูน ถือเป็นอันตรายแก่กายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295
จำเลยตีผู้เสียหาย 2 คน ด้วยเกี๊ยะ ฐานแผลถึงบวมนูน แพทย์ผู้ชันสูตรประมาณว่ารักษาหายภายใน 3 วัน และ 2 วันตามลำดับ โจทก์นำสืบว่า ผู้เสียหาย รักษา 7 วัน 5 วัน หาย เห็นว่าลักษณะการกระทำของจำเลยและฐานแผลของผู้เสียหาย ต้องรักษาอยู่หลายวัน ถือได้ว่าเป็นอันตราย แก่กาย ไม่จำเป็นต้องมีโลหิตไหลเป็นอันตรายแก่กาย ย่อมมีผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 54/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สถานที่เกิดเหตุในฟ้อง ไม่จำเป็นต้องตรงกับสถานที่จับกุม หากไม่แตกต่างในสาระสำคัญ ศาลยังลงโทษได้
การที่โจทก์ฟ้องว่า เหตุเกิดที่ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย ในข้อหาพาคนต่างด้าวหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรไทย จำเลยต่อสู้อ้างฐานที่อยู่ แม้ทางพิจารณาปรากฏว่าจับจำเลยได้ที่ตำบลวัดธาตุ อำเภอเมือง จังหวัดหนองคายก็ตาม แต่เมื่อโจทก์ได้บรรยายไว้ในฟ้องว่า จำเลยไม่พาคนต่างด้าวไปผ่านการตรวจของพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ ทีทำการตรวจคนเข้าเมืองทีใกล้ที่สุด ซึ่งทางพิจารณาได้ความว่า เป็นตำบลในเมืองอำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย เช่นนี้ถือว่า ในข้อสถานที่เกิดเหตุ ทางพิจารณาไม่แตกต่างกับที่โจทก์บรรยายในฟ้องในข้อสาระสำคัญ และจำเลยมิได้หลงข้อต่อสู้อย่างใด ลงโทษตามฟ้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 54/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สถานที่เกิดเหตุในคดีอาญา ไม่ต้องตรงกันทุกประการ หากไม่กระทบสาระสำคัญของข้อกล่าวหา และจำเลยไม่หลงต่อสู้
การที่โจทก์ฟ้องว่า เหตุเกิดที่ตำบลในเมือง อำเภอเมืองจังหวัดหนองคายในข้อหาพาคนต่างด้าวหลบหนี้เข้ามาในราชอาณาจักรไทยจำเลยต่อสู้อ้างฐานที่อยู่ แม้ทางพิจารณาปรากฏว่าจับจำเลยได้ที่ตำบลวัดธาตุ อำเภอเมือง จังหวัดหนองคายก็ตาม แต่เมื่อโจทก์ได้บรรยายไว้ในฟ้องว่าจำเลยไม่พาคนต่างด้าวไปผ่านการตรวจของพนักงานเจ้าหน้าที่ และไม่ไปรายงานตัวต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ ที่ทำการตรวจคนเข้าเมืองที่ใกล้ที่สุด ซึ่งทางพิจารณาได้ความว่าเป็นตำบลในเมือง อำเภอเมืองจังหวัดหนองคายเช่นนี้ถือว่าในข้อสถานที่เกิดเหตุทางพิจารณาไม่แตกต่างกับที่โจทก์บรรยายในฟ้องในข้อสาระสำคัญ และจำเลยมิได้หลงข้อต่อสู้อย่างใดลงโทษจำเลยตามฟ้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 38/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้เครื่องหมายการค้าที่คล้ายกันโดยเจตนาทุจริตและแสวงหาประโยชน์จากชื่อเสียงของผู้อื่น
โจทก์ได้ใช้คำว่า 'แฟ๊บ'(FAB)เป็นเครื่องหมายการค้าสำหรับผงซักฟอกมาช้านานและแพร่หลาย จำเลยจงใจใช้เครื่องหมายการค้าFABให้เหมือนกับเครื่องหมายการค้าของโจทก์สำหรับสินค้าแปรงสีฟันของจำเลย โดยจำเลยเห็นว่าสินค้าของโจทก์ที่มีเครื่องหมายนี้เป็นที่นิยมแพร่หลายเพื่อให้ผู้ซื้อหลงว่าสินค้าที่มีเครื่องหมายนี้เป็นสินค้าของเจ้าของสินค้ารายเดียวกันสินค้าของจำเลยจะได้ขายได้ดีตามที่ผู้คนนิยมเชื่อถือสินค้าที่มีเครื่องหมายนี้มาแล้ว เมื่อโจทก์ไปขอจดทะเบียนเครื่องหมายแฟ๊บ(FAB)สำหรับสินค้าจำพวกแปรงสีฟันปรากฏว่าจำเลยได้ขอจดทะเบียนคำว่าแฟ๊บ(FAB)สำหรับสินค้าจำพวกแปรงสีฟันไว้ก่อนแล้วการกระทำของจำเลยเป็นการแสวงหาประโยชน์โดยอาศัยแอบอิงเอารูปเครื่องหมายการค้าของโจทก์มาเพื่อใช้กับสินค้าของจำเลยโดยเจตนาไม่สุจริต เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต เช่นนี้โจทก์ย่อมมีสิทธิที่จะจดทะเบียนเครื่องหมายการค้ารายนี้ดีกว่าจำเลย
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 16/2502)
of 19