คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
บริรักษ์จรรยาวัตร

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 571 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1025/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บุคคลภายนอกผู้รับประโยชน์จากสัญญาชำระหนี้แทนโจทก์ มีอำนาจฟ้องเรียกหนี้ได้
โจทก์กู้เงินธนาคารไปให้ ช.กับผู้อื่นหมุนซื้อที่ดิน ต่อมาช. กับจำเลยทำสัญญากันว่า ช. ยอมยกที่ดินให้จำเลยและจำเลยยอมรับภาระชำระหนี้ที่โจทก์เป็นลูกหนี้ธนาคารอยู่นั้น ดังนี้ โจทก์ย่อมเป็นบุคคลภายนอกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 374 ที่จะได้รับประโยชน์จากการชำระหนี้ตามสัญญาที่กล่าวนั้น คือ จำเลยจะชำระหนี้ธนาคารแทนโจทก์ เมื่อโจทก์ได้แสดงเจตนารับประโยชน์ตามสัญญานั้นแล้ว แต่จำเลยไม่ปฏิบัติตามสัญญา ทำให้โจทก์ต้องกู้เงินมาใช้หนี้ธนาคารเองโจทก์ย่อมฟ้องเรียกร้องให้จำเลยชำระเงินตามสัญญานั้นแก่โจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1025/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บุคคลภายนอกรับประโยชน์จากสัญญาชำระหนี้แทนกัน: สิทธิฟ้องเรียกร้องของโจทก์
โจทก์กู้เงินธนาคารไปให้ ข.กับผู้อื่นหมุนซื้อที่ดิน ต่อมา ข. กับจำเลยทำสัญญากันว่า ข.ยอมยกที่ดินให้จำเลยและจำเลยยอมรับภาระชำระหนี้ที่โจทก์เป็นลูกหนี้ธนาคารอยู่นั้น ดังนี้ โจทก์ย่อมเป็นบุคคลากรภายนอกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มารตรา 375 ที่จะได้รับประโยชน์จากการชำระหนี้ตามสัญญาที่กล่าวนั้น คือ จำเลยจำชำระหนี้ธนาคารแทนโจทก์ เมื่อโจทก์ได้แสดงเจตนารับประโยชน์ตามสัญญานั้นแล้ว แต่จำเลยไม่ปฎิบัติตามสัญญาทำให้โจทก์ต้อกู้เงินมาใช้หนี้ธนาคารเอง โจทก์ย่อมฟ้องเรียกร้องให้จำเลยชำระเงินตามสัญญานั้นแก่โจทก์ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1022-1024/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิครอบครองที่ดิน แม้มี พ.ร.บ.เวนคืน แต่เจ้าหน้าที่จะเข้าครอบครองได้ต่อเมื่อได้ใช้เงินค่าทดแทน
โจทก์จับจองที่พิพาทและได้ขอคำรับรองการทำประโยชน์จากนายอำเภอภายในกำหนด 180 วันตามมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 แล้ว แต่นายอำเภองดเสียเองเพราะเหตุนอกเหนือประมวลกฎหมายที่ดินนั้น จะถือว่าที่ดินพิพาทปลอดจากการจับจองเพราะโจทก์มิได้ขอคำรับรองว่าทำประโยชน์แล้วตามมาตรา 7 มิได้
แม้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทที่ต้องเวนคืนจะตกมาเป็นของเจ้าหน้าที่ตั้งแต่วันใช้บังคับพระราชบัญญัติเวนคืนแล้วก็ตามแต่เจ้าหน้าที่จะมีสิทธิเข้าครอบครองที่พิพาทนั้นได้ก็ต่อเมื่อได้ใช้หรือได้วางเงินค่าทดแทนแล้ว หากยังไม่ได้ใช้หรือวางเงิน ก็จะอ้างว่าครอบครองได้สิทธิแล้วหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1022-1024/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิครอบครองที่ดินหลังเวนคืน: การขอรับรองการทำประโยชน์และการใช้เงินค่าทดแทน
โจทก์จับจองที่พิพาทและได้ขอคำรับรองการทำประโยชน์จากนายอำเภอภายในกำหนด 180 วันตามมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 แล้ว แต่นายอำเภองดเสียเองเพราะเหตุนอกเหนือประมวลกฎหมายที่ดินนั้น จะถือว่าที่พิพาทปลอดจากการจับจองเพราะโจทก์มิได้ขอคำรับรองว่าทำประโยชน์แล้วตามมาตรา 7 มิได้
แม้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทที่ต้องเวนตืนจะมาเป็นของเจ้าหน้าที่ตั้งแต่วันใช้บังคับพระราชบัญญัติเวนคืนแล้วก็ตาม แต่เจ้าหน้าที่จะมีสิทธิเข้าครอบครองที่พิพาทนั้นได้ก็ต่อเมื่อได้ใช้หรือวางเงินค่าทดแทนแล้ว หากยังไม่ได้ใช้หรือวางเงิน ก็จะอ้างว่าครอบครองได้สิทธิแล้วหาได้ไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1019-1021/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้กฎหมายอาญาที่เป็นคุณแก่จำเลย: เลือกใช้บทลงโทษที่เบากว่า แม้กฎหมายเดิมมีโทษขั้นต่ำ
จำเลยปลอมหนังสือในหน้าที่ตน มีความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 229 มีอัตราโทษอย่างต่ำให้จำคุกตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้ขณะกระทำผิด แต่เมื่อประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 ให้ใช้กฎหมายในส่วนที่เป็นคุณแก่ผู้กระทำผิด จึงต้องใช้มาตรา 161 แห่งประมวลกฎหมายอาญาเป็นบทลงโทษ และในบทความผิดที่จะใช้แก่จำเลยนี้ ไม่มีอัตราโทษจำคุกอย่างต่ำไว้ เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพ ศาลก็ลงโทษจำเลยได้โดยไม่ต้องฟังพยานโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 989/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการบังคับคดีหลังประนีประนอม: สิทธิบังคับคดีแก่ทรัพย์สินนอกเหนือจากจำนอง
โจทก์ฟ้องและมีคำขอให้จำเลยชำระหนี้เงินกู้โดยไม่มีคำขอให้บังคับจำนอง จำเลยทำประนีประนอมยอมความยอมใช้เงินและให้ถือสัญญาจำนองเป็นหลักค้ำประกันต่อไปแล้วศาลพิพากษาตามยอมนั้น คงถือว่าโจทก์มิได้ฟ้องและศาลมิได้พิพากษาให้บังคับจำนอง เป็นแต่เพียงฟ้องและพิพากษาในมูลหนี้สามัญเท่านั้น เมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตามสัญญายอมความ โจทก์ย่อมบังคับคดีแก่ทรัพย์สินของจำเลยนอกเหนือไปจากที่จำนองไว้ได้
การที่ผู้ร้องขัดทรัพย์อ้างว่า ทรัพย์ที่ขอให้ปล่อยนั้นมิใช่ทรัพย์ที่จำเลยจำนองไว้กับโจทก์ในคดีที่มีพฤติการณ์ดังกล่าวมาข้างต้นนั้น ไม่เป็นเหตุที่จะให้ศาลสั่งถอนการยึดได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 989/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตบังคับคดีหลังยอมความ: ฟ้องหนี้สามัญ มิใช่บังคับจำนอง ยึดทรัพย์นอกจำนองได้
โจทก์ฟ้องและมีคำขอให้จำเลยชำระหนี้เงินกู้โดยไม่มีคำขอให้บังคับจำนอง จำเลยทำประนีประนอมยอมความยอมใช้เงินและให้ถือสัญญาจำนองเป็นหลักค้ำประกันต่อไปแล้วศาลพิพากษาตามยอมนั้น คงถือว่าโจทก์มิได้ฟ้องและศาลมิได้พิพากษาให้บังคับจำนอง เป็นแต่เพียงฟ้องและพิพากษาในมูลหนี้สามัญเท่านั้น เมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตามสัญญายอมความ โจทก์ย่อมบังคับคดีแก่ทรัพย์สินของจำเลยนอกเหนือไปจากที่จำนองไว้ได้
การที่ผู้ร้องขัดทรัพย์อ้างว่า ทรัพย์ที่ขอให้ปล่อยนั้นมิใช่ทรัพย์ที่จำเลยจำนองไว้กับโจทก์ในคดีที่มีพฤติการณ์ดังกล่าวมาข้างต้นนั้น ไม่เป็นเหตุที่จะให้ศาลสั่งถอนการยึดได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 973-974/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจจำกัดของผู้วินิจฉัยอุทธรณ์ภาษี: ห้ามวินิจฉัยประเด็นนอกเหนือการประเมินของเจ้าพนักงาน
ประมวลรัษฎากรมาตรา 31 บัญญัติแต่เพียงว่า การอุทธรณ์ไม่เป็นการทุเลาการเสียภาษี ซึ่งหมายความว่าโจทก์ต้องชำระค่าภาษีทั้ง ๆ ที่อุทธรณ์แล้วเท่านั้น แต่ไม่มีข้อความใดแสดงว่าถ้าไม่เสียภาษีแล้วจะอุทธรณ์คำวินิจฉัยตามมาตรานี้ไม่ได้
การทำคำวินิจฉัยอุทธรณ์ตามประมวลรัษฎากรมาตรา 34 นั้น ผู้ทำคำวินิจฉัยอุทธรณ์จะวินิจฉัยให้ผู้อุทธรณ์เสียภาษีในประเด็นอื่นนอกไปจากรายการที่เจ้าพนักงานประเมินเรียกเก็บหาได้ไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 971/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความมีผลผูกพันคู่สัญญา และไม่ทำให้คดีขาดอายุความ
โจทก์จับจองและครอบครองที่ดินมือเปล่า 100 ไร่เศษ ต่อมาจำเลยเข้าไปอยู่ในที่ของโจทก์แล้วไม่ยอมออกไป อ้างว่าเป็นที่ที่นิคมสร้างตนเองแบ่งให้จำเลย 12 ไร่และจำเลยยังได้บุกเบิกออกไปอีก 20 กว่าไร่ ครั้นเมื่อโจทก์ทราบว่าที่ไม่อยู่ในเขตของนิคม โจทก์ก็ร้องต่ออำเภอขอคืน อำเภอเรียกไปทำการเปรียบเทียบ โจทก์จำเลยตกลงกันว่าจำเลยตกลงเอาที่ดินเพียง 12 ไร่ นอกนั้นเป็นของโจทก์ทั้งหมด อำเภอได้บันทึกข้อตกลงนี้ให้โจทก์จำเลยลงชื่อไว้ถึงแม้ข้อตกลงนี้จะมิได้ระบุให้ชัดว่าที่พิพาทอยู่ตอนไหน คู่กรณีฝ่ายใดได้ที่บริเวณไหนการรังวัดจะต้องทำอย่างไรแต่เรื่องนี้โจทก์จำเลยเข้าใจดีว่าที่พิพาทคือที่ที่จำเลยอ้างว่านิคม ฯ แบ่งให้จำเลย 12 ไร่ และจำเลยก็ได้นำชี้ไว้ในแผนที่กลางแล้ว บันทึกการเปรียบเทียบนี้จึงเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ จำเลยจะอ้างว่าไม่อาจจะระงับข้อพิพาทได้นั้นหาได้ไม่ และผลของสัญญาประนีประนอมนั้นย่อมทำให้การเรียกร้องของจำเลยซึ่งได้ยอมสละนั้นสิ้นไป ทำให้แต่ละฝ่ายได้สิทธิตามที่แสดงไว้ในสัญญาเท่านั้น เมื่อโจทก์มาฟ้องตามสัญญาประนีประนอมยอมความ จำเลยจะอ้างว่าขาดอายุความแล้วโดยจะให้นับระยะเวลาตามที่จำเลยครอบครองที่พิพาทมาดังนี้ หาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 971/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความมีผลผูกพัน สิทธิเรียกร้องเดิมสิ้นไป คดีไม่ขาดอายุความ
โจทก์จับจองและครอบครองที่ดินมือเปล่า 100 ไร่เศษ ต่อมาจำเลยเข้าไปอยู่ในที่ของโจทก์แล้วไม่ยอมออกไป อ้างว่าเป็นที่ที่นิคมสร้างตนเองแบ่งให้จำเลย 12 ไร่ และจำเลยยังได้บุกเบิกออกไปอีก 20 กว่าไร่ ครั้งเมื่อโจท์ทราบว่าที่ไม่อยู่ในเขตของนิคม โจทก์ก็ร้องต่ออำเภอขอที่คืน อำเภอเรียกไปทำการเปรียบเทียบ โจทก์จำเลยตกลงกันว่าจำเลยตกลงเอาที่ดินเพียง 12 ไร่ นอกนั้นเป็นของโจทก์ทั้งหมด อำเภอได้บันทึกข้อตกลงนี้ให้โจทก์จำเลยลงชื่อไว้ ถึงแม้ข้อตกลงนี้จะระบุให้ชัดว่าที่พิพาทอยู่ตอนไหน คู่กรณีฝ่ายใดได้ที่บริเวณไหน การรังวัดจะต้องทำอย่างไร แต่เรื่องนี้โจทก์จำเลยเข้าใจดีว่าที่พิพาทคือที่ที่จำเลยอ้างว่านิคม ฯ แบ่งให้จำเลย 12 ไร่ และจำเลยก็ได้นำชึ้ไว้ในแผนที่กลางแล้ว บันทึกการเปรียบเทียบนี้จึงเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ จำเลยจะอ้างว่าไม่อาจจะระงับข้อพิพาทได้นั้นหาได้ไม่ และผลของสัญญาประนีประนอมยอมความนั้นย่อมทำให้การเรียกร้องของจำเลยซึ่งได้ยอมสละนั้นสิ้นไป ทำให้แต่ละฝ่ายได้สิทธิตามที่แสดงไว้ในสัญญาเท่านั้น เมื่อโจทก์มาฟ้องตามสัญญาประนีประนอมยอมความ จำเลยจะอ้างว่าขาดอายุความแล้ว โดยจะให้นับระยะเวลาตามที่จำเลยครอบครองที่พิพาทมาดังนี้
หาได้ไม่.
of 58