พบผลลัพธ์ทั้งหมด 389 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1735/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปฏิบัติคำท้าพิสูจน์ข้อเท็จจริงต้องตรงตามความประสงค์คู่ความ หากไม่ตรง ศาลไม่ถือเป็นข้อพิสูจน์
สำเนาคำฟ้องฎีกา เมื่อเจ้าพนักงานศาลรายงานว่า สั่งให้จำเลยฎีกาไม่ได้เพราะตัวจำเลยตาย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้โจทก์ฎีกาแถลงมาภายใน 5 วัน โจทก์ทราบคำสั่งแล้วครบกำหนด 5 วันไม่แถลงให้ศาลทราบย่อมถือได้ว่าโจทก์ทิ้งฟ้องฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2) ได้
คู่ความตกลงท้ากันให้พนักงานที่ดินอำเภอและปลัดอำเภอคนใดคนหนึ่งแล้วแต่นายอำเภอจะกำหนดตัวพากันไปดูที่พิพาทร่วมกับคู่ความ เพื่อต้องการทราบว่าที่พิพาทอยู่หมู่ที่ 2 หรือหมู่ที่ 3 ตำบลสำโรงชัย แล้วรายงานมายังศาล ถ้าที่พิพาทอยู่หมู่ที่ 3 ให้ศาลพิพากษาให้โจทก์ชนะถ้าที่พิพาทอยู่หมู่ที่ 2 ให้ศาลพิพากษาให้จำเลยชนะ เมื่อปรากฏว่าเสมียนพนักงานที่ดินกับปลัดอำเภอไปดูที่พิพาทแทนตัวพนักงานที่ดินจึงไม่ตรงกับความประสงค์ของคู่ความที่ท้ากัน ถือได้ว่ายังไม่มีการปฏิบัติโดยถูกต้องตามคำท้า ศาลจะพิพากษาให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดชนะคดียังไม่ได้
คู่ความตกลงท้ากันให้พนักงานที่ดินอำเภอและปลัดอำเภอคนใดคนหนึ่งแล้วแต่นายอำเภอจะกำหนดตัวพากันไปดูที่พิพาทร่วมกับคู่ความ เพื่อต้องการทราบว่าที่พิพาทอยู่หมู่ที่ 2 หรือหมู่ที่ 3 ตำบลสำโรงชัย แล้วรายงานมายังศาล ถ้าที่พิพาทอยู่หมู่ที่ 3 ให้ศาลพิพากษาให้โจทก์ชนะถ้าที่พิพาทอยู่หมู่ที่ 2 ให้ศาลพิพากษาให้จำเลยชนะ เมื่อปรากฏว่าเสมียนพนักงานที่ดินกับปลัดอำเภอไปดูที่พิพาทแทนตัวพนักงานที่ดินจึงไม่ตรงกับความประสงค์ของคู่ความที่ท้ากัน ถือได้ว่ายังไม่มีการปฏิบัติโดยถูกต้องตามคำท้า ศาลจะพิพากษาให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดชนะคดียังไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1735/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปฏิบัติคำท้าพิสูจน์ข้อเท็จจริงต้องเป็นไปตามที่คู่ความตกลง หากไม่ตรงตามข้อตกลง ศาลยังไม่สามารถพิพากษาคดีได้
สำเนาคำฟ้องฎีกา เมื่อเจ้าพนักงานศาลรายงานว่า สั่งให้จำเลยฎีกาไม่ได้เพราะตัวจำเลยตาย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้โจทก์ฎีกาแถลงมาภายใน 5 วัน โจทก์ทราบคำสั่งแล้วครบกำหนด 5 วันไม่แถลงให้ศาลทราบย่อมถือได้ว่าโจทก์ทิ้งฟ้องฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 174(2) ได้
คู่ความตกลงท้ากันให้พนักงานที่ดินอำเภอและปลัดอำเภอ คนใดคนหนึ่งแล้วแต่นายอำเภอจะกำหนดตัวพากันไปดูที่พิพาทร่วมกับคู่ความ เพื่อต้องการทราบว่าที่พิพาทอยู่หมู่ที่ 2 หรือหมู่ที่ 3 ตำบลสำโรงชัย แล้วรายงานมายังศาล ถ้าที่พิพาทอยู่หมู่ที่ 3 ให้ศาลพิพากษาให้โจทก์ชนะถ้าที่พิพาทอยู่หมู่ที่ 2 ให้ศาลพิพากษาให้จำเลยชนะ เมื่อปรากฏว่าเสมียนพนักงานที่ดินกับปลัดอำเภอไปดูที่พิพาทแทนตัวพนักงานที่ดินจึงไม่ตรงกับความประสงค์ของคู่ความที่ท้ากัน ถือได้ว่ายังไม่มีการปฏิบัติโดยถูกต้องตามคำท้า ศาลจะพิพากษาให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดชนะคดียังไม่ได้
คู่ความตกลงท้ากันให้พนักงานที่ดินอำเภอและปลัดอำเภอ คนใดคนหนึ่งแล้วแต่นายอำเภอจะกำหนดตัวพากันไปดูที่พิพาทร่วมกับคู่ความ เพื่อต้องการทราบว่าที่พิพาทอยู่หมู่ที่ 2 หรือหมู่ที่ 3 ตำบลสำโรงชัย แล้วรายงานมายังศาล ถ้าที่พิพาทอยู่หมู่ที่ 3 ให้ศาลพิพากษาให้โจทก์ชนะถ้าที่พิพาทอยู่หมู่ที่ 2 ให้ศาลพิพากษาให้จำเลยชนะ เมื่อปรากฏว่าเสมียนพนักงานที่ดินกับปลัดอำเภอไปดูที่พิพาทแทนตัวพนักงานที่ดินจึงไม่ตรงกับความประสงค์ของคู่ความที่ท้ากัน ถือได้ว่ายังไม่มีการปฏิบัติโดยถูกต้องตามคำท้า ศาลจะพิพากษาให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดชนะคดียังไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1730/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมที่ระงับคดีอาญาแผ่นดินขัดต่อความสงบเรียบร้อย ถือเป็นโมฆะ
บุตรจำเลยขับจักรยานยนต์ชนบุตรโจทก์ได้รับบาดเจ็บสาหัสโจทก์จำเลยจึงได้ทำสัญญาปรองดองกัน โดยฝ่ายจำเลยยอมชดใช้ค่าเสียหายทั้งสิ้น ฝ่ายโจทก์ไม่เอาความผิดในคดีอาญา ดังนี้ วัตถุประสงค์ของสัญญามีผลเท่ากับตกลงให้ระงับคดีอาญาแผ่นดินเป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน สัญญาจึงตกเป็นโมฆะ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1730/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาชดใช้ค่าเสียหายแลกกับการไม่ดำเนินคดีอาญาเป็นโมฆะเพราะขัดต่อความสงบเรียบร้อย
บุตรจำเลยขับจักรยานยนต์ชนบุตรโจทก์ได้รับบาดเจ็บสาหัสโจทก์จำเลยจึงได้ทำสัญญาปรองดองกัน โดยฝ่ายจำเลยยอมชดใช้ค่าเสียหายทั้งสิ้น ฝ่ายโจทก์ไม่เอาความผิดในคดีอาญา ดังนี้วัตถุประสงค์ของสัญญามีผลเท่ากับตกลงให้ระงับคดีอาญาแผ่นดินเป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน สัญญาจึงตกเป็นโมฆะ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1658/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อที่ไม่สมบูรณ์: การลงลายมือชื่อกรรมการคนเดียวไม่ผูกพันบริษัท
จำเลยต่อสู้ว่าสัญญาเช่าซื้อที่โจทก์ฟ้องเป็นเอกสารที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะกรรมการผู้มีอำนาจลงชื่อแทนบริษัทโจทก์ ลงลายมือชื่อแต่ผู้เดียวเป็นการไม่ถูกต้องตามหนังสือรับรองของหอทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกลางถือได้ว่าจำเลยตั้งประเด็นต่อสู้เรื่องอำนาจฟ้องของโจทก์แล้ว
กรรมการผู้มีอำนาจลงลายมือชื่อกระทำแทนบริษัทโจทก์ได้มี 3 คนสองในสามคนมีอำนาจลงลายมือชื่อกระทำแทนบริษัทได้แต่ต้องประทับตราสำคัญของบริษัทด้วย ดังนี้ การลงลายมือชื่อในเอกสารที่ทำขึ้นในนามของโจทก์ซึ่งเป็นบริษัทจำกัด จะมีผลเป็นการลงลายมือชื่อของโจทก์โดยสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อกรรมการที่ระบุชื่อไว้ลงลายมือชื่อแทนโจทก์ไม่น้อยกว่าสองคนและประทับตราด้วยแต่ตามสัญญาเช่าซื้อที่โจทก์ทำไว้กับจำเลย ปรากฏว่ากรรมการผู้เดียวลงลายมือชื่อเป็นคู่สัญญาในฐานะผู้ให้เช่าซื้อ จึงไม่มีผลสมบูรณ์เป็นการลงลายมือชื่อของโจทก์ ถือไม่ได้ว่าโจทก์เป็นคู่สัญญาเช่าซื้อกับจำเลย โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยรับผิดตามสัญญาเช่าซื้อฟ้องโจทก์ต้องยกเสีย โดยไม่จำต้องวินิจฉัยปัญหาว่า เป็นการกระทำของตัวแทนซึ่งกระทำไปโดยปราศจากอำนาจ หรือทำนอกทำเหนือขอบอำนาจ และโจทก์ซึ่งเป็นตัวการได้ให้สัตยาบันแล้วหรือไม่เพราะเป็นการนอกประเด็นจากคำฟ้องและคำให้การ
(วรรคสองวินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 24/2513)
กรรมการผู้มีอำนาจลงลายมือชื่อกระทำแทนบริษัทโจทก์ได้มี 3 คนสองในสามคนมีอำนาจลงลายมือชื่อกระทำแทนบริษัทได้แต่ต้องประทับตราสำคัญของบริษัทด้วย ดังนี้ การลงลายมือชื่อในเอกสารที่ทำขึ้นในนามของโจทก์ซึ่งเป็นบริษัทจำกัด จะมีผลเป็นการลงลายมือชื่อของโจทก์โดยสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อกรรมการที่ระบุชื่อไว้ลงลายมือชื่อแทนโจทก์ไม่น้อยกว่าสองคนและประทับตราด้วยแต่ตามสัญญาเช่าซื้อที่โจทก์ทำไว้กับจำเลย ปรากฏว่ากรรมการผู้เดียวลงลายมือชื่อเป็นคู่สัญญาในฐานะผู้ให้เช่าซื้อ จึงไม่มีผลสมบูรณ์เป็นการลงลายมือชื่อของโจทก์ ถือไม่ได้ว่าโจทก์เป็นคู่สัญญาเช่าซื้อกับจำเลย โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยรับผิดตามสัญญาเช่าซื้อฟ้องโจทก์ต้องยกเสีย โดยไม่จำต้องวินิจฉัยปัญหาว่า เป็นการกระทำของตัวแทนซึ่งกระทำไปโดยปราศจากอำนาจ หรือทำนอกทำเหนือขอบอำนาจ และโจทก์ซึ่งเป็นตัวการได้ให้สัตยาบันแล้วหรือไม่เพราะเป็นการนอกประเด็นจากคำฟ้องและคำให้การ
(วรรคสองวินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 24/2513)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1658/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อไม่สมบูรณ์เมื่อกรรมการลงลายมือชื่อคนเดียว ขาดการประทับตราบริษัท สัญญาจึงไม่มีผลผูกพัน
จำเลยต่อสู้ว่าสัญญาเช่าซื้อที่โจทก์ฟ้องเป็นเอกสารที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะกรรมการผู้มีอำนาจลงชื่อแทนบริษัทโจทก์ ลงลายมือชื่อแต่ผู้เดียวเป็นการไม่ถูกต้องตามหนังสือรับรองของหอทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกลางถือได้ว่าจำเลยตั้งประเด็นต่อสู้เรื่องอำนาจฟ้องของโจทก์แล้ว
กรรมการผู้มีอำนาจลงลายมือชื่อกระทำแทนบริษัทโจทก์ได้มี 3 คน สองในสามคนมีอำนาจลงลายมือชื่อกระทำแทนบริษัทได้แต่ต้องประทับตราสำคัญของบริษัทด้วย ดังนี้ การลงลายมือชื่อในเอกสารที่ทำขึ้นในนามของโจทก์ซึ่งเป็นบริษัทจำกัด จะมีผลเป็นการลงลายมือชื่อของโจทก์โดยสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อกรรมการที่ระบุชื่อไว้ลงลายมือชื่อแทนโจทก์ไม่น้อยกว่าสองคนและประทับตราด้วยแต่ตามสัญญาเช่าซื้อที่โจทก์ทำไว้กับจำเลย ปรากฏว่ากรรมการผู้เดียวลงลายมือชื่อเป็นคู่สัญญาในฐานะผู้ให้เช่าซื้อ จึงไม่มีผลสมบูรณ์เป็นการลงลายมือชื่อของโจทก์ ถือไม่ได้ว่าโจทก์เป็นคู่สัญญาเช่าซื้อกับจำเลย โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยรับผิดตามสัญญาเช่าซื้อฟ้องโจทก์ต้องยกเสียโดยไม่จำต้องวินิจฉัยปัญหาว่า เป็นการกระทำของตัวแทนซึ่งกระทำไปโดยปราศจากอำนาจ หรือทำนอกทำเหนือขอบอำนาจ และโจทก์ซึ่งเป็นตัวการได้ให้สัตยาบันแล้วหรือไม่เพราะเป็นการนอกประเด็นจากคำฟ้องและคำให้การ
(วรรคสองวินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 24/2513)
กรรมการผู้มีอำนาจลงลายมือชื่อกระทำแทนบริษัทโจทก์ได้มี 3 คน สองในสามคนมีอำนาจลงลายมือชื่อกระทำแทนบริษัทได้แต่ต้องประทับตราสำคัญของบริษัทด้วย ดังนี้ การลงลายมือชื่อในเอกสารที่ทำขึ้นในนามของโจทก์ซึ่งเป็นบริษัทจำกัด จะมีผลเป็นการลงลายมือชื่อของโจทก์โดยสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อกรรมการที่ระบุชื่อไว้ลงลายมือชื่อแทนโจทก์ไม่น้อยกว่าสองคนและประทับตราด้วยแต่ตามสัญญาเช่าซื้อที่โจทก์ทำไว้กับจำเลย ปรากฏว่ากรรมการผู้เดียวลงลายมือชื่อเป็นคู่สัญญาในฐานะผู้ให้เช่าซื้อ จึงไม่มีผลสมบูรณ์เป็นการลงลายมือชื่อของโจทก์ ถือไม่ได้ว่าโจทก์เป็นคู่สัญญาเช่าซื้อกับจำเลย โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยรับผิดตามสัญญาเช่าซื้อฟ้องโจทก์ต้องยกเสียโดยไม่จำต้องวินิจฉัยปัญหาว่า เป็นการกระทำของตัวแทนซึ่งกระทำไปโดยปราศจากอำนาจ หรือทำนอกทำเหนือขอบอำนาจ และโจทก์ซึ่งเป็นตัวการได้ให้สัตยาบันแล้วหรือไม่เพราะเป็นการนอกประเด็นจากคำฟ้องและคำให้การ
(วรรคสองวินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 24/2513)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1484/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความและเหตุผลสมควรในการงดบังคับคดี กรณีกรรมสิทธิ์พิพาทไม่ชัดเจน
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากตึกพิพาทซึ่งอ้างว่าเป็นของโจทก์แล้วโจทก์จำเลยทำสัญญายอมความกัน โดยโจทก์ยอมให้จำเลยอยู่ในตึกพิพาทต่อไป และจำเลยจะต้องชำระค่าเช่าเป็นรายเดือนถ้าผิดนัดจะยอมออกจากตึกพิพาท ในสัญญายอมความมีข้อความแสดงว่าจำเลยยังไม่ทราบว่าตึกพิพาทเป็นของใครกันแน่ เพราะโจทก์กับบุคคลภายนอกกำลังมีคดีพิพาทกันเรื่องกรรมสิทธิ์อยู่ ต่อมาบุคคลภายนอกชนะคดีโจทก์ และเร่งรัดจำเลย จนต้องไปทำสัญญาเช่าให้แต่คดีนั้นยังไม่ถึงที่สุด และจำเลยค้างชำระค่าเช่าแก่โจทก์ตามสัญญายอมความ โดยอ้างว่าไม่ทราบว่าจะชำระให้ใครถูก ดังนี้เมื่อโจทก์ขอให้บังคับให้จำเลยขนย้ายออกจากตึกพิพาท คดีมีเหตุผลควรให้งดการบังคับคดีไว้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1484/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความกับผู้มีสิทธิไม่ชัดเจน: เหตุผลสมควรให้งดบังคับคดีได้
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากตึกพิพาทซึ่งอ้างว่าเป็นของโจทก์แล้วโจทก์จำเลยทำสัญญายอมความกัน โดยโจทก์ยอมให้จำเลยอยู่ในตึกพิพาทต่อไป และจำเลยจะต้องชำระค่าเช่าเป็นรายเดือนถ้าผิดนัดจะยอมออกจากตึกพิพาท ในสัญญายอมความมีข้อความแสดงว่า จำเลยยังไม่ทราบว่าตึกพิพาทเป็นของใครกันแน่ เพราะโจทก์กับบุคคลภายนอกกำลังมีคดีพิพาทกันเรื่องกรรมสิทธิ์อยู่ ต่อมาบุคคลภายนอกชนะคดีโจทก์ และเร่งรัดจำเลย จนต้องไปทำสัญญาเช่าให้แต่คดีนั้นยังไม่ถึงที่สุด และจำเลยค้างชำระค่าเช่าแก่โจทก์ตามสัญญายอมความ โดยอ้างว่าไม่ทราบว่าจะชำระให้ใครถูก ดังนี้ เมื่อโจทก์ขอให้บังคับให้จำเลยขนย้ายออกจากตึกพิพาท คดีมีเหตุผลควรให้งดการบังคับคดีไว้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1318/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภูมิลำเนาบริษัทต่างประเทศที่มีสาขาในไทย และสิทธิในการขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย
บริษัทต่างประเทศซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่นอกราชอาณาจักรขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย เมื่อบริษัทนั้นมีสาขาสำนักงานในประเทศไทย และหนี้นั้นก็เป็นหนี้ที่เกิดแต่การที่จำเลยซื้อสินค้าจากสาขาสำนักงานของบริษัทซึ่งถือได้ว่าบริษัทนั้นมีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศไทยด้วย ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 71 วรรคสอง การขอรับชำระหนี้ในกรณีเช่นนี้ไม่จำต้องพิสูจน์ตามเงื่อนไขในมาตรา 178 แห่ง พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1318/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภูมิลำเนาบริษัทต่างประเทศในไทยกับการขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย
บริษัทต่างประเทศซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่นอกราชอาณาจักร ขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย เมื่อบริษัทนั้นมีสาขาสำนักงานในประเทศไทย และหนี้นั้นเป็นหนี้ที่เกิดแต่การที่จำเลยซื้อสินค้าจากสาขาสำนักงานของบริษัท ซึ่งถือได้ว่าบริษัทนั้นมีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศไทยด้วยตามประมวลกฎฆมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 71 วรรค 2 การขอรับชำระหนี้ในกรณีเช่นนี้ไม่จำต้องพิสูจน์ตามเงื่อนไขในมาตรา 178 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483