คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
กิตติ สีหนนทน์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 599 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1654/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความความผิดปลูกสร้างอาคาร: นับจากก่อสร้างเสร็จ ไม่ใช่ช่วงที่ยังไม่ได้รับอนุญาต
ความผิดฐานปลูกสร้างอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน ตามความในมาตรา 11 แห่งพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคารพ.ศ.2479 ซึ่งได้แก้ไขแล้วโดยพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคาร (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2504 นั้น. จะเกิดเป็นความผิดขึ้นเริ่มแต่วันทำการปลูกสร้างติดต่อเนื่องกันไปจนถึงวันทำการปลูกสร้างอาคารเสร็จ. อายุความฟ้องร้องย่อมนับถัดจากวันที่การปลูกสร้างอาคารเสร็จลง หาใช่ความผิดนั้นจะต่อเนื่องอยู่ตลอดเวลาที่ผู้กระทำยังไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1622/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในมรดกของภริยาที่สมรสใหม่ และสิทธิของสามีในการฟ้องเรียกทรัพย์สินมรดกที่เป็นสินบริคณห์
ทรัพย์มรดกซึ่งหญิงมีสามีมีสิทธิได้รับส่วนแบ่งก่อนทำการสมรสกับสามี แม้ทรัพย์มรดกนั้นยังไม่ได้แบ่งปันกัน ก็ย่อมเป็นสินเดิมของหญิงนั้น และเป็นสินบริคณห์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1462 โจทก์ซึ่งเป็นสามีมีสิทธิฟ้องเรียกมรดกส่วนของภริยาซึ่งเป็นสินบริคณห์ระหว่างสามีภริยาได้ ตามมาตรา 1469 และแม้จำเลยเป็นมารดาของภริยาโจทก์ ก็ไม่ต้องห้ามตามมาตรา 1534 เพราะจำเลยไม่ใช่บุพการีโจทก์และมิใช่เป็นเรื่องโจทก์ฟ้องแทนภริยา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1622/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิสามีฟ้องเรียกทรัพย์มรดกส่วนของภริยาที่เป็นสินบริคณห์ แม้ยังไม่ได้แบ่งมรดก
ทรัยพ์มรดกซึ่งหญิงมีสามีมีสิทธิได้รับส่วนแบ่งก่อนทำการสมรสกับสามีแม้ทรัพย์มรดกนั้นยังไม่ได้แบ่งปันกันก็ย่อมเป็นสินเดิมของหญิงนั้น และเป็นสินบริคณห์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1462 โจทก์ซึ่งเป็นสามีมีสิทธิฟ้องเรียกมรดกส่วนของภริยาซึ่งเป็นสินบริคณห์ระหว่างสามีภริยาได้ ตามมาตรา 1469 และแม้จำเลยเป็นมารดาของภริยาโจทก์ ก็ไม่ต้องห้ามตามมาตรา 1534 เพราะจำเลยไม่ใช่บุพการีโจทก์ และมิใช่เป็นเรื่องโจทก์ฟ้องแทนภริยา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1622/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในมรดกของภริยาและสามี: สินเดิม สินบริคณห์ อำนาจฟ้อง
ทรัพย์มรดกซึ่งหญิงมีสามีมีสิทธิได้รับส่วนแบ่งก่อนทำการสมรสกับสามี. แม้ทรัพย์มรดกนั้นยังไม่ได้แบ่งปันกัน.ก็ย่อมเป็นสินเดิมของหญิงนั้น และเป็นสินบริคณห์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1462. โจทก์ซึ่งเป็นสามีมีสิทธิฟ้องเรียกมรดกส่วนของภริยาซึ่งเป็นสินบริคณห์ระหว่างสามีภริยาได้ ตามมาตรา 1469. และแม้จำเลยเป็นมารดาของภริยาโจทก์ ก็ไม่ต้องห้ามตามมาตรา 1534. เพราะจำเลยไม่ใช่บุพการีโจทก์และมิใช่เป็นเรื่องโจทก์ฟ้องแทนภริยา.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1617/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าสินไหมทดแทนการขาดอุปการะกรณีคู่สมรสเสียชีวิต: การช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกันเป็นเหตุให้มีสิทธิได้รับค่าชดเชย
สามีภริยาอยู่กินด้วยกันมาได้ 30 ปีเศษ ขณะมีชีวิตอยู่ได้ช่วยเหลือในทางค้าขาย แสดงว่าสามีภริยาต่างก็มีอุปการะซึ่งกันและกัน ฉะนั้นเมื่อจำเลยทำละเมิดเป็นเหตุให้ฝ่ายหนึ่งตายลง ย่อมเป็นเหตุให้อีกฝ่ายหนึ่งต้องขาดไร้อุปการะและการขาดไร้อุปการะเช่นว่านี้เป็นการขาดไร้อุปการะตามกฎหมาย ผู้ที่มีชีวิตอยู่จึงชอบที่จะได้รับค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้นได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1617/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าสินไหมทดแทนจากการขาดไร้อุปการะของคู่สมรสหลังเกิดเหตุเสียชีวิต
สามีภริยาอยู่กินด้วยกันมาได้ 30 ปีเศษ ขณะมีชีวิตอยู่ได้ช่วยเหลือในทางค้าขาย แสดงว่าสามีภริยาต่างก็มีอุปการะซึ่งกันและกัน ฉะนั้นเมื่อฝ่ายหนึ่งตายลง ย่อมเป็นเหตุให้อีกฝ่ายหนึ่งต้องขาดไร้อุปการะและการขาดไร้อุปการะเช่นว่านี้เป็นการขาดไร้อุปการะตามกฎหมายผู้ที่มีชีวิตอยู่จึงชอบที่จะได้รับค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้นได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1617/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าสินไหมทดแทนจากการเสียชีวิต: การขาดไร้อุปการะระหว่างสามีภริยา
สามีภริยาอยู่กินด้วยกันมาได้ 30 ปีเศษ. ขณะมีชีวิตอยู่ได้ช่วยเหลือในทางค้าขาย แสดงว่าสามีภริยาต่างก็มีอุปการะซึ่งกันและกัน. ฉะนั้นเมื่อฝ่ายหนึ่งตายลง ย่อมเป็นเหตุให้อีกฝ่ายหนึ่งต้องขาดไร้อุปการะและการขาดไร้อุปการะเช่นว่านี้เป็นการขาดไร้อุปการะตามกฎหมาย.ผู้ที่มีชีวิตอยู่จึงชอบที่จะได้รับค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้นได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1615/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการวางเงินค่าทดแทนเวนคืนและการรับเงินเมื่อสถานะเจ้าของกรรมสิทธิ์ยังไม่ชัดเจน
ผู้ร้องในฐานะเจ้าหน้าที่เวนคืนอสังหาริมทรัพย์ฯ ยื่นคำร้องขอวางเงินค่าทดแทนตามที่เห็นสมควรต่อศาลตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ.2497 มาตรา 28 เพราะผู้ร้องคัดค้านมิใช่เจ้าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ถูกเวนคืน ส่วนผู้ร้องคัดค้านทั้งสองฝ่ายต่างคัดค้านเป็นปรปักษ์กันเองว่าต่างคนต่างเป็นเจ้าของ แต่ผู้ร้องคัดค้านทั้งสองเห็นว่าเงินค่าทดแทนยังไม่เป็นธรรม ผู้ร้องไม่มีสิทธิวางเงินต่อศาล ขอให้ยกคำร้อง คดีจึงมีประเด็นว่าผู้ร้องมีสิทธิวางเงินรายนี้ได้หรือไม่ และถ้ามีสิทธิวางได้ ผู้ร้องคัดค้านทั้งสองจะมีสิทธิรับเงินที่วางได้เพียงไรหรือไม่ แต่ในการพิจารณา ศาลเพียงแต่สอบถามคู่ความ เมื่อไม่ตกลงกันก็มีคำสั่งให้คู่กรณีไปดำเนินการต่อไปตามกฎหมาย โดยมิได้วินิจฉัยชี้ขาดประเด็นที่พิพาท ผู้ร้องคัดค้านจึงยังไม่อยู่ในฐานะที่จะมีสิทธิรับเงินรายนี้ได้ตามกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1615/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการวางเงินค่าทดแทนเวนคืน: เจ้าของกรรมสิทธิ์ยังไม่ชัดเจน ศาลยังไม่วินิจฉัยสิทธิรับเงิน
ผู้ร้องในฐานะเจ้าหน้าที่เวนคืนอสังหาริมทรัพย์ฯ. ยื่นคำร้องขอวางเงินค่าทดแทนตามที่เห็นสมควรต่อศาลตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ.2497 มาตรา 28. เพราะผู้ร้องคัดค้านมิใช่เจ้าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ถูกเวนคืน. ส่วนผู้ร้องคัดค้านทั้งสองฝ่ายต่างคัดค้านเป็นปรปักษ์กันเองว่าต่างคนต่างเป็นเจ้าของ. แต่ผู้ร้องคัดค้านทั้งสองเห็นว่าเงินค่าทดแทนยังไม่เป็นธรรม. ผู้ร้องไม่มีสิทธิวางเงินต่อศาล. ขอให้ยกคำร้อง. คดีจึงมีประเด็นว่าผู้ร้องมีสิทธิวางเงินรายนี้ได้หรือไม่. และถ้ามีสิทธิวางได้. ผู้ร้องคัดค้านทั้งสองจะมีสิทธิรับเงินที่วางได้เพียงไรหรือไม่. แต่ในการพิจารณา ศาลเพียงแต่สอบถามคู่ความ. เมื่อไม่ตกลงกัน.ก็มีคำสั่งให้คู่กรณีไปดำเนินการต่อไปตามกฎหมาย โดยมิได้วินิจฉัยชี้ขาดประเด็นที่พิพาท. ผู้ร้องคัดค้านจึงยังไม่อยู่ในฐานะที่จะมีสิทธิรับเงินรายนี้ได้ตามกฎหมาย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1615/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการวางเงินค่าทดแทนเวนคืน: ศาลต้องวินิจฉัยสถานะเจ้าของก่อนจ่ายเงิน
ผู้ร้องในฐานะเจ้าหน้าที่เวนคืนอสังหาริมทรัพย์ฯ ยื่นคำร้องขอวางเงินค่าทดแทนตามที่เห็นสมควรต่อศาลตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. 2497 มาตรา 28 เพราะผู้ร้องคัดค้านมิใช่เจ้าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ถูกเวนคืน ส่วนผู้ร้องคัดค้านทั้งสองฝ่ายต่างคัดค้าน เป็นปรปักษ์กันเองว่าต่างคนต่างเป็นเจ้าของแต่ผู้ร้องคัดค้านทั้งสองเห็นว่าเงินค่าทดแทนยังไม่เป็นธรรม ผู้ร้องไม่มีสิทธิวางเงินต่อศาล ขอให้ยกคำร้องคดีจึงมีประเด็นว่าผู้ร้องมีสิทธิวางเงินรายนี้ได้หรือไม่ และถ้ามีสิทธิวางได้ ผู้ร้องคัดค้านทั้งสองจะมีสิทธิรับเงินที่วางได้เพียงไรหรือไม่ แต่ในการพิจารณา ศาลเพียงแต่สอบถามคู่ความเมื่อไม่ตกลงกันก็มีคำสั่งให้คู่กรณีไปดำเนินการต่อไปตามกฎหมาย โดยมิได้วินิจฉัยชี้ขาดประเด็นที่พิพาท ผู้ร้องคัดค้านจึงยังไม่อยู่ในฐานะที่จะมีสิทธิรับเงินรายนี้ได้ตามกฎหมาย
of 60