พบผลลัพธ์ทั้งหมด 566 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 362/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยอมเสียสิทธิในการฟ้องจำเลยที่ 1 หลังศาลชั้นต้นตัดสินแล้ว ไม่อาจฎีกาใหม่ได้
โจทก์ฟ้องขอบังคับให้จำเลยที่ 1 (ตัวแทน) จำเลยที่ 2 (ตัวการ) ร่วมกันและแทนกันใช้เงินค่าสินค้าที่จำเลยที่ 1 ซื้อไปจากโจทก์ พร้อมด้วยดอกเบี้ยแก่โจทก์ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 2 เท่านั้นใช้เงินค่าสินค้าแก่โจทก์พร้อมทั้งดอกเบี้ยส่วนฟ้งอของโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 ให้ยกเสียจำเลยที่ 2 เท่านั้นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องของโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 ด้วย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นดังนี้ โจทก์จะฎีกาขอให้จำเลยที่ 1 รับผิดตามฟ้องอีกหาได้ไม่ ต้องถือว่าคดีสำหรับจำเลยที่ 1 เป็นอันยุติลงตามกระบวนความเพียงแค่ศาลชั้นต้นไปแล้ว โจทก์คงฎีกาได้เฉพาะที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 2 เท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 321/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีความมั่นคงต่อศาลทหาร และการขอปล่อยชั่วคราวต่อศาลพลเรือน
ผู้ร้องถูกหาว่ากระทำการอันเป็นคอมมิวนิสต์ และกระทำความผิดต่อความมั่นคงของรัฐ ได้ถูกฟ้องเป็นจำเลยที่ศาลทหารในเวลาไม่ปกติ (สังกัดกระทรวงกลาโหม) ซึ่งศาลนั้นได้สั่งประทับฟ้องและออกหมายขังผู้ร้องไว้ ณ เรือนจำชั่วคราว ผู้ร้องจะมาร้องขอให้ศาลอาญาซึ่งเป็นศาลพลเรือนสั่งปล่อยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 90 หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 305/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตเพื่อป้องกันส่วนได้เสียของตนเองในฐานะกรรมการ ไม่เข้าข่ายหมิ่นประมาท
จำเลยพูดว่า "ทนายความเมืองร้อยเอ็ดคบไม่ได้เป็นนกสองหัว เหยียบเรือสองแคม เป็นมวยล้ม......" โดยจำเลยพูดในที่ประชุมใหญ่สมาชิกร้านสหกรณ์ประจำปีในฐานะเป็นกรรมการร้านสหกรณ์ ซึ่งจำเลยต้องแสดงถึงเหตุผลที่ไปจ้างทนายความจากกรุงเทพฯมาว่าความของร้านสหกรณ์ และพูดเพื่อป้องกันตนให้พ้นข้อหา การกระทำของจำเลยเป็นการกล่าวแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต เพื่อป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนผู้เป็นกรรมการร้านสหกรณ์นั้นตามคลองธรรม กรณีต้องด้วยประมวลกฎหมายอาญามาตรา 329 จำเลยไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 305/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแสดงความคิดเห็นเพื่อป้องกันตนในฐานะกรรมการสหกรณ์ ไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท
จำเลยพูดว่า 'ทนายความเมืองร้อยเอ็ดคบไม่ได้ เป็นนกสองหัวเหยียบเรือสองแคมเป็นมวยล้ม.....' โดยจำเลยพูดในที่ประชุมใหญ่สมาชิกร้านสหกรณ์ประจำปีในฐานะเป็นกรรมการร้านสหกรณ์ ซึ่งจำเลยต้องแสดงถึงเหตุผลที่ไปจ้างทนายความจากกรุงเทพฯ มาว่าความของร้านสหกรณ์ และพูดเพื่อป้องกันตนให้พ้นข้อหา การกระทำของจำเลยเป็นการกล่าวแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต เพื่อป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนผู้เป็นกรรมการร้านสหกรณ์นั้นตามคลองธรรมกรณีต้องด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329 จำเลยไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 257/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปลอมแปลงเอกสารตามคำสั่ง หากไม่มีเจตนาทุจริตและไม่ก่อให้เกิดความเสียหาย ไม่เป็นความผิด
จำเลยถูกฟ้องหาว่าทำปลอมเอกสาร(จดหมายของผู้เสียหาย) ขึ้นทั้งฉบับ และใช้เอกสาร(จดหมาย)ปลอมนั้น เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยทำเอกสาร(จดหมาย) นั้นขึ้นตามคำสั่งของผู้เสียหายแล้ว การกระทำของจำเลยก็ไม่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น หรือประชาชน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 237/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์การเช่าจากที่อยู่อาศัยเป็นเชิงพาณิชย์ ทำให้ไม่ได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
แม้ในชั้นแรก ผู้เช่าจะใช้ตึกพิพาทเป็นที่อยู่อาศัยก็ตาม แต่ต่อมาเมื่อผู้เช่าได้ใช้ตึกพิพาทเป็นที่ประกอบการค้าแล้วผู้เช่าย่อมไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าเคหะและที่ดินฯและโดยที่เรื่องนี้เป็นปัญหาข้อกฎหมาย ศาลจึงย่อมวินิจฉัยได้โดยไม่ต้องสืบพยาน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 237/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เปลี่ยนวัตถุประสงค์การเช่าจากที่อยู่อาศัยเป็นค้า ศาลไม่คุ้มครองตามพ.ร.บ.ควบคุมเช่า
แม้ในชั้นแรก ผู้เช่าจะใช้ตึกพิพาทเป็นที่อยู่อาศัยก็ตาม แต่ต่อมาเมื่อผู้เช่าได้ใช้ตึกพิพาทเป็นที่ประกอบการค้าแล้ว ผู้เช่าย่อมไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดินฯ และโดยที่เรื่องนี้เป็นปัญหาข้อกฎหมาย ศาลจึงย่อมวินิจฉัยได้โดยไม่ต้องสืบพยาน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 211/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นายจ้างต้องรับผิดร่วมกับลูกจ้าง เมื่อลูกจ้างประมาทขณะปฏิบัติงานตามที่ได้รับมอบหมาย
นายจ้างใช้ลูกจ้างซึ่งมีหน้าที่ทำงานทั่วไปของนายจ้างให้ขับรถยนต์ไปเอาเสื้อผ้า เมื่อลูกจ้างขับรถโดยประมาทไปชนคนจนถึงแก่ความตาย นายจ้างจะต้องร่วมรับผิด เพราะถือได้ว่าลูกจ้างได้กระทำไปในทางการที่จ้าง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 211/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นายจ้างต้องรับผิดชอบต่อการกระทำโดยประมาทของลูกจ้างขณะปฏิบัติงานตามหน้าที่
นายจ้างใช้ลูกจ้างซึ่งมีหน้าที่ทำงานทั่วไปของนายจ้างให้ขับรถยนต์ไปเอาเสื้อผ้าเมื่อลูกจ้างขับรถโดยประมาทไปชนคนจนถึงแก่ความตาย นายจ้างจะต้องร่วมรับผิด เพราะถือได้ว่าลูกจ้างได้กระทำไปในทางการที่จ้าง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 170/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาออกเช็ค - เช็คยังไม่สมบูรณ์ - สัญญาจะซื้อขายที่ไม่สมบูรณ์ - การไม่มีมูลหนี้
ผู้เสียหายขายที่ดินให้จำเลยราคาเท่าจำนวนเงินในเช็ค แต่ทำสัญญาจะซื้อขายกำหนดราคาเพิ่มขึ้นอีก 2 เท่าของจำนวนเงินในเช็คโดยรู้กันว่าเพื่อจะให้จำเลยวิ่งเต้นนำที่ดินไปจำนองธนาคารในราคาสูงกว่าที่ซื้อโดยไม่คิดจะไถ่จำนอง จำนวนเงินจำนองที่สูงกว่าจำนวนเงินในเช็คให้ตกเป็นของจำเลยผู้วิ่งเต้นจำนอง ทั้งนี้โดยผู้เสียหายรู้ดีว่าจำเลยไม่มีเงินฝากในธนาคารพอจ่าย และการออกเช็คก็เพื่อให้สมรูปกับการอำพรางว่ามีการวางมัดจำตามที่ระบุไว้ในสัญญาจะซื้อขาย ผู้เห็นสัญญาจะได้เห็นจริงเห็นจังไปด้วย
เช็คฉบับนี้จะเกิดมูลหนี้ต่อกันก็เมื่อจำเลยทำจำนองได้เงินมาแล้วเท่านั้น เมื่อผู้เสียหายกลับนำเช็คไปขอรับเงินทั้งที่รู้ว่าจำเลยยังทำจำนองไม่ได้ ก็ต้องถือว่าเช็คยังไม่สมบูรณ์และยังไม่ถึงกำหนดจ่ายเงินตามเช็คนั้น จำเลยไม่ความผิดฐานออกเช็คโดยเจตนาไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คด และไม่มีความผิดฐานออกเช็คโดยในขณะที่ออกไม่มีเงินอยู่ในบัญชีอันจะพึงใช้เงินได้
เช็คฉบับนี้จะเกิดมูลหนี้ต่อกันก็เมื่อจำเลยทำจำนองได้เงินมาแล้วเท่านั้น เมื่อผู้เสียหายกลับนำเช็คไปขอรับเงินทั้งที่รู้ว่าจำเลยยังทำจำนองไม่ได้ ก็ต้องถือว่าเช็คยังไม่สมบูรณ์และยังไม่ถึงกำหนดจ่ายเงินตามเช็คนั้น จำเลยไม่ความผิดฐานออกเช็คโดยเจตนาไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คด และไม่มีความผิดฐานออกเช็คโดยในขณะที่ออกไม่มีเงินอยู่ในบัญชีอันจะพึงใช้เงินได้