พบผลลัพธ์ทั้งหมด 203 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 410/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทในการขับรถทางแยก ส่งผลเสียชีวิตผู้อื่น
บุคคลในภาวะที่ขับรถมาจะสวนกัน คนหนึ่งจะเลี้ยวเข้าทางแยกทางขวามือตนซึ่งจะต้องข้ามทางของรถที่สวนมา และอีกคนหนึ่งก็จะต้องแล่นผ่านทางแยกนั้น และผ่านรถของคนแรกเช่นนั้น จักต้องมีความระมัดระวังตามวิสัยและพฤติการณ์ ดังนี้การที่จำเลยที่ 2 จะเลี้ยวขวาเข้าทางแยก แต่มิได้ระมัดระวังหยุดรอในทางวิ่งรถตน และกลับเข้าไปหยุดรถอยู่ล้ำเข้าไปในทางของรถจำเลยที่ 1 กีดขวางแก่การจราจรรถจำเลยที่ 1 ๆ จะผ่านทางแยกและผ่านรถจำเลยที่ 2 แต่มิได้ระมัดระวังลดความเร็ว ได้แล่นมาอย่างเร็วมาก จะผ่านทางแยกก็เห็นรถจำเลยที่ 2 ตั้งแต่ยังห่าง 6 - 8 เมตร ก็มิได้หยุด มิได้หักหลบ จนเมื่อห่าง 4 เมตร จึงเบรค ความเร็วมากเกินสมควรที่จะหยุดได้ทัน หรือหลบให้พ้น ทำให้ด้านขวาตอนกลางรถ(กะบะ) จำเลยที่ 1 ไม่พ้น และเฉี่ยวถูกด้านขวารถจำเลยที่ 2 ทำให้ปุ่มเหล็กปิดท้ายกะบะโดนหัวนางสาวปราณีซึ่งนั่งในรถจำเลยที่ 2 ตาย ดังนี้ จำเลยทั้งสองจึงชื่อว่ากระทำการขับรถโดยประมาท เป็นเหตุให้นางสาวปราณีตาย ผิดมาตรา 291
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 409/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองที่ดินมือเปล่า ผู้ซื้อที่ได้รับโอนการครอบครองโดยชอบมีสิทธิฟ้องผู้บุกรุกได้
ที่ดินมือเปล่า เมื่อผู้ซื้อได้รับซื้อและรับโอนการครอบครองโดยชอบแล้วผู้ซื้อก็เป็นเจ้าของสิทธิครอบครองตามกฎหมายไม่จำต้องปฏิบัติตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1299 เมื่อมีผู้บุกรุกเข้าแย่งการครอบครอง ผู้ซื้อก็มีอำนาจฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 409/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองที่ดินมือเปล่า ผู้ซื้อที่รับโอนการครอบครองมีอำนาจฟ้องผู้บุกรุกได้ แม้ไม่ปฏิบัติตามมาตรา 1299
ที่ดินมือเปล่า เมื่อผู้ซื้อได้รับซื้อ และรับโอนการครอบครองโดยชอบแล้ว ผู้ซื้อก็เป็นเจ้าของสิทธิครอบครองตามกฎหมาย ไม่จำต้องปฏิบัติตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1299 เมื่อมีผู้บุกรุกเข้าแย่งการครอบครอง ผู้ซื้อก็มีอำนาจฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 405/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับจำนองต้องแจ้งหนี้ให้ลูกหนี้ก่อน หากไม่แจ้งสิทธิบังคับจำนองไม่สมบูรณ์ และปัญหาอำนาจฟ้องเป็นเรื่องความสงบเรียบร้อย
กฎหมายจะรับรองให้ผู้รับจำนองมีสิทธิบังคับจำนองได้ต่อเมื่อผู้รับจำนองได้มีจดหมายบอกกล่าวไปยังลูกหนี้เสียก่อนและลูกหนี้ละเลยไม่ปฏิบัติตาม ฉะนั้นเมื่อโจทก์จะแสวงหาสิทธิ"บังคับจำนอง"โจทก์ก็จะต้องปฏิบัติหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดเสียก่อน
การฟ้องคดีต่อศาลเป็นอำนาจฟ้องตามกฎหมาย และปัญหาเกี่ยวกับอำนาจฟ้อง แม้จะมิได้ยกขึ้นว่ากล่าวในศาลชั้นต้นก็ยกขึ้นในศาลอุทธรณ์ได้ เพราะเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน
การฟ้องคดีต่อศาลเป็นอำนาจฟ้องตามกฎหมาย และปัญหาเกี่ยวกับอำนาจฟ้อง แม้จะมิได้ยกขึ้นว่ากล่าวในศาลชั้นต้นก็ยกขึ้นในศาลอุทธรณ์ได้ เพราะเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 405/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับจำนองต้องแจ้งหนี้ให้ลูกหนี้ก่อน หากไม่แจ้งสิทธิบังคับจำนองไม่มีผล และปัญหาอำนาจฟ้องเป็นความสงบเรียบร้อย
กฎหมายจะรับรองให้ผู้รับจำนองมีสิทธิบังคับจำนองได้ต่อเมื่อผู้รับจำนองได้มีจดหมายบอกกล่าวไปยังลูกหนี้เสียก่อนและลูกหนี้ละเลยไม่ปฏิบัติตามฉะนั้น เมื่อโจทก์จะแสวงหาสิทธิ 'บังคับจำนอง' โจทก์ก็จะต้องปฏิบัติหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดเสียก่อน
การฟ้องคดีต่อศาลเป็นอำนาจฟ้องตามกฎหมายและปัญหาเกี่ยวกับอำนาจฟ้อง แม้จะมิได้ยกขึ้นว่ากล่าวในศาลชั้นต้นก็ยกขึ้นในศาลอุทธรณ์ได้เพราะเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน
การฟ้องคดีต่อศาลเป็นอำนาจฟ้องตามกฎหมายและปัญหาเกี่ยวกับอำนาจฟ้อง แม้จะมิได้ยกขึ้นว่ากล่าวในศาลชั้นต้นก็ยกขึ้นในศาลอุทธรณ์ได้เพราะเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 360/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอนุญาตอุทธรณ์ต้องมีเหตุผลรองรับตามกฎหมาย หากไม่มีถือว่าไม่อนุญาต
ผู้พิพากษาผู้พิจารณาคดีในศาลแขวงได้มีคำสั่งในคดีซึ่งต้องห้ามอุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวง ฯลฯ มาตรา 22 ว่า "รับเป็นอุทธรณ์โจทก์ร่วม สำเนาให้จำเลยแก้ใน 7 วัน" เพียงเท่านี้ยังไม่ถือว่าผู้พิพากษาผู้นั้นได้มีคำสั่งอนุญาตให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง เพราะว่าในคำสั่งมิได้ชี้แจงแสดงเหตุผลว่า ข้อความที่ตัดสินเป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลอุทธรณ์และมีคำสั่งอนุญาตให้อุทธรณ์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 351/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การร่วมกันทำร้ายร่างกายจนผู้เสียหายหน้าเสียโฉม ถือเป็นอันตรายสาหัส จำเลยที่ชูปืนขัดขวางการช่วยเหลือเป็นตัวการ
ลักษณะและสภาพของบาดแผลจะทำให้ผู้เสียหายถึงต้องหน้าเสียโฉมติดตัว เพราะกระโหลกศีรษะตอนหน้าผากจะเป็นรอยบุบยุบเข้าไป เช่นนี้นับได้ว่า ผู้เสียหายรับอันตรายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 297
การที่จำเลยทั้ง 4 วิ่งเข้าไปที่ผู้เสียหายพร้อมกัน แล้วจำเลยที่ 4 ชูปืน พร้อมกับร้องห้ามไม่ให้ผู้อื่นเข้าไปช่วย และในขณะเดียวกัน จำเลยที่ 1 - 2 - 3 ก็เข้ากลุ้มรุมทำร้ายผู้เสียหาย เช่นนี้ ถือว่าจำเลยที่ 4 ร่วมกระทำความผิด เป็นตัวการ
การที่จำเลยทั้ง 4 วิ่งเข้าไปที่ผู้เสียหายพร้อมกัน แล้วจำเลยที่ 4 ชูปืน พร้อมกับร้องห้ามไม่ให้ผู้อื่นเข้าไปช่วย และในขณะเดียวกัน จำเลยที่ 1 - 2 - 3 ก็เข้ากลุ้มรุมทำร้ายผู้เสียหาย เช่นนี้ ถือว่าจำเลยที่ 4 ร่วมกระทำความผิด เป็นตัวการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 351/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การร่วมกระทำผิดทำให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัสจนหน้าเสียโฉม ถือเป็นตัวการ
ลักษณะและสภาพของบาดแผลจะทำให้ผู้เสียหายถึงต้องหน้าเสียโฉมติดตัวเพราะกระโหลกศีรษะตอนหน้าผากจะเป็นรอยบุบยุบเข้าไป เช่นนี้นับได้ว่า ผู้เสียหายรับอันตรายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297
การที่จำเลยทั้ง 4 วิ่งเข้าไปที่ผู้เสียหายพร้อมกันแล้วจำเลยที่ 4 ชูปืนพร้อมกับร้องห้ามไม่ให้ผู้อื่นเข้าไปช่วยและในขณะเดียวกัน จำเลยที่ 1, 2,3 ก็เข้ากลุ้มรุมทำร้ายผู้เสียหายเช่นนี้ ถือว่าจำเลยที่ 4 ร่วมกระทำผิด เป็นตัวการ
การที่จำเลยทั้ง 4 วิ่งเข้าไปที่ผู้เสียหายพร้อมกันแล้วจำเลยที่ 4 ชูปืนพร้อมกับร้องห้ามไม่ให้ผู้อื่นเข้าไปช่วยและในขณะเดียวกัน จำเลยที่ 1, 2,3 ก็เข้ากลุ้มรุมทำร้ายผู้เสียหายเช่นนี้ ถือว่าจำเลยที่ 4 ร่วมกระทำผิด เป็นตัวการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 313-314/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เขตที่ดินติดกัน-คูน้ำ: ข้อสันนิษฐานเจ้าของร่วมและการพิสูจน์สิทธิ
คูพิพาทเป็นเขตระหว่างที่ของโจทก์และจำเลย จึงต้องด้วยข้อสันนิษฐานตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1344 ว่าเจ้าของที่ดินทั้งสองข้างเป็นเจ้าของรวมกันเมื่อจำเลยอ้างว่าคูซึ่งเป็นเขตระหว่างที่โจทก์และจำเลยเป็นของจำเลยแต่ผู้เดียว จำเลยจึงมีหน้าที่นำสืบหักล้างข้อสันนิษฐานของกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 313-314/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อสันนิษฐานเจ้าของรวมในที่ดินติดกัน และอำนาจการรุกล้ำคูคลอง
คูพิพาทเป็นเขตระหว่างที่ของโจทก์และจำเลย จึงต้องด้วยข้อสันนิษฐานตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1344 ว่าเจ้าของที่ดินทั้งสองข้างเป็นเจ้าของรวมกันเมื่อจำเลยอ้างว่าคูซึ่งเป็นเขตระหว่างที่โจทก์และจำเลยเป็นของจำเลยแต่ผู้เดียวจำเลยจึงมีหน้าที่นำสืบหักล้างข้อสันนิษฐานของกฎหมาย