พบผลลัพธ์ทั้งหมด 70 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 267/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ปลอกกระสุนใช้สวมปลายไม้ตะพด ไม่เป็นเครื่องกระสุนปืนตามกฎหมาย
จำเลยมีปลอกกระสุนปืนอยู่เพียง 2 ปลอก และไม่ปรากฏว่าจำเลยมีไว้เพื่ออัดหรือใช้ประกอบเครื่องกระสุนปืน กลับได้ความว่ามีไว้ใช้สวมปลายไม้ตะพด ปลอกกระสุนปืนดังกล่าวจึงไม่มีสภาพเป็นเครื่องหรือสิ่งสำหรับอัดหรือทำหรือใช้ประกอบเครื่องกระสุนปืนตามบทวิเคราะห์ศัพท์มาตรา 3 (2) แห่งพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2501 จำเลยไม่มีความผิดฐานมีเครื่องกระสุนปืนโดยมิได้รับอนุญาต
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 264/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สภาพปลอกกระสุนปืนและลักษณะการใช้งานที่เปลี่ยนไป ไม่ถือเป็นส่วนประกอบอาวุธปืน
ปลอกกระสุนปืนตามสภาพอาจเป็นเครื่องหรือสิ่งสำหรับอัดหรือทำหรือใช้ประกอบเครื่องกระสุนปืนได้ แต่การมีอยู่เพียง 2 ปลอกและได้ความว่ามีไว้ใช้สวมปลายไม้ตะพด ปลอกกระสุนปืนนั้นก็ไม่มีสภาพเป็นเครื่องหรือสิ่งสำหรับอัดหรือทำ หรือใช้ประกอบเครื่องกระสุนปืนเสียแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 198/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สินบริคณห์ เจ้าหนี้มีสิทธิยึดได้ แม้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความภายหลัง เพื่อเลี่ยงการยึดทรัพย์
ทรัพย์สินที่จำเลยและผู้ร้องได้มาระหว่างเป็นสามีภริยากันอันเป็นสินบริคณห์นั้น เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลยย่อมมีสิทธิยึดทรัพย์ได้ ไม่จำเป็นต้องแบ่งแยกเสียก่อน
การที่จำเลยซึ่งเป็นสามีให้การยอมให้โจทก์นำยึดทรัพย์เพื่อใช้หนี้ ต่อมาไม่ถึง 3 เดือน จำเลยกับผู้ร้องซึ่งเป็นภริยามาทำสัญญาประนีประนอมยอมความว่า ผู้ร้องไม่ใช่ภริยาของจำเลย ทรัพย์สมบัติที่มีอยู่เป็นทรัพย์ที่จัดหาและมีขึ้นด้วยทรัพย์สินส่วนตัวของผู้ร้อง เช่นนี้ย่อมเป็นการสมยอมกันจะป้องกันมิให้ทรัพย์พิพาทถูกยึดมาใช้หนี้โจทก์ ฉะนั้น จึงไม่มีผลผูกพันโจทก์อย่างใด
การที่จำเลยซึ่งเป็นสามีให้การยอมให้โจทก์นำยึดทรัพย์เพื่อใช้หนี้ ต่อมาไม่ถึง 3 เดือน จำเลยกับผู้ร้องซึ่งเป็นภริยามาทำสัญญาประนีประนอมยอมความว่า ผู้ร้องไม่ใช่ภริยาของจำเลย ทรัพย์สมบัติที่มีอยู่เป็นทรัพย์ที่จัดหาและมีขึ้นด้วยทรัพย์สินส่วนตัวของผู้ร้อง เช่นนี้ย่อมเป็นการสมยอมกันจะป้องกันมิให้ทรัพย์พิพาทถูกยึดมาใช้หนี้โจทก์ ฉะนั้น จึงไม่มีผลผูกพันโจทก์อย่างใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 198/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สินบริคณห์ถูกยึดชำระหนี้ได้ แม้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความภายหลังได้ หากเป็นการสมยอมเพื่อหลีกเลี่ยงการยึด
ทรัพย์สินที่จำเลยและผู้ร้องได้มาระหว่างเป็นสามีภรรยาอันเป็นสินบริคณห์นั้น เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลยย่อมมีสิทธิยึดทรัพย์ได้ ไม่จำเป็นต้องแบ่งแยกเสียก่อน
การที่จำเลยซึ่งเป็นสามีให้การยอมให้โจทก์นำยึดทรัพย์เพื่อใช้หนี้ ต่อมาไม่ถึง 3 เดือน จำเลยกับผู้ร้องซึ่งเป็นภรรยามาทำสัญญาประนีประนอมยอมความว่า ผู้ร้องไม่ใช่ภรรยาของจำเลย ทรัพย์สมบัติที่มีอยู่เป็นทรัพย์ที่จัดหาและมีขึ้นด้วยทรัพย์สินส่วนตัวของผู้ร้อง เช่นนี้ ย่อมเป็นการสมยอมกัน จะต้องกันมิให้ทรัพย์พิพาทถูกยึดมาใช้หนี้โจทก์ ฉะนั้น จึงไม่มีผลผูกพันโจทก์อย่างใด
การที่จำเลยซึ่งเป็นสามีให้การยอมให้โจทก์นำยึดทรัพย์เพื่อใช้หนี้ ต่อมาไม่ถึง 3 เดือน จำเลยกับผู้ร้องซึ่งเป็นภรรยามาทำสัญญาประนีประนอมยอมความว่า ผู้ร้องไม่ใช่ภรรยาของจำเลย ทรัพย์สมบัติที่มีอยู่เป็นทรัพย์ที่จัดหาและมีขึ้นด้วยทรัพย์สินส่วนตัวของผู้ร้อง เช่นนี้ ย่อมเป็นการสมยอมกัน จะต้องกันมิให้ทรัพย์พิพาทถูกยึดมาใช้หนี้โจทก์ ฉะนั้น จึงไม่มีผลผูกพันโจทก์อย่างใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 174/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ: ประเด็นซื้อขายที่ดินไม่สุจริต และการเรียกร้องค่าเช่าที่ดินจากสัญญาที่ศาลเพิกถอน
คดีก่อนโจทก์ฟ้องจำเลยขอให้ศาลเพิกถอนนิติกรรมซื้อขายที่ดินพิพาท อ้างว่าภริยาโจทก์โอนขายให้จำเลยไปโดยไม่ได้รับความยินยอม คดีถึงที่สุดโดยศาลวินิจฉัยในประเด็นว่า จำเลยซื้อที่พิพาทโดยไม่สุจริต พิพากษาว่าสัญญาซื้อขายที่ดินรายพิพาทระหว่างภริยาโจทก์กับจำเลยเป็นโมฆะ ให้เพิกถอนเสีย ดังนี้ ถ้าโจทก์นำคดีมาฟ้องจำเลยอีกว่านับตั้งแต่วันที่จำเลยได้รับโอนที่ดินรายพิพาทและห้องแถวไปจากภริยาโจทก์ จำเลยได้เก็บค่าเช่าที่ดินและห้องแถวไปจำนวนหนึ่ง ขอให้ศาลบังคับจำเลยชำระเงินจำนวนนั้นแก่โจทก์ ย่อมเป็นฟ้องซ้ำต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 152/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แก้ไขจำนวนค่าเสียหายและดอกเบี้ยในคำพิพากษาศาลชั้นต้น โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 143 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
คำพิพากษาของศาลชั้นต้นที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนนั้น แม้โจทก์ฎีกาขึ้นมาฝ่ายเดียวและศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ก็ตาม แต่ปรากฏแก่ศาลฎีกาว่า ศาลชั้นต้นได้รวมจำนวนค่าเสียหายตามรายการที่กำหนดให้แก่โจทก์ผิดพลาดเกินจำนวนอันแท้จริงไป 1,000 บาท ศาลฎีกาอาศัยอำนาจตามมาตรา143แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง พิพากษาแก้จำนวนค่าเสียหายให้ถูกต้องได้ และที่ศาลชั้นต้นมิได้กล่าวในคำพิพากษาให้ชัดแจ้งว่าดอกเบี้ยในจำนวนเงินค่าเสียหายที่ให้โจทก์ได้รับด้วยนั้น ให้คิดในอัตราเท่าใดและเริ่มแต่เมื่อใด ศาลฎีกาเห็นสมควรกำหนดให้ชัดแจ้งได้ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 152/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ศาลฎีกาแก้ไขจำนวนค่าเสียหายและกำหนดดอกเบี้ยในคดีละเมิด แม้มีการฎีกาฝ่ายเดียว
คำพิพากษาของศาลชั้นต้นที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนนั้น แม้โจทก์ฎีกาขึ้นมาฝ่ายเดียว และศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ก็ตาม แต่ปรากฏแก่ศาลฎีกาว่า ศาลชั้นต้นได้รวมจำนวนค่าเสียหายตามรายการที่กำหนดให้แก่โจทก์ผิดพลาดเกินจำนวนอันแท้จริงไป 1,000 บาท ศาลฎีกาอาศัยอำนาจตามมาตรา 143 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งพิพากษาแก้จำนวนค่าเสียหายให้ถูกต้องได้ และที่ศาลชั้นต้นมิได้กล่าวในคำพิพากษาให้ชัดแจ้งว่าดอกเบี้ยในจำนวนเงินค่าเสียหายที่ให้โจทก์ได้รับด้วยนั้น ให้คิดในอัตราเท่าใดและเริ่มแต่เมื่อใด ศาลฎีกาเห็นสมควรกำหนดให้ชัดแจ้งด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 150/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิโต้แย้งสัญชาติหลังถูกสั่งให้ออกจากประเทศ การแสดงตนเป็นคนต่างด้าวไม่ขัดขวางการพิสูจน์สัญชาติไทย
เมื่อเจ้าหน้าที่กองตรวจคนเข้าเมืองสั่งไม่ให้อยู่ในราชอาณาจักรและให้ออกไปให้พ้น ถ้าผู้นั้นได้โต้แย้งคำสั่งว่าเขาเป็นคนเกิดในประเทศไทย จะแต่งทนายร้องขอให้ศาลวินิจฉัย ดังนี้ ถือว่ามีข้อโต้แย้ง ชอบที่จะฟ้องศาลได้
การที่ได้แสดงตนและเอกสารว่าเป็นคนต่างด้าวมาก่อนแล้วก็กลับพิสูจน์ความจริงใหม่ได้
การที่ได้แสดงตนและเอกสารว่าเป็นคนต่างด้าวมาก่อนแล้วก็กลับพิสูจน์ความจริงใหม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 150/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิโต้แย้งสัญชาติ: การแสดงเจตนาคัดค้านคำสั่งห้ามเข้าประเทศ ถือเป็นการโต้แย้งสัญชาติและมีสิทธิฟ้องร้องได้
เมื่อเจ้าหน้าที่กองตรวจคนเข้าเมืองสั่งไม่ให้อยู่ในราชอาณาจักร และให้ออกไปให้พ้น ถ้าผู้นั้นได้โต้แย้งคำสั่งว่าเขาเป็นคนเกิดในประเทศไทย จะแต่งทนายร้องขอให้ศาลวินิจฉัย ดังนี้ ถือว่ามีข้อโต้แย้ง ชอบที่จะฟ้องศาลได้
การที่ได้แสดงตนและเอกสารว่าเป็นคนต่างด้วยมาก่อนแล้ว ก็กลับพิสูจน์ความจริงใหม่ได้
การที่ได้แสดงตนและเอกสารว่าเป็นคนต่างด้วยมาก่อนแล้ว ก็กลับพิสูจน์ความจริงใหม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 121/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องร้องแบ่งมรดกซ้ำซ้อน แม้เปลี่ยนฐานสิทธิเรียกร้อง ศาลยกฟ้องตามมาตรา 173
ถ้าปรากฏว่าได้เคยฟ้องเรียกทรัพย์มรดกรายเดียวกันมาครั้งหนึ่งและคดียังอยู่ในระหว่างพิจารณา โจทก์ย่อมไม่มีอำนาจที่จะนำคดีเรื่องเดียวกันมาฟ้องอีก ถึงแม้ว่าการฟ้องสองคราวนี้จะอ้างสิทธิต่างกัน โดยคดีแรกอ้างความเป็นทายาทปกครองมรดกร่วมกันมา ส่วนคดีหลังอ้างสิทธิตามสัญญาประนีประนอมยอมความก็ดี ทั้งนี้เพราะต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 173(1)