พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,154 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 126/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            อำนาจศาลในการอนุญาตให้ถอนฟ้องหลังจำเลยให้การ แม้จำเลยคัดค้าน
                        
                        ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 175  ที่บัญญัติในเรื่องโจทก์ขอถอนคำฟ้องภายหลังที่จำเลยยื่นคำให้การแล้วนั้น  คงมีข้อห้ามไม่ให้ศาลอนุญาตโดยมิฟังจำเลยหรือผู้ร้องสอดก่อนเท่านั้น  หาได้มีข้อห้ามว่า  ถ้าจำเลยคัดค้านแล้ว  ศาลก็อนุญาตให้ถอนฟ้องไม่ได้  ด้วยเหตุนี้  แม้จำเลยจะคัดค้าน  ศาลย่อมสั่งอนุญาตให้โจทก์ถอนคำฟ้องได้  เพราะเป็นดุลพินิจของศาลที่จะมีคำสั่งตามที่เห็นสมควร
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 102/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            ความรับผิดทางแพ่งจากการชำระค่าอากรผ่านตัวแทน: กรณีเงินค่าอากรถูกยักยอกหรือไม่ได้ชำระ
                        
                        จำเลยให้ลูกจ้างไปชำระค่าอากรเพื่อรับสินค้าต่อกรมศุลกากรและได้รับสินค้าไปแล้วแต่กรมศุลกากรไม่ได้รับชำระค่าอากรจำนวนนั้นค่าลูกจ้างของจำเลยได้ชำระค่าอากรแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ของกรมศุลกากรเอาเงินนั้นไว้เอง ไม่ส่งให้แก่กรมศุลกากรจำเลยก็ไม่ต้องรับผิดชำระค่าอากรนั้น แต่ถ้าลูกจ้างของจำเลยไม่ได้ชำระเงินนั้นให้แก่เจ้าหน้าที่ของกรมศุลกากร แม้จะเป็นโดยเจ้าหน้าที่ของกรมศุลกากรร่วมทุจริตด้วยก็ไม่ทำให้จำเลยพ้นความรับผิด เพราะจำเลยต้องรับผิดชอบในการกระทำของลูกจ้างซึ่งเป็นตัวแทนที่จำเลยใช้ในการชำระหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 220
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 102/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            ความรับผิดของจำเลยต่อการชำระค่าอากรผ่านตัวแทน: กรณีเจ้าหน้าที่ทุจริตหรือไม่ชำระเงิน
                        
                        จำเลยให้ลูกจ้างไปชำระค่าอากรเพื่อรับสินค้าต่อกรมศุลกากร  และได้รับสินค้าไปแล้ว แต่กรมศุลกากรไม่ได้รับชำระค่าอากรจำนวนนั้น  ถ้าลูกจ้างของจำเลยได้ชำระค่าอากรแล้ว  แต่เจ้าหน้าที่ของกรมศุลกากรเอาเงินนั้นไว้เอง  ไม่ส่งให้แก่กรมศุลกากรจำเลยก็ไม่ต้องรับผิดชำระค่าอากรนั้น  แต่ถ้าลูกจ้างของจำเลยไม่ได้ชำระเงินนั้นให้แก่เจ้าหน้าที่ของกรมศุลกากร  แม้จะเป็นโดยเจ้าหน้าที่ของกรมศุลกากรร่วมทุจริตด้วย  ก็ไม่ทำให้จำเลยพ้นความรับผิด  เพราะจำเลยต้องรับผิดชอบในการกระทำของลูกจ้างซึ่งเป็นตัวแทนที่จำเลยใช้ในการชำระหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์  มาตรา 220
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 102/2511
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            ความรับผิดของตัวแทนในการชำระหนี้ค่าอากร: จำเลยต้องรับผิดหากตัวแทนไม่ได้ชำระเงิน แม้เจ้าหน้าที่ทุจริต
                        
                        จำเลยให้ลูกจ้างไปชำระค่าอากรเพื่อรับสินค้าต่อกรมศุลกากร และได้รับสินค้าไปแล้ว. แต่กรมศุลกากรไม่ได้รับชำระค่าอากรจำนวนนั้น. ถ้าลูกจ้างของจำเลยได้ชำระค่าอากรแล้ว. แต่เจ้าหน้าที่ของกรมศุลกากรเอาเงินนั้นไว้เอง ไม่ส่งให้แก่กรมศุลกากร.จำเลยก็ไม่ต้องรับผิดชำระค่าอากรนั้น. แต่ถ้าลูกจ้างของจำเลยไม่ได้ชำระเงินนั้นให้แก่เจ้าหน้าที่ของกรมศุลกากร. แม้จะเป็นโดยเจ้าหน้าที่ของกรมศุลกากรร่วมทุจริตด้วย. ก็ไม่ทำให้จำเลยพ้นความรับผิด. เพราะจำเลยต้องรับผิดชอบในการกระทำของลูกจ้างซึ่งเป็นตัวแทนที่จำเลยใช้ในการชำระหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 220.
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 22/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            ความรับผิดทางละเมิดจากทุจริตการเบิกจ่ายเงิน การตรวจสอบหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ และผลกระทบต่อความเสียหาย
                        
                        ภารโรงในกองยานพาหนะได้ปลอมใบเบิกเงินค่าแรงของคนงานในกองยานพาหนะ โดยปลอมชื่อคนงานและปลอมลายมือชื่อเจ้าหน้าที่กองยานพาหนะที่จะต้องลงชื่อในใบสำคัญนั้นแล้วเอาไปแสดงต่อแผนกบัญชีเพื่อขอรับเงิน เจ้าหน้าที่แผนกบัญชีไม่ได้ตรวจสอบดูความถูกต้องกลับเสนอหัวหน้าแผนกลงชื่อแล้วส่งไปแผนกเงินเพื่อจ่ายเงิน แผนกเงินได้จ่ายเงินโดยผิดระเบียบ กล่าวคือ ไม่ได้จ่ายให้แก่คนงานเป็นรายคนไป กลับจ่ายให้แก่ภารโรงผู้นั้นทั้งหมด แล้วส่งใบสำคัญคืนแผนกบัญชีแผนกบัญชีได้คัดบัญชีใบสำคัญที่จ่ายเงินไปแล้วส่งไปกองยานพาหนะซึ่งจำเลยเป็นเจ้าหน้าที่ประจำเพื่อรับรองความถูกต้องการทุจริตรายนี้สำเร็จลงได้เพราะการกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อของเจ้าหน้าที่แผนกบัญชีและแผนกเงินการทุจริตสำเร็จไปก่อนที่จำเลยจะรับรองความถูกต้องของใบสำคัญนั้นเพราะฉะนั้นถึงแม้จำเลยจะตรวจพบรายการจ่ายเงินอันเนื่องจากการทุจริตหรือกระทำการโดยบกพร่องประการใดก็ตามก็ไม่อาจยับยั้งการจ่ายเงินของแผนกเงินได้ เพราะได้จ่ายเงินไปแล้ว ความเสียหายที่โจทก์ได้รับหาใช่ผลโดยตรงจากการกระทำของจำเลยไม่ จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยได้ทำละเมิดต่อโจทก์
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 22/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            ความรับผิดฐานละเมิดจากการทุจริตของเจ้าหน้าที่อื่น: จำเลยไม่ต้องรับผิดชอบหากความเสียหายเกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่แผนกบัญชีและแผนกเงิน
                        
                        ภารโรงในกองยานพาหนะได้ปลอมใบเบิกเงินค่าแรงของคนงานในกองยานพาหนะ  โดยปลอมชื่อคนงานและปลอมลายมือชื่อเจ้าหน้าที่กองยานพาหนะที่จะต้องลงชื่อในใบสำคัญนั้น  แล้วเอาไปแสดงต่อแผนกบัญชีเพื่อขอรับเงิน  เจ้าหน้าที่แผนกบัญชีไม่ได้ตรวจสอบดูความถูกต้อง  กลับเสนอหัวหน้าแผนกลงชื่อแล้วส่งไปแผนกเงินเพื่อจ่ายเงิน  แผนกเงินได้จ่ายเงินโดยผิดระเบียบ  กล่าวคือ  ไม่ได้จ่ายให้แก่คนงานเป็นรายคนไป    กลับจ่ายให้แก่ภารโรงผู้นั้นทั้งหมด  แล้วส่งใบสำคัญคือแผนกบัญชี  แผนกบัญชีได้คัดบัญชีใบสำคัญที่จ่ายเงินไปแล้วส่งไปกองยานพาหนะซึ่งจำเลยเป็นเจ้าหน้าที่ประจำเพื่อรับรองความถูกต้อง  การทุจริตรายนี้สำเร็จลงได้  เพราะการกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อของเจ้าหน้าที่แผนกบัญชีและแผนกเงิน  การทุจริตสำเร็จไปก่อนที่จำเลยจะรับรองความถูกต้องของใบสำคัญนั้น  เพราะฉะนั้นถึงแม้จำเลยจะตรวจพบรายการจ่ายเงินอันเนื่องจากการทุจริตหรือกระทำการโดยบกพร่องประการใดก็ตาม  ก็ไม่อาจยับยั้งการจ่ายเงินของแผนกเงินได้  เพราะได้จ่ายเงินไปแล้ว  ความเสียหายที่โจทก์ได้รับหาใช่ผลโดยตรงจากการกระทำของจำเลยไม่  จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยได้ทำละเมิดต่อโจทก์
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 22/2511
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            ความรับผิดชอบต่อละเมิดจากการทุจริตของเจ้าหน้าที่อื่น การพิสูจน์ความเสียหายโดยตรง
                        
                        ภารโรงในกองยานพาหนะได้ปลอมใบเบิกเงินค่าแรงของคนงานในกองยานพาหนะ. โดยปลอมชื่อคนงานและปลอมลายมือชื่อเจ้าหน้าที่กองยานพาหนะที่จะต้องลงชื่อในใบสำคัญนั้น. แล้วเอาไปแสดงต่อแผนกบัญชีเพื่อขอรับเงิน เจ้าหน้าที่แผนกบัญชีไม่ได้ตรวจสอบดูความถูกต้อง. กลับเสนอหัวหน้าแผนกลงชื่อแล้วส่งไปแผนกเงินเพื่อจ่ายเงิน. แผนกเงินได้จ่ายเงินโดยผิดระเบียบ กล่าวคือ ไม่ได้จ่ายให้แก่คนงานเป็นรายคนไป. กลับจ่ายให้แก่ภารโรงผู้นั้นทั้งหมด แล้วส่งใบสำคัญคืนแผนกบัญชี. แผนกบัญชีได้คัดบัญชีใบสำคัญที่จ่ายเงินไปแล้วส่งไปกองยานพาหนะซึ่งจำเลยเป็นเจ้าหน้าที่ประจำเพื่อรับรองความถูกต้อง. การทุจริตรายนี้สำเร็จลงได้เพราะการกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อของเจ้าหน้าที่แผนกบัญชีและแผนกเงิน.การทุจริตสำเร็จไปก่อนที่จำเลยจะรับรองความถูกต้องของใบสำคัญนั้น. เพราะฉะนั้นถึงแม้จำเลยจะตรวจพบรายการจ่ายเงินอันเนื่องจากการทุจริตหรือกระทำการโดยบกพร่องประการใดก็ตาม. ก็ไม่อาจยับยั้งการจ่ายเงินของแผนกเงินได้. เพราะได้จ่ายเงินไปแล้ว. ความเสียหายที่โจทก์ได้รับหาใช่ผลโดยตรงจากการกระทำของจำเลยไม่. จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยได้ทำละเมิดต่อโจทก์.
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1476/2510
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            ความรับผิดทางละเมิดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์: ผู้เสียหายมีสิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหายจากผู้ประมาททั้งสองฝ่าย
                        
                        นายพีรพลขับรถโจทก์ไปตามถนนและเกิดชนกันขึ้นกับรถของจำเลยแม้หากศาลฎีกาจะฟังข้อเท็จจริงในคดีอาญาว่า  เหตุที่รถชนกันขึ้นเนื่องจากจำเลยและนายพีรพลต่างขับรถยนต์ด้วยความประมาททั้งสองฝ่ายก็ตามแต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นก็มิใช่เพราะความผิดอย่างหนึ่งอย่างใดของโจทก์ผู้ต้องเสียหายประกอบด้วยแต่ประการใด  ทั้งไม่ปรากฏว่าโจทก์จะต้องร่วมรับผิดกับนายพีรพลตามกฎหมาย ในผลที่นายพีรพลขับรถชนโดยประมาทแต่ประการใดด้วย  โจทก์ในฐานะเจ้าของรถยนต์คันที่นายพีรพลขับจึงย่อมมีสิทธิที่จะฟ้องเรียกค่าเสียหายฐานละเมิดได้ทั้งจากนายพีรพลและจากจำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์  มาตรา 420 และ 424 เพราะทั้งสองฝ่ายต่างคนต่างละเมิดโจทก์ด้วยกัน  ศาลย่อมพิพากษาแบ่งให้จำเลยชำระค่าเสียหายให้โจทก์ตามสมควรได้
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1476/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            ความรับผิดทางละเมิดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์: เจ้าของรถมีสิทธิเรียกร้องจากผู้ขับขี่และคู่กรณี
                        
                        นายพีรพลขับรถโจทก์ไปตามถนนและเกิดชนกันขึ้นกับรถของจำเลยแม้หากศาลฎีกาจะฟังข้อเท็จจริงในคดีอาญาว่า เหตุที่รถชนขึ้นเนื่องจากจำเลยและนายพีรพลต่างขับรถยนต์ด้วยความประมาททั้งสองฝ่ายก็ตามแต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นก็มิใช่เพราะความผิดอย่างหนึ่งอย่างใดของโจทก์ผู้ต้องเสียหายประกอบด้วยแต่ประการใดทั้งไม่ปรากฏว่าโจทก์จะต้องร่วมรับผิดกับนายพีรพลตามกฎหมาย ในผลที่นายพีรพลขับรถชนโดยประมาทแต่ประการใดด้วย โจทก์ในฐานะเจ้าของรถยนต์คันที่นายพีรพลขับจึงย่อมมีสิทธิที่จะฟ้องเรียกค่าเสียหายฐานละเมิดได้ทั้งจากนายพีรพลและจากจำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420 และ 424 เพราะทั้งสองฝ่ายต่างคนต่างละเมิดโจทก์ด้วยกัน ศาลย่อมพิพากษาแบ่งให้จำเลยชำระค่าเสียหายให้โจทก์ตามสมควรได้
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1475/2510
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            การฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ไม่เข้าข้อยกเว้นการป้องกันตัว แม้ถูกทำร้ายก่อน
                        
                        จำเลยเป็นคนงานของผู้ตาย  จำเลยไม่สมัครใจทำงานกับผู้ตายจำเลยขอเงินค่าโดยสารรถจากผู้ตายเพื่อกลับบ้านผู้ตายไม่ให้  จำเลยว่าจะไปขอความช่วยเหลือตำรวจ  ผู้ตายโกรธตบหน้าจำเลย 1 ที และใช้ไม้ข้างถนนตีจำเลย 1 ที  จำเลยใช้ไม้ตีผู้ตายบ้าง  ผู้ตายชักปืนออกจะยิงจำเลย  จำเลยเข้าแย่งปืนจากผู้ตายได้  จำเลยไล่ยิงผู้ตาย  ผู้ตายล้มลงแล้วจำเลยเข้าไปยิงผู้ตาย 2 นัด ดังนี้ จำเลยย่อมมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ไม่ใช่เป็นกรณีป้องกันตัว