พบผลลัพธ์ทั้งหมด 44 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2144/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความคดีใช้เอกสารปลอม: การได้ตัวผู้ต้องหามาศาลเป็นสำคัญ แม้มีการผัดฟ้อง
ข้อหาความผิดฐานใช้เอกสารปลอมซึ่งต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน3ปีต้องฟ้องและได้ตัวผู้กระทำความผิดมาศาลภายใน10ปีนับแต่วันกระทำความผิดจำเลยกระทำความผิดเมื่อวันที่3ธันวาคม2527วันสุดท้ายของอายุความ10ปีคือวันที่3ธันวาคม2537แม้ว่าเจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยได้เมื่อวันที่28พฤศจิกายน2537และพนักงานสอบสวนอนุญาตให้จำเลยประกันตัวไปในวันเดียวกันต่อมาพนักงานอัยการขอผัดฟ้องโดยไม่ได้นำตัวจำเลยส่งศาลในวันที่30พฤศจิกายน2537แม้ศาลอนุญาตให้ผัดฟ้องได้ก็ยังถือไม่ได้ว่าได้ตัวจำเลยมาอยู่ในอำนาจศาลแล้วเพราะไม่มีการส่งมอบตัวจำเลยต่อศาลเมื่อโจทก์ยื่นฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ในวันที่2ธันวาคม2537โดย ไม่ได้ ตัวจำเลยมาศาล จนกระทั่งถึงวันที่7มีนาคม2538อันเป็นวันนัดไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ก็ไม่มีตัวจำเลยมาศาลคดีโจทก์จึงขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2205/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเอาพินัยกรรมไปเสีย ทำให้เสียหายต่อผู้รับมรดก คดีขาดอายุความ
ฟ. ทำพินัยกรรมมอบแก่พระครูน.เก็บรักษาไว้ ต่อมาจำเลยที่ 1ได้มาขอรับเอาพินัยกรรมดังกล่าวไป แล้วจำเลยที่ 1 ไม่ยอมนำออกมาเปิดเผย เพื่อมิให้โจทก์ได้รับมรดกตามพินัยกรรม เมื่อโจทก์ขอพินัยกรรมจากจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ก็ไม่ยอมให้ดู ดังนี้ จึงเป็นการเอาไปเสียซึ่งพินัยกรรมของ ฟ. ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่โจทก์ จำเลยที่ 1 จึงมีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 188 แต่โจทก์มิได้ฟ้องและได้ตัวจำเลยที่ 1 มายังศาลภายใน10 ปีนับแต่วันกระทำผิดฟ้องโจทก์จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 95(3)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 856/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความคดีผู้ค้ำประกัน: ใช้ระยะเวลาตามกฎหมายอาญาเมื่อมูลเหตุเกิดจากความผิดอาญา
โจทก์ฟ้องจำเลยให้รับผิดในฐานะผู้ค้ำประกัน ส. จำเลยจึงมีสิทธิยกข้อต่อสู้ทั้งหลายซึ่ง ส. มีต่อโจทก์รวมทั้งเรื่องอายุความที่โจทก์อาจฟ้อง ส. เป็นคดีแพ่งขึ้นต่อสู้โจทก์ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 694 การที่โจทก์ฟ้องให้ ส. ชดใช้เงินที่ยักยอกคืนโจทก์ เป็นการฟ้องเรียกค่าเสียหายในมูลละเมิดอันเป็นความผิดมีโทษตามกฎหมายอาญาและศาลพิพากษาแล้วว่า ส. มีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 353 ซึ่งมีระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปีจึงมีอายุความที่จะต้องฟ้องและได้ตัวผู้กระทำความผิดมาภายใน 10 ปี นับแต่วันกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 95(3) กำหนดอายุความทางอาญาจึงยาวกว่าอายุความตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448วรรคแรก ที่กำหนดไว้เพียง 1 ปี นับแต่วันที่ผู้เสียหายรู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้พึงจะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน จึงต้องเอาอายุความที่ยาวกว่ามาใช้บังคับ ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448วรรคสอง โจทก์จึงมีสิทธิฟ้อง ส. ได้ภายใน 10 ปี นับแต่วันที่ส. กระทำความผิดเบียดบังยักยอกเงินของโจทก์ไปโดยทุจริตเมื่อโจทก์ฟ้องจำเลยภายใน 10 ปี นับแต่วันที่ ส. กระทำผิดจึงไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 957/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกำหนดอายุความฟ้องอาญา ต้องพิจารณาจากอัตราโทษตามบทมาตราที่โจทก์ฟ้อง ไม่ใช่โทษที่ศาลตัดสิน
อัตราโทษที่จะนำมาพิจารณากำหนดอายุความฟ้องผู้กระทำผิดตามที่กำหนดไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 95 นั้น ถืออัตราโทษสูงสุดสำหรับความผิดที่บัญญัติไว้ในบทมาตราที่โจทก์ฟ้องเป็นหลักมิใช่ถือตามโทษที่ศาลกำหนดในคำพิพากษาลงแก่จำเลย แม้ศาลฟังว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 ซึ่งวางโทษจำคุกไม่เกินสองปีจะต้องฟ้องภายในอายุความสิบปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 95(3)แต่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,80ซึ่งมีอัตราโทษสูงสุดจำคุกตลอดชีวิตกำหนดอายุความยี่สิบปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 95(1) และคดีนี้เหตุเกิดวันที่ 6ธันวาคม 2517 โจทก์ฟ้องเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2532 จึงไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2440/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องคดีฉ้อโกง: การกระทำความผิดสำเร็จเมื่อได้โฉนด และผลของการฟ้องเกิน 10 ปี
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฉ้อโกงโดยบรรยายฟ้องว่า จำเลยร่วมกันหลอกลวงเอาโฉนดที่ดินของโจทก์ไปตั้งแต่ประมาณต้นเดือนพฤศจิกายน 2494 ดังนี้ ความผิดฐานฉ้อโกงโฉนดสำเร็จตั้งแต่จำเลยได้โฉนดจากโจทก์ไป แม้โจทก์จะได้บรรยายฟ้องต่อไปด้วยว่า เมื่อจำเลยได้โฉนดไปแล้วได้ร่วมกันให้จำเลยที่ 2 โอนรับมรดกและต่อมาจึงโอนใส่ชื่อของจำเลยที่ 1 ก็เห็นได้ว่าเป็นการบรรยายให้เห็นพฤติการณ์ไม่สุจริตของจำเลยเท่านั้น มิใช่ฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยกระทำความผิดอีกกระทงหนึ่ง หรือเป็นการกระทำความผิดต่อเนื่องกับความผิดฐานฉ้อโกงดังกล่าวข้างต้น ความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี อายุความสำหรับความผิดตามมาตรานี้จึงมีเพียง 10 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญ มาตรา 95 (3) โจทก์ฟ้องคดีนี้ เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2522 เป็นเวลาเกินกว่า 10 ปี นับแต่วันกระทำความผิด ฟ้องโจทก์จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายอาญา มาตราดังกล่าว สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์จึงระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (6)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2440/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องคดีฉ้อโกง: การกระทำความผิดสำเร็จเมื่อได้โฉนด และผลของการฟ้องเกิน 10 ปี
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฉ้อโกงโดยบรรยายฟ้องว่าจำเลยร่วมกันหลอกลวงเอาโฉนดที่ดินของโจทก์ไปตั้งแต่ประมาณต้นเดือนพฤศจิกายน 2494 ดังนี้ความผิดฐานฉ้อโกงโฉนดสำเร็จตั้งแต่จำเลยได้โฉนดจากโจทก์ไป แม้โจทก์จะได้บรรยายฟ้องต่อไปด้วยว่า เมื่อจำเลยได้โฉนดไปแล้วได้ร่วมกันให้จำเลยที่ 2 โอนรับมรดกและต่อมาจึงโอนใส่ชื่อของจำเลยที่ 1 ก็เห็นได้ว่าเป็นการบรรยายให้เห็นพฤติการณ์ไม่สุจริตของจำเลยเท่านั้น มิใช่ฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยกระทำความผิดอีกกระทงหนึ่ง หรือเป็นการกระทำความผิดต่อเนื่องกับความผิดฐานฉ้อโกงดังกล่าวข้างต้น ความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี อายุความสำหรับความผิดตามมาตรานี้จึงมีเพียง 10 ปีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 95(3) โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2522 เป็นเวลาเกินกว่า 10 ปี นับแต่วันกระทำความผิด ฟ้องโจทก์จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายอาญา มาตราดังกล่าว สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์จึงระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 39(6)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1880/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฉ้อโกงสำเร็จเมื่อจ่ายเงินที่สาขา แม้ทำผิดที่สำนักงานใหญ่ อายุความไม่ขาด ฟ้องถูกศาล
นำเช็คที่มีผู้ลักมาจากธนาคารโจทก์ไปขอซื้อดร๊าฟท์จากธนาคารโจทก์สำนักงานใหญ่ที่กรุงเทพมหานคร โดยหลอกลวงเจ้าหน้าที่ว่าเป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมายเป็นเหตุให้เจ้าพนักงานที่หลงเชื่อ และออกดร๊าฟท์ให้ไป แล้วนำดร๊าฟท์นั้นไปขอขึ้นเงินจากธนาคารโจทก์สาขาวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ให้จ่ายเงินตามดร๊าฟท์ให้เช่นนี้ เป็นความผิดฐานฉ้อโกงและถือว่าความผิดสำเร็จเมื่อธนาคารสาขาจ่ายเงินให้ตามดร๊าฟท์ โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยต่อศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
เมื่อจำเลยที่ 1 ร่วมกับนายสมานฉ้อโกงโจทก์ แม้คำร้องทุกข์ของโจทก์จะไม่ได้ระบุชื่อจำเลยที่ 1 แต่ระบุให้ดำเนินคดีอาญาฐานฉ้อโกงกับนายสมานกับพวก ดังนี้ย่อมถือว่า โจทก์ร้องทุกข์ขอให้ดำเนินคดีฐานฉ้อโกงภายในสามเดือน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 96 แล้ว แม้จะนำคดีมาฟ้องหลังจากวันที่รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิดเกินกว่าสามเดือน แต่อยู่ภายในสิบปีนับแต่วันกระทำผิด คดีไม่ขาดอายุความ
เมื่อจำเลยที่ 1 ร่วมกับนายสมานฉ้อโกงโจทก์ แม้คำร้องทุกข์ของโจทก์จะไม่ได้ระบุชื่อจำเลยที่ 1 แต่ระบุให้ดำเนินคดีอาญาฐานฉ้อโกงกับนายสมานกับพวก ดังนี้ย่อมถือว่า โจทก์ร้องทุกข์ขอให้ดำเนินคดีฐานฉ้อโกงภายในสามเดือน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 96 แล้ว แม้จะนำคดีมาฟ้องหลังจากวันที่รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิดเกินกว่าสามเดือน แต่อยู่ภายในสิบปีนับแต่วันกระทำผิด คดีไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 59/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องค่าเสียหายจากความผิดทางอาญา: ใช้ตามอายุความอาญา ไม่ใช่ละเมิด
จำเลยกระทำให้เกิดเพลิงไหม้โดยประมาท ทำให้ทรัพย์ของโจทก์เสียหายเป็นมูลความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 225ซึ่งมีอายุความฟ้องร้อง 10 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 95(3) สิทธิของผู้เสียหายที่จะฟ้องเรียกค่าเสียหายต้องถืออายุความฟ้องทางอาญามาใช้บังคับ หาใช่ถืออายุความ 1 ปีฐานละเมิดไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1207/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องคดีป่าไม้และการไม่เคลือบคลุมของฟ้อง: การพิจารณาอัตราโทษและรายละเอียดการกระทำ
ความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 73พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2503 มาตรา 17 มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000บาท ฉะนั้นจึงต้องถืออายุความฟ้องร้อง 10 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 95(3)
ฟ้องโจทก์ซึ่งบรรยายว่า 'ฯลฯ ระหว่างวันที่ 1 ธันวาคม2506 ถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2507 ฯลฯ' ประกอบข้อความว่า'ฯลฯได้มีพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ป่าบางน้ำจืดบางส่วนในท้องที่ตำบลบางสน อำเภอปทิว จังหวัดชุมพร เป็นป่าคุ้มครอง และจำเลยได้ทำลายป่า และตัดฟันไม้หวงห้ามในเขตป่าสงวนแห่งชาติรวมเนื้อที่ 3 ไร่ 2 งาน 90 ตารางวา โดยมิได้รับอนุญาต ฯลฯ' ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
ฟ้องโจทก์ซึ่งบรรยายว่า 'ฯลฯ ระหว่างวันที่ 1 ธันวาคม2506 ถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2507 ฯลฯ' ประกอบข้อความว่า'ฯลฯได้มีพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ป่าบางน้ำจืดบางส่วนในท้องที่ตำบลบางสน อำเภอปทิว จังหวัดชุมพร เป็นป่าคุ้มครอง และจำเลยได้ทำลายป่า และตัดฟันไม้หวงห้ามในเขตป่าสงวนแห่งชาติรวมเนื้อที่ 3 ไร่ 2 งาน 90 ตารางวา โดยมิได้รับอนุญาต ฯลฯ' ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1207/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องคดีป่าไม้ และการวินิจฉัยฟ้องเคลือบคลุม: ป่าไม้, อายุความ 10 ปี, ฟ้องชัดเจน
ความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 73พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2503 มาตรา 17 มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท ฉะนั้นจึงต้องถืออายุความฟ้องร้อง 10 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 95(3)
ฟ้องโจทก์ซึ่งบรรยายว่า "ฯลฯระหว่างวันที่ 1 ธันวาคม 2506 ถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2507 ฯลฯ" ประกอบข้อความว่า"ฯลฯได้มีพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ป่าบางน้ำจืดบางส่วนในท้องที่ตำบลบางสนอำเภอปทิว จังหวัดชุมพร เป็นป่าคุ้มครอง และจำเลยได้ทำลายป่า และตัดฟันไม้หวงห้ามในเขตป่าสงวนแห่งชาติรวมเนื้อที่ 3 ไร่ 2 งาน 90 ตารางวา โดยมิได้รับอนุญาต ฯลฯ" ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
ฟ้องโจทก์ซึ่งบรรยายว่า "ฯลฯระหว่างวันที่ 1 ธันวาคม 2506 ถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2507 ฯลฯ" ประกอบข้อความว่า"ฯลฯได้มีพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ป่าบางน้ำจืดบางส่วนในท้องที่ตำบลบางสนอำเภอปทิว จังหวัดชุมพร เป็นป่าคุ้มครอง และจำเลยได้ทำลายป่า และตัดฟันไม้หวงห้ามในเขตป่าสงวนแห่งชาติรวมเนื้อที่ 3 ไร่ 2 งาน 90 ตารางวา โดยมิได้รับอนุญาต ฯลฯ" ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม