คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ใหญ่ ศาลยาชีวิน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 219 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 263/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำคู่ความไม่ถูกต้อง ศาลฎีกามีอำนาจสั่งให้แก้ไขก่อนรับฟ้อง
เอกสารที่โจทก์ยื่นต่อศาล โจทก์ได้ใช้แบบพิมพ์ (31) อุทธรณ์ (32) ท้ายอุทธรณ์แล้วมาแก้เป็นฎีกา ในเนื้อหาได้บรรยายเป็นรูปอุทธรณ์คำสั่ง แล้วลงท้ายกลายเป็นขอให้ศาลฎีกาพิพากษา ซึ่งเป็นเรื่องเปะปะปนกันยุ่งไปหมด โดยไม่ทราบแน่ว่าโจทก์ประสงค์จะยื่นเป็นฎีกาเป็นอุทธรณ์หรือเป็นคำร้อง จะว่าเป็นฎีกา แต่แล้วศาลชั้นต้นก็มิได้สั่งรับหรือไม่รับฎีกา เพียงแต่สั่งรวมสำนวนส่งศาลฎีกาเท่านั้น ดังนี้ อาศัยความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจสั่งให้คืนคำคู่ความของโจทก์ไปจัดทำเสียใหม่ให้ถูกต้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 263/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นคำคู่ความไม่ถูกต้อง ศาลฎีกามีอำนาจสั่งให้แก้ไขก่อนรับฟ้อง
เอกสารที่โจทก์ยื่นต่อศาล โจทก์ได้ใช้แบบพิมพ์ (31)อุทธรณ์(32) ท้ายอุทธรณ์แล้วมาแก้เป็นฎีกา ในเนื้อหาได้บรรยายเป็นรูปอุทธรณ์คำสั่งแล้วลงท้ายกลายเป็นขอให้ศาลฎีกาพิพากษาซึ่งเป็นเรื่องเปะปะปนกันยุ่งไปหมดโดยไม่ทราบแน่ว่าโจทก์ประสงค์จะยื่นเป็นฎีกาเป็นอุทธรณ์หรือเป็นคำร้องจะว่าเป็นฎีกา แต่แล้วศาลชั้นต้นก็มิได้สั่งรับหรือไม่รับฎีกาเพียงแต่สั่งรวมสำนวนส่งศาลฎีกาเท่านั้นดังนี้อาศัยความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจสั่งให้คืนคำคู่ความของโจทก์ไปจัดทำเสียใหม่ให้ถูกต้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 202/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาคดีอาญาเมื่อจำเลยเปลี่ยนคำให้การและยอมรับสารภาพ ศาลอุทธรณ์มีอำนาจพิจารณาพิพากษาได้ทันที
วันนัดสืบพยานจำเลย ตัวจำเลยมาศาล แต่พยานอื่นไม่มา จำเลยยื่นคำร้องขอเลื่อนคดี ศาลไม่อนุญาตให้เลื่อน จำเลยจึงอ้างตนเองเข้าสืบได้ 1 ปากแล้วยอมให้ศาลตัดพยานจำเลยไปตามที่จำเลยเคยแถลงไว้ แล้วศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลย และจำเลยอุทธรณ์ขอให้ยกฟ้องโจทก์หรือขอให้โอกาสจำเลยสืบพยานได้อีก ดังนี้ เป็นเรื่องที่ศาลอุทธรณ์ย่อมพิพากษาคดีไปได้เลย ไม่จำเป็นต้องยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น หากศาลอุทธรณ์เห็นควรฟังคำพยานจำเลยต่อไปอีก ก็ชอบที่ศาลอุทธรณ์จะเรียกพยานมาสืบเอง หรือส่งสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นสืบพยานจำเลยเพิ่มเติม ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 208 (1)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 202/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาคดีอาญาเมื่อจำเลยเปลี่ยนคำให้การ ศาลอุทธรณ์ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น และการพิจารณาพิพากษาใหม่
วันนัดสืบพยานจำเลย ตัวจำเลยมาศาล. แต่พยานอื่นไม่มา. จำเลยยื่นคำร้องขอเลื่อนคดี. ศาลไม่อนุญาตให้เลื่อน.จำเลยจึงอ้างตนเองเข้าสืบได้ 1 ปากแล้วยอมให้ศาลตัดพยานจำเลยไปตามที่จำเลยเคยแถลงไว้. แล้วศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลย. และ จำเลยอุทธรณ์ขอให้ยกฟ้องโจทก์หรือขอให้โอกาสจำเลยสืบพยานได้อีก. ดังนี้ เป็นเรื่องที่ศาลอุทธรณ์ย่อมพิพากษาคดีไปได้เลย. ไม่จำเป็นต้องยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น. หากศาลอุทธรณ์เห็นควรฟังคำพยานจำเลยต่อไปอีก ก็ชอบที่ศาลอุทธรณ์จะเรียกพยานมาสืบเอง. หรือส่งสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นสืบพยานจำเลยเพิ่มเติม. ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 208(1).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 202/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาคดีอาญาเมื่อจำเลยยอมรับสารภาพและศาลอุทธรณ์พิพากษาไม่ถูกต้อง
วันนัดสืบพยานจำเลย ตัวจำเลยมาศาล แต่พยานอื่นไม่มาจำเลยยื่นคำร้องขอเลื่อนคดี ศาลไม่อนุญาตให้เลื่อนจำเลยจึงอ้างตนเองเข้าสืบได้ 1 ปากแล้วยอมให้ศาลตัดพยานจำเลยไปตามที่จำเลยเคยแถลงไว้แล้วศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยและ จำเลยอุทธรณ์ขอให้ยกฟ้องโจทก์หรือขอให้โอกาสจำเลยสืบพยานได้อีกดังนี้ เป็นเรื่องที่ศาลอุทธรณ์ย่อมพิพากษาคดีไปได้เลย ไม่จำเป็นต้องยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นหากศาลอุทธรณ์เห็นควรฟังคำพยานจำเลยต่อไปอีก ก็ชอบที่ศาลอุทธรณ์จะเรียกพยานมาสืบเองหรือส่งสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นสืบพยานจำเลยเพิ่มเติมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 208(1)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 121/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตีความคำฟ้องคดีฆ่าสัตว์: การระบุประเภทสัตว์ที่ไม่ใช่สัตว์ป่าในคำฟ้อง
คำฟ้องที่บรรยายว่า จำเลยกับพวกได้ร่วมกันฆ่ากระบือโดยมิได้รับอนุญาตและมิได้เสียอากรฆ่าสัตว์ตามพระราชบัญญัติควบคุมการฆ่าสัตว์และจำหน่ายเนื้อสัตว์ พ.ศ. 2502 มาตรา 6, 18 นั้น ย่อมเป็นการแสดงว่ามุ่งหมายถึงสัตว์ซึ่งมิใช่สัตว์ป่าอยู่ในตัว ไม่จำเป็นต้องกล่าวว่าเป็นสัตว์บ้านหรือสัตว์เลี้ยงแต่อย่างใด จึงถือว่าฟ้องของโจทก์ไม่เป็นฟ้องที่เคลือบคลุม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 121/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำฟ้องระบุการฆ่ากระบือโดยไม่ได้รับอนุญาต ย่อมหมายถึงสัตว์ที่นำมาเลี้ยงในชุมชน ไม่เคลือบคลุม
คำฟ้องที่บรรยายว่า จำเลยกับพวกได้ร่วมกันฆ่ากระบือโดยมิได้รับอนุญาตและมิได้เสียอากรฆ่าสัตว์ตามพระราชบัญญัติควบคุมการฆ่าสัตว์และจำหน่ายเนื้อสัตว์ พ.ศ.2502 มาตรา 6,18 นั้น ย่อมเป็นการแสดงว่ามุ่งหมายถึงสัตว์ซึ่งมิใช่สัตว์ป่าอยู่ในตัวไม่จำเป็นต้องกล่าวว่าเป็นสัตว์บ้านหรือสัตว์เลี้ยงแต่อย่างใดจึงถือว่าฟ้องของโจทก์ไม่เป็นฟ้องที่เคลือบคลุม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 121/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตีความคำฟ้องคดีฆ่าสัตว์ การระบุประเภทสัตว์ที่ไม่ใช่สัตว์ป่าในคำฟ้อง
คำฟ้องที่บรรยายว่า จำเลยกับพวกได้ร่วมกันฆ่ากระบือโดยมิได้รับอนุญาตและมิได้เสียอากรฆ่าสัตว์ตามพระราชบัญญัติควบคุมการฆ่าสัตว์และจำหน่ายเนื้อสัตว์ พ.ศ.2502 มาตรา 6,18 นั้น. ย่อมเป็นการแสดงว่ามุ่งหมายถึงสัตว์ซึ่งมิใช่สัตว์ป่าอยู่ในตัว.ไม่จำเป็นต้องกล่าวว่าเป็นสัตว์บ้านหรือสัตว์เลี้ยงแต่อย่างใด. จึงถือว่าฟ้องของโจทก์ไม่เป็นฟ้องที่เคลือบคลุม.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 109/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร่วมกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์-ฆ่าผู้อื่น: การพิสูจน์เจตนาและขอบเขตการกระทำ
ฟ้องว่าจำเลย 4 คนร่วมกันปล้นทรัพย์และฆ่าผู้เสียหายตายข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยคนหนึ่งรู้เห็นว่าจะมีการปล้นมาก่อนแต่ไม่ได้ความว่าได้ร่วมคิดวางแผนแบ่งหน้าที่รับมากระทำเป็นส่วนๆด้วยจำเลยคนนี้เพียงรับจัดการจำหน่ายทรัพย์ที่จำเลยอื่นปล้นได้โดยเข้ามาร่วมกระทำด้วยเมื่อมีการขนทรัพย์นั้นเคลื่อนที่อันเป็นการลักทรัพย์สำเร็จเท่านั้น การกระทำในตอนใช้กำลังประทุษร้ายผู้เสียหายนั้นจำเลยนี้อยู่ที่อื่นห่างไกลจำเลยจึงยังไม่มีความผิดฐานร่วมปล้นทรัพย์และฆ่าผู้เสียหาย แต่มีความผิดเพียงฐานลักทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335(7)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 109/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร่วมกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์และการแบ่งหน้าที่รับผิดชอบ ความผิดฐานลักทรัพย์
ฟ้องว่าจำเลย 4 คนร่วมกันปล้นทรัพย์และฆ่าผู้เสียหายตาย ข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยคนหนึ่งรู้เห็นว่าจะมีการปล้นมาก่อน แต่ไม่ได้ความว่าได้ร่วมคิดวางแผนแบ่งหน้าที่รับมากระทำเป็นส่วน ๆ ด้วย จำเลยคนนี้เพียงรับจัดการจำหน่ายทรัพย์ที่จำเลยอื่นปล้นได้โดยเข้ามาร่วมกระทำด้วยเมื่อมีการขนทรัพย์นั้นเคลื่อนที่อันเป็นการลักทรัพย์สำเร็จเท่านั้น การกระทำในตอนใช้กำลังประทุษร้ายผู้เสียหายนั้น จำเลยนี้อยู่ที่อื่นห่างไกล จำเลยจึงยังไม่มีความผิดฐานร่วมปล้นทรัพย์และฆ่าผู้เสียหาย แต่มีความผิดเพียงฐานลักทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 (7)
of 22